**ปกติสิงอยู่แถวห้องเฉลิมไทยค่ะ ทำเพจหนัง แต่พอดีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนไปสอยหนังสือ I Am Zlatan มา แล้วอ่านจบเร็วมากเพราะสนุก (ฮาา) โดยเฉพาะช่วงวัยเด็กนี่ฮามาก เด็กแสบของจริง
เลยตั้งใจเรียบเรียงมาให้อ่าน เรื่องที่คาดว่าคนทั่วไปไม่ค่อยน่าจะรู้-เช่น ซลาตันบอกว่า จริงๆ ผมเก่งวิชาคณิตนะ 55 เป็นต้นค่ะ
ไม่ได้แปลทั้งเล่มนะคะ เอาตอนที่ จขกท. ชอบแล้วตัดๆ ต่อๆ เรียบเรียงใหม่มาล่ะ ในหนังสือซลาตันแทนตัวเองว่าผมนะคะ แต่เราเรียบเรียงอีกที มีหลายตอนสนุกนะคะ**
อ่านตอนแรกได้ที่
http://ppantip.com/topic/35406519
///////////////
เด็กชายซลาตันมักลงเอยด้วยการถูกครูใหญ่เรียกพบเสมอ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เขาบอกเองว่าอันที่จริง การถูกเรียกพบนี่นับเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันนั่นแหละ แต่ในวันหนึ่ง เมื่อซาเนล่าอยู่ปีห้าและเขาอยู่ปีสาม ครูใหญ่ก็เรียกสองพี่น้องเข้าไปพบ ซลาตันกังวลใจมากเนื่องจากซาเนล่าเป็นเด็กดีเสมอ เธอช่วยแม่ดูแลน้องๆ ในครอบครัวอย่างมีความรับผิดชอบเสมอ การที่ซาเนล่าถูกเรียกพร้อมกับเขานับเป็นเรื่องผิดปกติ-หรือว่ามีคนตายวะ ครูจะคุยอะไรกับพวกเรานะ
ระหว่างเดินผ่านไปตามห้องโถงก่อนถึงห้องครูใหญ่ ซลาตันปวดมวนในช่องท้องด้วยความวิตกกังวล แต่เมื่อถึงห้องครูใหญ่แล้วพบว่าพ่อนั่งอยู่ในห้องนั้น เขาก็ลิงโลดขึ้นมา เพราะสำหรับเขาแล้ว พ่อหมายถึงความสนุกสนานอยู่เสมอ แต่วันนั้นกลับไม่มีเรื่องสนุกแม้แต่นิด เพราะพ่อมาเพื่อแจ้งว่า เจอร์กา-แม่ของซลาตันไม่ได้รับสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเขาและซาเนล่าอีกต่อไปแล้ว อันเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมภายในบ้านไม่เหมาะสม
เด็กชายและเด็กหญิงย้ายไปอยู่กับพ่อระยะหนึ่ง และอย่างที่รู้กันว่านั่นเป็นจุดเริ่มเรื่องที่ทำให้ซลาตันพบว่า ในความสว่างไสวดุจดวงอาทิตย์ของเซฟิกผู้เป็นพ่อ ด้านหนึ่งก็มืดทึบและเย็นเยียบ เขาพบว่าพ่อนอนบนพื้นพร้อมกระป๋องเบียร์จำนวนมาก จนเขาและพี่สาวต้องตะโกนเรียกพ่อให้ตื่นขึ้นมาเสมอ แต่ส่วนมากแล้วก็ไม่ได้ผล เซฟิกยังคงสลบไสลอยู่บนพื้นเช่นนั้น และก็เป็นซลาตันที่ไปหาผ้าห่มมาห่มให้พ่อในที่สุดเพื่อไม่ให้เขาน็อคไปด้วยความหนาวเย็น (ช่วงนั้นน่าจะอยู่ในฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว)
อาจเพราะยังเด็กและไม่ไวเรื่องอารมณ์เท่าไหร่ ซลาตันไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเท่าซาเนล่าผู้เป็นพี่สาว ซาเนล่ารับรู้กระทั่งอารมณ์อันแปรปรวนของพ่อ ทั้งด้านอบอุ่นและคลุ้มคลั่งดุร้ายซึ่งทำให้เธอหวาดหวั่นไม่น้อย ประกอบกับการเป็นพี่สาวคนโตซึ่งช่วยแม่ดูแลน้องมาโดยตลอด ซาเนล่าคิดถึงน้องคนเล็กและอยากจะกลับไปอยู่กับแม่
แต่ไม่ใช่กับซลาตัน เขาอยากอยู่กับพ่อมากกว่า จนท้ายที่สุด ในปี 1991 เจอร์กาได้สิทธิดูแลซาเนล่า และเซฟิกได้สิทธิในการดูแลซลาตัน
//////////////////////
และถึงอย่างนั้น ในบ้านของเซฟิกก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าโทรทัศน์ โซฟา ชั้นวางหนังสือ เตียงสองหลังและขยะ ซลาตันไม่เคยได้รับอนุญาตให้พาเพื่อนมาที่บ้าน ต่อให้เพื่อนๆ โทรศัพท์มาหาเขา พ่อก็จะไม่ยอมบอก ท้ายที่สุด เขาก็ไม่ได้พูดกับใครมากนักเพราะที่บ้านมีแค่พ่อซึ่งบางทีก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากพูดคุยกับใคร อารมณ์ของเซฟิกเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงอย่างน่าใจหายเสมอและซลาตันเรียนรู้ภายหลังที่จะอ่านและรับมือกับความแปรปรวนเหล่านี้
สองพ่อลูกแยกกันอยู่คนละมุมของบ้านเสมอ ต่างคนต่างไม่มีเพื่อนมากนักและไม่คุยกับใคร เซฟิกมักจะนั่งดื่มเบียร์ ฟังเพลงอยู่เงียบๆ บนโซฟาตัวเก่ง ขณะที่ซลาตันมักจะง่วนอยู่กับการเปิดตู้เย็นเพื่อจะพบว่าเต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์ซึ่งเขาไม่ดื่ม
หลายๆ อย่างทำให้ซลาตันออกไปอยู่นอกบ้านบ่อยขึ้น นานขึ้น เตะบอลและปั่นจักรยานที่ขโมยมาไปรอบๆ ก่อนจะลงเอยด้วยการหิวโซกลับมาบ้าน
"ทุกครั้งที่เปิดตู้เย็น ผมจะเอาแต่คิดว่า ได้โปรดเถอะวะ ได้โปรดมีอาหารติดตู้เย็นอยู่สักหน่อยเถอะวะ"
ซึ่งบ่อยยิ่งกว่าบ่อยที่คำขอร้องเหล่านั้นไม่ได้ผล มากสุดเท่าที่พอจะมีได้คือนม เนยและขนมปัง-หรือวันไหนวันดีก็จะมีน้ำผลไม้บ้าง และบางครั้งบางคราว เขาก็แอบไปเทเบียร์ของพ่อออกเล็กๆ น้อยๆ เพื่อไม่ให้พ่อดื่มจนหนักไป แต่ก็ไม่ให้พ่อจับได้ว่าเบียร์มันหมดไปไหนเร็วนักวะ
ทั้งนี้ ซลาตันบอกว่า เอาวะ อย่างน้อยผมก็เอาไอ้กระป๋องเบียร์เปล่าๆ นั่นมาขายเป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ ได้อยู่แหละนะ
การที่พ่อเมาอยู่บ่อยๆ ทำให้หลายครั้งซลาตันก็งัดกับพ่อด้วยความโมโห-แต่ซลาตันยืนยันว่า ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่พ่อจะทำเขาเจ็บตัว แม้ระหว่างที่ทะเลาะกับเขาจะขู่เตะลูกชายให้คว่ำอยู่บ่อยๆ ก็ตาม มีมากที่สุดครั้งเดียวคือเซฟิกเขย่าตัวซลาตันอย่างรุนแรงบนเตียงเพราะเขาทำให้ซาเนล่า-ลูกสาวคนโปรดของพ่อเสียใจ
"แต่ถึงอย่างนั้น พ่อก็เป็นคนที่น่ารักที่สุดในโลกแล้วจริงๆ นะ"
"พ่อดื่มหนักเพื่อให้ลืมความโศกเศร้าทั้งหลายเสีย-ก็เท่านั้น"
///////////////
ซลาตันรู้ดีที่สุดว่าพ่อรักเขามากแค่ไหน เย็นนั้นฝนตกหนักมหาศาล เด็กชายซลาตันไปเที่ยวบ้านเพื่อนและกำลังกลับ
"ผมปั่นจักรยานกลับมาอย่างกับคนบ้า ฝนสาดปะทะใส่หน้าลืมหูลืมตาไม่ขึ้น อยู่ๆ ผมก็ตัวสั่นและเจ็บเสียดในช่องท้อง เจ็บมากอย่างไม่น่าเชื่อ-ขยับตัวก็ไม่ได้ ผมล้มลงบนพื้น นอนขดอยู่อย่างนั้น และหวาดกลัวสุดขีด"
เซฟิก-ชายผู้ซึ่งสะสมเบียร์เป็นโหลไว้ในตู้เย็นที่ปราศจากอาหาร ดิ่งตรงมาหาลูกชาย เขาอุ้มซลาตันขึ้นรถแท็กซี่ โอบกอดร่างปวกเปียกนั้นไว้และเป็นสิ่งที่ซลาตันจำฝังใจไม่มีวันลืม พ่อคือภาพจำ-ชายร่างใหญ่ผู้แข็งแรงและดุดันราวกับราชสีห์
"นี่ลูกชายผม! เขาเป็นทุกอย่างของผม ขึ้นทางด่วน
ไปเลยผมจ่ายเอง ผมจะคุยกับตำรวจเอง!"
ซลาตันถูกนำส่งโรงพยาบาลในมัลโมอย่างเร่งด่วน หมอจับเด็กชายฉีดยาเข้าที่กลางหลัง ขณะที่เซฟิกประสาทกินอยู่ไม่ห่างนัก กระทั่งเมื่อระยะเวลาผ่านไป หมอฉีดยาให้ซลาตันอีกครั้งที่กระดูกสันหลัง เซฟิกก็สงบลง
ในความง่วงงุนจากฤทธิ์ยาและความเจ็บปวด ซลาตันแวบเห็นเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟตัตดสลับกับความมืด-และพ่อ มีเพียงพ่อเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างเขาในเวลานั้น กระทั่งตีห้าของเช้าวันต่อมา เมื่อเด็กชายลืมตาตื่นขึ้น ความเจ็บปวดทั้งหมดก็สิ้นสุดลง จบลงโดยที่ทุกวันนี้ซลาตันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในวันนั้น และลงเอยด้วยการอธิบายกับตัวเองว่าเขาคงดูแลร่างกายได้ไม่ดีพอแน่ๆ
///////////////////
เหตุการณ์นี้ทำให้ซลาตันรู้ว่าพ่อผู้เมามายรักเขามากแค่ไหน เซฟิกเป็นชายดุดันและเต็มไปด้วยเรื่องราว ครั้งหนึ่ง เจ้าหนูซลาตันไม่เข้าใจเมื่อพี่สาวน้องสาวพากันแต่งชุดดำทั้งบ้าน ปรากฏว่าย่าเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่โครเอเชีย ทุกคนล้วนโศกเศร้าแต่ไม่ใช่เขา-เขาผู้ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้รับรู้อะไรเลย และไม่ได้สนใจความเป็นอยู่ของชาวเซิร์บหรือบอสเนียนใดๆ ทั้งสิ้น
แต่เซฟิกเจ็บปวดรวดร้าวกับเรื่องเหล่านี้เหลือเกิน ไม่ใช่เรื่องแปลก พ่อของซลาตันมาจากเมืองบิเจลิน่าในบอสเนีย เขาจากมา ห่างเหินจากครอบครัวและเพื่อนฝูงซึ่งยังอยู่ที่เมืองนั้น การที่บ้านเกิดถูกรุกรานเช่นนี้ทำให้เซฟิกหันกลับมาเรียกตัวเองว่าเป็นมุสลิมอีกครั้ง
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เซฟิกนั่งดูข่าวจากโทรทัศน์และโทรศัพท์อยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังดื่มอย่างหนักด้วยความร้าวรานและกังวล ขณะที่ซลาตันออกมาอยู่ข้างนอก หรือไม่ก็ไปหาแม่-แม่ซึ่งมาจากโลกอีกใบของเขา
ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ซลาตัน-ผู้ซึ่งภายหลังเติบโตมาเป็นนักกีฬาตัวสูงใหญ่และมีเงินทองมากพอจะซื้ออาหารดีๆ ใส่ท้องวันละสามเวลา-จำฝังหัวในใจว่าความหิวนั้นน่าหวาดหวั่นมากเพียงไร และจนทุกวันนี้ เขาย้ำกับเฮเลน่า-ภรรยาของเขาอยู่บ่อยๆ ว่าอย่าให้อาหารในตู้เย็นพร่องลงไปเชียว คอยเติมอยู่เรื่อยๆ อย่าให้คนในบ้านได้หิวเด็ดขาด
"ครั้งหนึ่ง เจ้าหนูวินเซนต์ ลูกชายคนเล็กของผมร้องไห้โยเยเพราะเขาอยากกินพาสต้า แต่มันยังไม่สุกดี เจ้าหนูนั่นเอาแต่ร้องไห้เพียงเพราะแค่อาหารที่เขาอยากกินเสร็จไม่เร็วพอ ตอนนั้นผมรู้สึกอยากตวาดออกมาดังๆ โถ่ ถ้าเจ้าหนูนั่นจะรู้สักหน่อยว่าที่เขาได้รับนั่นดีแค่ไหนแล้ว!"
////////////
เด็กชายซลาตันหาทางออกให้ตัวเองด้วยการกินอาหารเล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่างเท่าที่พอจะมี ทั้งเศษพาสต้าหรือก้อนมีทบอลและแซนวิช
อย่างไรก็ดี การไปหาแม่คือทางออกอย่างหนึ่งของเขา และคงต้องบอกว่าเจอร์กาไม่ได้อยากต้อนรับเขาเท่าไรนัก
"มีห่าอะไรอีกล่ะยะซลาตัน เซฟิกไม่ได้เลี้ยงดูแกให้ดีพอหรอกหรือไง"
"นี่แกคิดว่าฉันร่ำรวยนักรึไงฮึ"
/////////////////
ในวันที่พ่อเจ็บช้ำด้วยข่าวจากบอสเนีย ซลาตันมาหาแม่บ่อยๆ เขายังคงสนิทกับซาเนล่าและเกกิ-น้องชายอยู่มาก อย่างไรก็ดี น้องสาวต่างพ่อคนหนึ่งของเขายังคงติดยาหนักหนา ช่วงชีวิตของซลาตันระยะนี้วุ่นวาย มีคนบอกเจอร์กาผู้เป็นแม่ว่าลูกสาวของเธอเก็บยาเสพติดไว้ในตู้เย็น และนั่นทำเจอร์กาประสาทเสีย เธอโทรศัพท์มาหาซลาตัน-"มียาเสพติดอยู่ในตู้เย็น!"
"ยา!?" ซลาตันถลาไปหาโทรศัพท์ เขากดโทรไปหาเกกิ-น้องชาย ตะคอกถามเสียงดังลั่น "เชี่-อะไรวะเนี่ย มียาเสพติดอยู่ในตู้เย็นของแม่เรอะ!"
เกกิ-ผู้ซึ่งยังปะติดปะต่ออะไรไม่ได้ด้วยความงุนงง เดินไปที่ตู้เย็นและพบว่ามีแต่ยาสูบเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างที่เจอร์กาเข้าใจ
"แม่ใจเย็นนะ มันก็แค่ยาสูบ"
"ร-ยำพอกัน" เป็นคำตอบจากแม่
////////////////
ซลาตันมีงานอดิเรกอยู่บ้าง เขามักใช้เงินที่ได้จากพ่อและจากการขายกระป๋องเบียร์เปล่าไปกับการสะสมการ์ดนักฟุตบอล ด้วยการซื้อหมากฝรั่งซึ่งแนบการ์ดนักฟุตบอลมาสามใบ และเขาลุ้นหัวหูตั้งทุกครั้งที่เปิดการ์ดออกจากห่อ จะได้ใครนะ อาจจะเป็นมาราโดน่าก็ได้
"แต่ผมผิดหวังเอาบ่อยๆ แหละเพราะแม่-มักจะมีแต่นักบอลสวีเดนจืดๆ ที่ผมไม่ได้รู้จักสักกะนิด"
ความน่ารักของเซฟิกคือ วันหนึ่งเขากลับมาบ้านพร้อมกล่องหมากฝรั่งที่ว่าขนาดมหึมา ซลาตันกระโจนเข้าไปฉีกกล่องขาดเละเทะ ช่างหัวหมากฝรั่ง กูจะเอาการ์ดโว้ย! แน่นอนว่าครั้งนั้นเขาสุขสมอารมณ์หมายมากๆ เพราะได้การ์ดนักเตะบราซิลเจ๋งๆ จำนวนมากทีเดียว และเวลานั้น เขาเริ่มคลั่งไคล้นักกีฬาอย่างบรูซ ลีและมูฮัมหมัด อาลีชนิดเข้าเส้น ในฐานะฮีโร่และเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง
เวลาต่อมา ซลาตันย้ายไปอยู่โรงเรียนสเกนทูล่า และอ้อยอิ่งอยู่แถวๆ บ้านแม่อยู่บ่อยๆ ฟ้ามืดก็ต้องเดินกลับมาที่บ้านพ่อ ผ่านอุโมงมืดๆ ใต้ถนนสายหลัก เซฟิกเคยถูกปล้นและทำร้ายร่างกายที่นี่ ซลาตันไม่มีวันลืม พ่อเขาลงเอยด้วยการนอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลอยู่พักใหญ่
ไกลออกไปจากอุโมง มีเสาไฟสว่างไสวต้นหนึ่งลิบๆ และนั่นเป็นจุดแลนด์มาร์คของเด็กชายซลาตัน เขามักจะวิ่งเร็วจี๋จนหัวใจจะหลุดออกจากอกระหว่างอุโมงเพื่อไปให้ถึงเสาไฟที่ว่า-เชี่ยเอ๊ย กูพนันได้ว่า
ต้องมีไอ้เพี้ยนหลบอยู่ตรงไหนสักแห่งแถวนี้แน่ๆ ไอ้คนแบบที่โจมตีพ่อ
ไม่เป็นไรๆ ถ้าวิ่งเร็วพอ ก็ไม่เป็นไร... ถ้าเรายังเร็วพอ
ด้วยเหตุนี้ ซลาตันจึงกลับถึงบ้านด้วยอาการหอบจนปอดจะฉีกเสมอ "ซึ่งไม่ได้ดูใกล้เคียงกับมูฮัมหมัด อาลีเล้ย" เขาอธิบายเสริม
//////////
ตอนนี้แปลแค่นี้ก่อนค่ะ คือถ้าอ่านแล้วชอบบอกนะคะจะได้เรียบเรียงแบบขำๆ มาให้อ่านอีก ผิดๆ ถูกๆ บ้างขอโทษด้วยนะคะ ยิ้ม
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
ป.ล.เป็นคนชอบดูหนังแต่ก็ดูบอลด้วยง่ะ ใครที่ชอบดูหนัง กดไลก์ได้นะคะ ยิ้ม
Page:
https://www.facebook.com/llkhimll
Blog:
http://llkhimll.wordpress.com/
I Am Zlatan เรียบเรียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของซลาตันจากหนังสืออัตชีวประวัติ (2)
เลยตั้งใจเรียบเรียงมาให้อ่าน เรื่องที่คาดว่าคนทั่วไปไม่ค่อยน่าจะรู้-เช่น ซลาตันบอกว่า จริงๆ ผมเก่งวิชาคณิตนะ 55 เป็นต้นค่ะ
ไม่ได้แปลทั้งเล่มนะคะ เอาตอนที่ จขกท. ชอบแล้วตัดๆ ต่อๆ เรียบเรียงใหม่มาล่ะ ในหนังสือซลาตันแทนตัวเองว่าผมนะคะ แต่เราเรียบเรียงอีกที มีหลายตอนสนุกนะคะ**
อ่านตอนแรกได้ที่ http://ppantip.com/topic/35406519
///////////////
เด็กชายซลาตันมักลงเอยด้วยการถูกครูใหญ่เรียกพบเสมอ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เขาบอกเองว่าอันที่จริง การถูกเรียกพบนี่นับเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันนั่นแหละ แต่ในวันหนึ่ง เมื่อซาเนล่าอยู่ปีห้าและเขาอยู่ปีสาม ครูใหญ่ก็เรียกสองพี่น้องเข้าไปพบ ซลาตันกังวลใจมากเนื่องจากซาเนล่าเป็นเด็กดีเสมอ เธอช่วยแม่ดูแลน้องๆ ในครอบครัวอย่างมีความรับผิดชอบเสมอ การที่ซาเนล่าถูกเรียกพร้อมกับเขานับเป็นเรื่องผิดปกติ-หรือว่ามีคนตายวะ ครูจะคุยอะไรกับพวกเรานะ
ระหว่างเดินผ่านไปตามห้องโถงก่อนถึงห้องครูใหญ่ ซลาตันปวดมวนในช่องท้องด้วยความวิตกกังวล แต่เมื่อถึงห้องครูใหญ่แล้วพบว่าพ่อนั่งอยู่ในห้องนั้น เขาก็ลิงโลดขึ้นมา เพราะสำหรับเขาแล้ว พ่อหมายถึงความสนุกสนานอยู่เสมอ แต่วันนั้นกลับไม่มีเรื่องสนุกแม้แต่นิด เพราะพ่อมาเพื่อแจ้งว่า เจอร์กา-แม่ของซลาตันไม่ได้รับสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเขาและซาเนล่าอีกต่อไปแล้ว อันเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมภายในบ้านไม่เหมาะสม
เด็กชายและเด็กหญิงย้ายไปอยู่กับพ่อระยะหนึ่ง และอย่างที่รู้กันว่านั่นเป็นจุดเริ่มเรื่องที่ทำให้ซลาตันพบว่า ในความสว่างไสวดุจดวงอาทิตย์ของเซฟิกผู้เป็นพ่อ ด้านหนึ่งก็มืดทึบและเย็นเยียบ เขาพบว่าพ่อนอนบนพื้นพร้อมกระป๋องเบียร์จำนวนมาก จนเขาและพี่สาวต้องตะโกนเรียกพ่อให้ตื่นขึ้นมาเสมอ แต่ส่วนมากแล้วก็ไม่ได้ผล เซฟิกยังคงสลบไสลอยู่บนพื้นเช่นนั้น และก็เป็นซลาตันที่ไปหาผ้าห่มมาห่มให้พ่อในที่สุดเพื่อไม่ให้เขาน็อคไปด้วยความหนาวเย็น (ช่วงนั้นน่าจะอยู่ในฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว)
อาจเพราะยังเด็กและไม่ไวเรื่องอารมณ์เท่าไหร่ ซลาตันไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเท่าซาเนล่าผู้เป็นพี่สาว ซาเนล่ารับรู้กระทั่งอารมณ์อันแปรปรวนของพ่อ ทั้งด้านอบอุ่นและคลุ้มคลั่งดุร้ายซึ่งทำให้เธอหวาดหวั่นไม่น้อย ประกอบกับการเป็นพี่สาวคนโตซึ่งช่วยแม่ดูแลน้องมาโดยตลอด ซาเนล่าคิดถึงน้องคนเล็กและอยากจะกลับไปอยู่กับแม่
แต่ไม่ใช่กับซลาตัน เขาอยากอยู่กับพ่อมากกว่า จนท้ายที่สุด ในปี 1991 เจอร์กาได้สิทธิดูแลซาเนล่า และเซฟิกได้สิทธิในการดูแลซลาตัน
//////////////////////
และถึงอย่างนั้น ในบ้านของเซฟิกก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าโทรทัศน์ โซฟา ชั้นวางหนังสือ เตียงสองหลังและขยะ ซลาตันไม่เคยได้รับอนุญาตให้พาเพื่อนมาที่บ้าน ต่อให้เพื่อนๆ โทรศัพท์มาหาเขา พ่อก็จะไม่ยอมบอก ท้ายที่สุด เขาก็ไม่ได้พูดกับใครมากนักเพราะที่บ้านมีแค่พ่อซึ่งบางทีก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากพูดคุยกับใคร อารมณ์ของเซฟิกเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงอย่างน่าใจหายเสมอและซลาตันเรียนรู้ภายหลังที่จะอ่านและรับมือกับความแปรปรวนเหล่านี้
สองพ่อลูกแยกกันอยู่คนละมุมของบ้านเสมอ ต่างคนต่างไม่มีเพื่อนมากนักและไม่คุยกับใคร เซฟิกมักจะนั่งดื่มเบียร์ ฟังเพลงอยู่เงียบๆ บนโซฟาตัวเก่ง ขณะที่ซลาตันมักจะง่วนอยู่กับการเปิดตู้เย็นเพื่อจะพบว่าเต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์ซึ่งเขาไม่ดื่ม
หลายๆ อย่างทำให้ซลาตันออกไปอยู่นอกบ้านบ่อยขึ้น นานขึ้น เตะบอลและปั่นจักรยานที่ขโมยมาไปรอบๆ ก่อนจะลงเอยด้วยการหิวโซกลับมาบ้าน
"ทุกครั้งที่เปิดตู้เย็น ผมจะเอาแต่คิดว่า ได้โปรดเถอะวะ ได้โปรดมีอาหารติดตู้เย็นอยู่สักหน่อยเถอะวะ"
ซึ่งบ่อยยิ่งกว่าบ่อยที่คำขอร้องเหล่านั้นไม่ได้ผล มากสุดเท่าที่พอจะมีได้คือนม เนยและขนมปัง-หรือวันไหนวันดีก็จะมีน้ำผลไม้บ้าง และบางครั้งบางคราว เขาก็แอบไปเทเบียร์ของพ่อออกเล็กๆ น้อยๆ เพื่อไม่ให้พ่อดื่มจนหนักไป แต่ก็ไม่ให้พ่อจับได้ว่าเบียร์มันหมดไปไหนเร็วนักวะ
ทั้งนี้ ซลาตันบอกว่า เอาวะ อย่างน้อยผมก็เอาไอ้กระป๋องเบียร์เปล่าๆ นั่นมาขายเป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ ได้อยู่แหละนะ
การที่พ่อเมาอยู่บ่อยๆ ทำให้หลายครั้งซลาตันก็งัดกับพ่อด้วยความโมโห-แต่ซลาตันยืนยันว่า ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่พ่อจะทำเขาเจ็บตัว แม้ระหว่างที่ทะเลาะกับเขาจะขู่เตะลูกชายให้คว่ำอยู่บ่อยๆ ก็ตาม มีมากที่สุดครั้งเดียวคือเซฟิกเขย่าตัวซลาตันอย่างรุนแรงบนเตียงเพราะเขาทำให้ซาเนล่า-ลูกสาวคนโปรดของพ่อเสียใจ
"แต่ถึงอย่างนั้น พ่อก็เป็นคนที่น่ารักที่สุดในโลกแล้วจริงๆ นะ"
"พ่อดื่มหนักเพื่อให้ลืมความโศกเศร้าทั้งหลายเสีย-ก็เท่านั้น"
///////////////
ซลาตันรู้ดีที่สุดว่าพ่อรักเขามากแค่ไหน เย็นนั้นฝนตกหนักมหาศาล เด็กชายซลาตันไปเที่ยวบ้านเพื่อนและกำลังกลับ
"ผมปั่นจักรยานกลับมาอย่างกับคนบ้า ฝนสาดปะทะใส่หน้าลืมหูลืมตาไม่ขึ้น อยู่ๆ ผมก็ตัวสั่นและเจ็บเสียดในช่องท้อง เจ็บมากอย่างไม่น่าเชื่อ-ขยับตัวก็ไม่ได้ ผมล้มลงบนพื้น นอนขดอยู่อย่างนั้น และหวาดกลัวสุดขีด"
เซฟิก-ชายผู้ซึ่งสะสมเบียร์เป็นโหลไว้ในตู้เย็นที่ปราศจากอาหาร ดิ่งตรงมาหาลูกชาย เขาอุ้มซลาตันขึ้นรถแท็กซี่ โอบกอดร่างปวกเปียกนั้นไว้และเป็นสิ่งที่ซลาตันจำฝังใจไม่มีวันลืม พ่อคือภาพจำ-ชายร่างใหญ่ผู้แข็งแรงและดุดันราวกับราชสีห์
"นี่ลูกชายผม! เขาเป็นทุกอย่างของผม ขึ้นทางด่วนไปเลยผมจ่ายเอง ผมจะคุยกับตำรวจเอง!"
ซลาตันถูกนำส่งโรงพยาบาลในมัลโมอย่างเร่งด่วน หมอจับเด็กชายฉีดยาเข้าที่กลางหลัง ขณะที่เซฟิกประสาทกินอยู่ไม่ห่างนัก กระทั่งเมื่อระยะเวลาผ่านไป หมอฉีดยาให้ซลาตันอีกครั้งที่กระดูกสันหลัง เซฟิกก็สงบลง
ในความง่วงงุนจากฤทธิ์ยาและความเจ็บปวด ซลาตันแวบเห็นเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟตัตดสลับกับความมืด-และพ่อ มีเพียงพ่อเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างเขาในเวลานั้น กระทั่งตีห้าของเช้าวันต่อมา เมื่อเด็กชายลืมตาตื่นขึ้น ความเจ็บปวดทั้งหมดก็สิ้นสุดลง จบลงโดยที่ทุกวันนี้ซลาตันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในวันนั้น และลงเอยด้วยการอธิบายกับตัวเองว่าเขาคงดูแลร่างกายได้ไม่ดีพอแน่ๆ
///////////////////
เหตุการณ์นี้ทำให้ซลาตันรู้ว่าพ่อผู้เมามายรักเขามากแค่ไหน เซฟิกเป็นชายดุดันและเต็มไปด้วยเรื่องราว ครั้งหนึ่ง เจ้าหนูซลาตันไม่เข้าใจเมื่อพี่สาวน้องสาวพากันแต่งชุดดำทั้งบ้าน ปรากฏว่าย่าเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่โครเอเชีย ทุกคนล้วนโศกเศร้าแต่ไม่ใช่เขา-เขาผู้ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้รับรู้อะไรเลย และไม่ได้สนใจความเป็นอยู่ของชาวเซิร์บหรือบอสเนียนใดๆ ทั้งสิ้น
แต่เซฟิกเจ็บปวดรวดร้าวกับเรื่องเหล่านี้เหลือเกิน ไม่ใช่เรื่องแปลก พ่อของซลาตันมาจากเมืองบิเจลิน่าในบอสเนีย เขาจากมา ห่างเหินจากครอบครัวและเพื่อนฝูงซึ่งยังอยู่ที่เมืองนั้น การที่บ้านเกิดถูกรุกรานเช่นนี้ทำให้เซฟิกหันกลับมาเรียกตัวเองว่าเป็นมุสลิมอีกครั้ง
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เซฟิกนั่งดูข่าวจากโทรทัศน์และโทรศัพท์อยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังดื่มอย่างหนักด้วยความร้าวรานและกังวล ขณะที่ซลาตันออกมาอยู่ข้างนอก หรือไม่ก็ไปหาแม่-แม่ซึ่งมาจากโลกอีกใบของเขา
ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ซลาตัน-ผู้ซึ่งภายหลังเติบโตมาเป็นนักกีฬาตัวสูงใหญ่และมีเงินทองมากพอจะซื้ออาหารดีๆ ใส่ท้องวันละสามเวลา-จำฝังหัวในใจว่าความหิวนั้นน่าหวาดหวั่นมากเพียงไร และจนทุกวันนี้ เขาย้ำกับเฮเลน่า-ภรรยาของเขาอยู่บ่อยๆ ว่าอย่าให้อาหารในตู้เย็นพร่องลงไปเชียว คอยเติมอยู่เรื่อยๆ อย่าให้คนในบ้านได้หิวเด็ดขาด
"ครั้งหนึ่ง เจ้าหนูวินเซนต์ ลูกชายคนเล็กของผมร้องไห้โยเยเพราะเขาอยากกินพาสต้า แต่มันยังไม่สุกดี เจ้าหนูนั่นเอาแต่ร้องไห้เพียงเพราะแค่อาหารที่เขาอยากกินเสร็จไม่เร็วพอ ตอนนั้นผมรู้สึกอยากตวาดออกมาดังๆ โถ่ ถ้าเจ้าหนูนั่นจะรู้สักหน่อยว่าที่เขาได้รับนั่นดีแค่ไหนแล้ว!"
////////////
เด็กชายซลาตันหาทางออกให้ตัวเองด้วยการกินอาหารเล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่างเท่าที่พอจะมี ทั้งเศษพาสต้าหรือก้อนมีทบอลและแซนวิช
อย่างไรก็ดี การไปหาแม่คือทางออกอย่างหนึ่งของเขา และคงต้องบอกว่าเจอร์กาไม่ได้อยากต้อนรับเขาเท่าไรนัก
"มีห่าอะไรอีกล่ะยะซลาตัน เซฟิกไม่ได้เลี้ยงดูแกให้ดีพอหรอกหรือไง"
"นี่แกคิดว่าฉันร่ำรวยนักรึไงฮึ"
/////////////////
ในวันที่พ่อเจ็บช้ำด้วยข่าวจากบอสเนีย ซลาตันมาหาแม่บ่อยๆ เขายังคงสนิทกับซาเนล่าและเกกิ-น้องชายอยู่มาก อย่างไรก็ดี น้องสาวต่างพ่อคนหนึ่งของเขายังคงติดยาหนักหนา ช่วงชีวิตของซลาตันระยะนี้วุ่นวาย มีคนบอกเจอร์กาผู้เป็นแม่ว่าลูกสาวของเธอเก็บยาเสพติดไว้ในตู้เย็น และนั่นทำเจอร์กาประสาทเสีย เธอโทรศัพท์มาหาซลาตัน-"มียาเสพติดอยู่ในตู้เย็น!"
"ยา!?" ซลาตันถลาไปหาโทรศัพท์ เขากดโทรไปหาเกกิ-น้องชาย ตะคอกถามเสียงดังลั่น "เชี่-อะไรวะเนี่ย มียาเสพติดอยู่ในตู้เย็นของแม่เรอะ!"
เกกิ-ผู้ซึ่งยังปะติดปะต่ออะไรไม่ได้ด้วยความงุนงง เดินไปที่ตู้เย็นและพบว่ามีแต่ยาสูบเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างที่เจอร์กาเข้าใจ
"แม่ใจเย็นนะ มันก็แค่ยาสูบ"
"ร-ยำพอกัน" เป็นคำตอบจากแม่
////////////////
ซลาตันมีงานอดิเรกอยู่บ้าง เขามักใช้เงินที่ได้จากพ่อและจากการขายกระป๋องเบียร์เปล่าไปกับการสะสมการ์ดนักฟุตบอล ด้วยการซื้อหมากฝรั่งซึ่งแนบการ์ดนักฟุตบอลมาสามใบ และเขาลุ้นหัวหูตั้งทุกครั้งที่เปิดการ์ดออกจากห่อ จะได้ใครนะ อาจจะเป็นมาราโดน่าก็ได้
"แต่ผมผิดหวังเอาบ่อยๆ แหละเพราะแม่-มักจะมีแต่นักบอลสวีเดนจืดๆ ที่ผมไม่ได้รู้จักสักกะนิด"
ความน่ารักของเซฟิกคือ วันหนึ่งเขากลับมาบ้านพร้อมกล่องหมากฝรั่งที่ว่าขนาดมหึมา ซลาตันกระโจนเข้าไปฉีกกล่องขาดเละเทะ ช่างหัวหมากฝรั่ง กูจะเอาการ์ดโว้ย! แน่นอนว่าครั้งนั้นเขาสุขสมอารมณ์หมายมากๆ เพราะได้การ์ดนักเตะบราซิลเจ๋งๆ จำนวนมากทีเดียว และเวลานั้น เขาเริ่มคลั่งไคล้นักกีฬาอย่างบรูซ ลีและมูฮัมหมัด อาลีชนิดเข้าเส้น ในฐานะฮีโร่และเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง
เวลาต่อมา ซลาตันย้ายไปอยู่โรงเรียนสเกนทูล่า และอ้อยอิ่งอยู่แถวๆ บ้านแม่อยู่บ่อยๆ ฟ้ามืดก็ต้องเดินกลับมาที่บ้านพ่อ ผ่านอุโมงมืดๆ ใต้ถนนสายหลัก เซฟิกเคยถูกปล้นและทำร้ายร่างกายที่นี่ ซลาตันไม่มีวันลืม พ่อเขาลงเอยด้วยการนอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลอยู่พักใหญ่
ไกลออกไปจากอุโมง มีเสาไฟสว่างไสวต้นหนึ่งลิบๆ และนั่นเป็นจุดแลนด์มาร์คของเด็กชายซลาตัน เขามักจะวิ่งเร็วจี๋จนหัวใจจะหลุดออกจากอกระหว่างอุโมงเพื่อไปให้ถึงเสาไฟที่ว่า-เชี่ยเอ๊ย กูพนันได้ว่าต้องมีไอ้เพี้ยนหลบอยู่ตรงไหนสักแห่งแถวนี้แน่ๆ ไอ้คนแบบที่โจมตีพ่อ
ไม่เป็นไรๆ ถ้าวิ่งเร็วพอ ก็ไม่เป็นไร... ถ้าเรายังเร็วพอ
ด้วยเหตุนี้ ซลาตันจึงกลับถึงบ้านด้วยอาการหอบจนปอดจะฉีกเสมอ "ซึ่งไม่ได้ดูใกล้เคียงกับมูฮัมหมัด อาลีเล้ย" เขาอธิบายเสริม
//////////
ตอนนี้แปลแค่นี้ก่อนค่ะ คือถ้าอ่านแล้วชอบบอกนะคะจะได้เรียบเรียงแบบขำๆ มาให้อ่านอีก ผิดๆ ถูกๆ บ้างขอโทษด้วยนะคะ ยิ้ม
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
ป.ล.เป็นคนชอบดูหนังแต่ก็ดูบอลด้วยง่ะ ใครที่ชอบดูหนัง กดไลก์ได้นะคะ ยิ้ม
Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/