บทที่ 1
ณ ดูไบ สหรัฐอาหรับ-เอมิเรตส์
ฟาติมาอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาว มีผ้าคลุมผมขาวไปถึงพื้น ใบหน้ามีผ้าคลุมปิดจนเห็นแค่เพียงดวงตาที่ราวกับเหยี่ยวทะเลทรายซึ่งคมกริบ อายไลน์เนอร์สีดำที่ขับให้ดวงตางามโดดเด่นตามฉบับผู้หญิงที่มีเชื้อสายของชาวอาหรับ
ราฮีมเดินนำฟาติมาเข้าไปในห้องหอ โดยที่เธอเดินตามไปโดยที่หัวใจเต้นระส่ำ
ราฮีมเดินผ่านประตูเข้าไป แล้วหยุดเดิน เพื่อรอเจ้าสาวเดินตามเข้าไป
“มาสิ”ราฮีมยื่นมือมาหาเธอ
ฟาติมาเดินก้าวเข้าไปราวกับโดนมนต์สะกด
สายตาของเขาคมเข้ม ดูน่าหลงใหล ใบหน้าหล่อเหลา ทำเอาเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ฟาติมาก็ถึงกับสะดุดชายกระโปรงชุดเจ้าสาว จนทำให้เสียหลัก แต่ดีที่ราฮีมมือไว จึงสามารถรับร่างเธอไว้ได้ก่อนจะล้มลงไปบนพื้นห้อง
“ทำไม ถึงกับเข่าอ่อนเลยเหรอสาวน้อย”เขาแซวยิ้มๆ
“ไม่ใช่ซะหน่อย”ฟาติมารีบสะบัดตัวออกห่างเพื่อรักษาระยะระหว่างกัน
“ไม่ต้องหวงตัวไปหรอก เราแต่งงานกันแล้ว”
“แต่เราแต่งเพราะฉันอยากจะมาอยู่ดูไบ เพื่อสืบหาเกี่ยวกับพ่อได้อย่างสะดวกฉันเลยต้องอยู่ในฐานะคนของคุณ ..แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะฉวยโอกาสกับฉันยังไงก็ได้เสียหน่อย”
“มันเป็นทางที่ดีที่สุด เชื่อสิ”ราฮีมกล่าว ขณะที่เดินเข้าไปใกล้ “ฉันมีบุญคุณ ยอมเสียสละตัวเองแต่งกับเธอ แล้วไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณกันบ้างหรือไง”
“ฉันไม่ได้ขอ แต่คุณเสนอเอง เพราะงั้น อย่ามาทวงบุญคุณ”ฟาติมากล่าว
“เธอนี่มัน ..ไร้สามัญสำนึกจริงๆ”เขาว่าเข้าให้
“จะยกเลิกการแต่งงานของเราให้เป็นโมฆะตอนนี้เลยก็ได้นะ”ฟาติมาพูดอย่างไม่แคร์ก่อนจะก็เดินผ่านเขาไป
“โอ๊ย!”เธอสะดุดเท้าตัวเองล้มลง
“พระเจ้าลงโทษคนที่ไม่รู้บุญคุณคนอย่างนี้ล่ะ”ราฮีมพูดขณะที่เดินมาช้อนร่างเธอขึ้นอุ้ม แล้วพาเดินไปที่เตียง
“เอ๊ะ นี่คุณ ..อย่าถือโอกาสสิ”ฟาติมาโวยวาย พร้อมทั้งดิ้นในเวลาเดียวกัน
“ฉันก็ไม่ได้พิศวาสเธอนักหรอก แต่ที่ช่วยทุกอย่างนี่ก็เพราะเห็นว่า เธอเป็นน้องสาวของลิลลดา ซึ่งเป็นเมียของจางเหว่ย ซึ่งเป็นเพื่อนรักของฉัน
“ถ้าไม่ใช่เพราะอาเหว่ยพูดขอร้องให้ฉันช่วยสืบหาพ่อบังเกิดเกล้าของเธอ ฉันคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอหรอก”ไม่พูดเปล่า เขาได้โยนเธอลงบนเตียงนุ่มที่มั่นใจได้ว่า หล่นลงไปแล้วไม่เจ็บตัวแน่นอน
“อีตาบ้าเอ๊ย! วางดีๆ ไม่ได้หรือไง”
“ด่าผัวหรือพูดคำหยาบกับผัวมันบาปนะที่รัก”ราฮีมกวนประสาทเธอ
เขานั่งลงบนเตียง ลำตัวโน้มลงไป มือทั้งสองคร่อมร่างเธอไว้ สายตามองสบตากัน
“ก็บอกแล้วไงว่าเราแต่งงานกันเฉพาะในนาม”ฟาติมาย้ำ
“สิ่งที่เราทำมันผิด เพราะการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”ราฮีมรู้สึกผิดบาปวูบเข้ามาในใจ
“ถ้าคุณรู้สึกผิด จะยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ก็ได้นะ”เธอมองสบตาสีแอมเบอร์ของเขานิ่ง
นัยน์ตาของราฮีมสีอำพัน มันเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง ดูน่าหลงใหล ใจเธอเต้นตึกตัก เมื่อได้มองสบตากันทุกครั้งไป ไม่รู้เป็นอะไร แต่ดวงตาคู่นั้น มันมีอิทธิพลต่อเลือดในกายเธอซึ่งสูบฉีดแรงทุกครั้ง หัวใจทำงานหนักเมื่อได้นิจมอง
ทั้งสองรู้สึกเหมือนมีแรงแม่เหล็กมหาศาลที่ดึงดูดกันและและกัน ทว่า ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพยายามควบคุมตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้ถลำตัวถลำใจในเกมการแต่งงานครั้งนี้
“เปลี่ยนชุด แล้วอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดนอนซะ”เขาสั่ง
“ ..”ฟาติมาได้ยินว่านอนแล้วก็ใจเต้นระรัว กลัวว่าการแต่งงานแบบหลอกๆ มันจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา
“ฉันรับรองว่าไม่ฟัดเธอทำเมียคืนนี้หรอก”ราฮีมลุกจากเตียง จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับยิ้มให้ตัวเอง แล้วพึมพำโดยที่เธอไม่ได้ยิน “แต่ถ้าคืนอื่นๆ ..มันก็ไม่แน่”
*____________________*
กรงวิวาห์ซาตาน(ฟาติมา)
บทที่ 1
ณ ดูไบ สหรัฐอาหรับ-เอมิเรตส์
ฟาติมาอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาว มีผ้าคลุมผมขาวไปถึงพื้น ใบหน้ามีผ้าคลุมปิดจนเห็นแค่เพียงดวงตาที่ราวกับเหยี่ยวทะเลทรายซึ่งคมกริบ อายไลน์เนอร์สีดำที่ขับให้ดวงตางามโดดเด่นตามฉบับผู้หญิงที่มีเชื้อสายของชาวอาหรับ
ราฮีมเดินนำฟาติมาเข้าไปในห้องหอ โดยที่เธอเดินตามไปโดยที่หัวใจเต้นระส่ำ
ราฮีมเดินผ่านประตูเข้าไป แล้วหยุดเดิน เพื่อรอเจ้าสาวเดินตามเข้าไป
“มาสิ”ราฮีมยื่นมือมาหาเธอ
ฟาติมาเดินก้าวเข้าไปราวกับโดนมนต์สะกด
สายตาของเขาคมเข้ม ดูน่าหลงใหล ใบหน้าหล่อเหลา ทำเอาเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ฟาติมาก็ถึงกับสะดุดชายกระโปรงชุดเจ้าสาว จนทำให้เสียหลัก แต่ดีที่ราฮีมมือไว จึงสามารถรับร่างเธอไว้ได้ก่อนจะล้มลงไปบนพื้นห้อง
“ทำไม ถึงกับเข่าอ่อนเลยเหรอสาวน้อย”เขาแซวยิ้มๆ
“ไม่ใช่ซะหน่อย”ฟาติมารีบสะบัดตัวออกห่างเพื่อรักษาระยะระหว่างกัน
“ไม่ต้องหวงตัวไปหรอก เราแต่งงานกันแล้ว”
“แต่เราแต่งเพราะฉันอยากจะมาอยู่ดูไบ เพื่อสืบหาเกี่ยวกับพ่อได้อย่างสะดวกฉันเลยต้องอยู่ในฐานะคนของคุณ ..แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะฉวยโอกาสกับฉันยังไงก็ได้เสียหน่อย”
“มันเป็นทางที่ดีที่สุด เชื่อสิ”ราฮีมกล่าว ขณะที่เดินเข้าไปใกล้ “ฉันมีบุญคุณ ยอมเสียสละตัวเองแต่งกับเธอ แล้วไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณกันบ้างหรือไง”
“ฉันไม่ได้ขอ แต่คุณเสนอเอง เพราะงั้น อย่ามาทวงบุญคุณ”ฟาติมากล่าว
“เธอนี่มัน ..ไร้สามัญสำนึกจริงๆ”เขาว่าเข้าให้
“จะยกเลิกการแต่งงานของเราให้เป็นโมฆะตอนนี้เลยก็ได้นะ”ฟาติมาพูดอย่างไม่แคร์ก่อนจะก็เดินผ่านเขาไป
“โอ๊ย!”เธอสะดุดเท้าตัวเองล้มลง
“พระเจ้าลงโทษคนที่ไม่รู้บุญคุณคนอย่างนี้ล่ะ”ราฮีมพูดขณะที่เดินมาช้อนร่างเธอขึ้นอุ้ม แล้วพาเดินไปที่เตียง
“เอ๊ะ นี่คุณ ..อย่าถือโอกาสสิ”ฟาติมาโวยวาย พร้อมทั้งดิ้นในเวลาเดียวกัน
“ฉันก็ไม่ได้พิศวาสเธอนักหรอก แต่ที่ช่วยทุกอย่างนี่ก็เพราะเห็นว่า เธอเป็นน้องสาวของลิลลดา ซึ่งเป็นเมียของจางเหว่ย ซึ่งเป็นเพื่อนรักของฉัน
“ถ้าไม่ใช่เพราะอาเหว่ยพูดขอร้องให้ฉันช่วยสืบหาพ่อบังเกิดเกล้าของเธอ ฉันคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอหรอก”ไม่พูดเปล่า เขาได้โยนเธอลงบนเตียงนุ่มที่มั่นใจได้ว่า หล่นลงไปแล้วไม่เจ็บตัวแน่นอน
“อีตาบ้าเอ๊ย! วางดีๆ ไม่ได้หรือไง”
“ด่าผัวหรือพูดคำหยาบกับผัวมันบาปนะที่รัก”ราฮีมกวนประสาทเธอ
เขานั่งลงบนเตียง ลำตัวโน้มลงไป มือทั้งสองคร่อมร่างเธอไว้ สายตามองสบตากัน
“ก็บอกแล้วไงว่าเราแต่งงานกันเฉพาะในนาม”ฟาติมาย้ำ
“สิ่งที่เราทำมันผิด เพราะการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”ราฮีมรู้สึกผิดบาปวูบเข้ามาในใจ
“ถ้าคุณรู้สึกผิด จะยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ก็ได้นะ”เธอมองสบตาสีแอมเบอร์ของเขานิ่ง
นัยน์ตาของราฮีมสีอำพัน มันเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง ดูน่าหลงใหล ใจเธอเต้นตึกตัก เมื่อได้มองสบตากันทุกครั้งไป ไม่รู้เป็นอะไร แต่ดวงตาคู่นั้น มันมีอิทธิพลต่อเลือดในกายเธอซึ่งสูบฉีดแรงทุกครั้ง หัวใจทำงานหนักเมื่อได้นิจมอง
ทั้งสองรู้สึกเหมือนมีแรงแม่เหล็กมหาศาลที่ดึงดูดกันและและกัน ทว่า ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพยายามควบคุมตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้ถลำตัวถลำใจในเกมการแต่งงานครั้งนี้
“เปลี่ยนชุด แล้วอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดนอนซะ”เขาสั่ง
“ ..”ฟาติมาได้ยินว่านอนแล้วก็ใจเต้นระรัว กลัวว่าการแต่งงานแบบหลอกๆ มันจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา
“ฉันรับรองว่าไม่ฟัดเธอทำเมียคืนนี้หรอก”ราฮีมลุกจากเตียง จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับยิ้มให้ตัวเอง แล้วพึมพำโดยที่เธอไม่ได้ยิน “แต่ถ้าคืนอื่นๆ ..มันก็ไม่แน่”
*____________________*