*ปกติสิงอยู่แถวห้องเฉลิมไทยค่ะ ทำเพจหนัง แต่พอดีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนไปสอยหนังสือ I Am Zlatan มา แล้วอ่านจบเร็วมากเพราะสนุก (ฮาา) โดยเฉพาะช่วงวัยเด็กนี่ฮามาก เด็กแสบของจริง
เลยตั้งใจเรียบเรียงมาให้อ่าน เรื่องที่คาดว่าคนทั่วไปไม่ค่อยน่าจะรู้-เช่น ซลาตันบอกว่า จริงๆ ผมเก่งวิชาคณิตนะ 55 เป็นต้นค่ะ
ไม่ได้แปลทั้งเล่มนะคะ เอาตอนที่ จขกท. ชอบแล้วตัดๆ ต่อๆ เรียบเรียงใหม่มาล่ะ ในหนังสือซลาตันแทนตัวเองว่าผมนะคะ แต่เราเรียบเรียงอีกที มีหลายตอนสนุกนะคะ**
อ่านตอนก่อนหน้าได้ที่
https://storylog.co/ManOnFilm/book/5795ec0a2cdc0f14451df500
ราวๆ อายุ 13 ปี เด็กชายซลาตันก็ได้อยู่ในสโมสรใหญ่ขึ้นมาอีกอย่าง Malmö FF ถึงตอนนี้เขาก็ไม่แคร์ไม่สนนักฟุตบอลฝีเท้าดีชื่อดังจากสวีเดนแต่อย่างใด อันที่จริงไม่น่าจะจำชื่อใครได้ด้วยซ้ำ ซลาตันยังฝึกหนักเพราะตอนนั้นยังไม่เก่ง ไม่มีแววเลยด้วยซ้ำไป นอกจากฝึกซ้อมแล้ว เขาก็ใช้เวลาหมดไปกับการคลั่งไคล้ดาวดังจากแดนบราซิล เอาเป็นว่าเปิดคอมพิวเตอร์ได้เมื่อไหร่เป็นต้องหาวิดิโอโชว์ฝีเท้าของโรนัลโด้หรือโรมาริโอ้มาดูทุกที ก่อนจะลอกเลียนท่าทางการเคลื่อนไหวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ ซลาตันตื่นตาตื่นใจกับลีลาการเลี้ยงบอลของดาวดังเสมอ โว้ย เขาทำแบบนั้นได้ไงวะ หูย ทริคแบบนี้ก็มีด้วย?
เรื่องในสโมสรอาจพัฒนาไปทีละนิดๆ อย่างที่บอกว่าซลาตันไม่ได้เป็นเด็กฉายแววเท่าไหร่ เรื่องที่โรงเรียนกลับตาลปัตรเพราะทางโรงเรียนถึงขั้นต้องจ้างครูพิเศษมาช่วยสอนเด็กชายตัวต่อตัว แน่นอนว่าซลาตันกราดเกรี้ยวมาก แม้จะยอมรับว่าตัวเองเป็นเด็กตัวเอ้ก็จริงอยู่-บางทีอาจจะเอ้ที่สุดเท่าที่โรงเรียนเคยมีมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่โรงเรียนจะต้องจ้างครูพิเศษมาเพื่อจัดการกับเขาเพียงคนเดียวหรือเปล่า
"วะ จะให้ผมต้องพูดไหมว่าผมได้ A วิชาศิลปะ Bs วิชาภาษาอังกฤษ เคมีแล้วก็ฟิสิกส์ด้วย"
แม้จะเกเรเกตุงไปบ้างแต่ก็มีผลการเรียนดี ไม่ได้ติดยา กระทั่งจะสูบบุหรี่สักมวนก็ทำกับเขาแทบไม่เป็น เรื่องเดียวที่ซลาตันในวัยนั้นมองว่าเป็นปัญหาคือเขาแค่ดื้อไปหน่อย (...) แค่ไม่สามารถมีสมาธิกับเรื่องที่เรียนได้-ขี้เกียจอ่านหนังสือในชั้นก็เท่านั้นเอง (มันก็ไม่หน่อยนะ-จริงๆ แล้ว) ท้ายที่สุด เด็กชายรู้สึกว่าคนทั้งโรงเรียนอยากให้เขาไปให้พ้นๆ เสีย และอดไม่ได้ที่รู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกสิ้นดียังกับมาจากดาวอังคารอันไกลโพ้น
"ลองนึกดิวะว่าถ้าผมจะไปเดทกับสาวสักคนแล้วดันมีครูพิเศษเดินตามต้อยๆ เจ๋งตายห่ะเลยมั้งน่ะ"
ทั้งหมดนี้ไม่แปลกอะไรที่ซลาตันจะฟาดงวงฟาดงาเอามากๆ เมื่อพบว่าต้องเผชิญหน้ากับครูพิเศษ
"ต้องให้บอกมั้ยอ้ะว่านอกจากวิชาพวกนั้นแล้ว ผมยังเก่งเอามากๆ ในวิชาพละด้วย" (แน่สิวะ)
ระเบิดลงเมื่อเด็กๆ กำลังเล่นฟลอร์บอล (กีฬาใช้ไม้เขี่ยลูกบอลเล็กๆ ขนาดประมาณลูกเทนนิสหรือเบสบอล) กันอยู่แล้วครูพิเศษก็เข้ามา ไม่พูดไม่จาและเอาแต่จ้องที่ซลาตัน เขาโกรธมากและลงเลยด้วยการหวดลูกบอลที่พุ่งตรงแหน็วเข้ากลางแสกหน้าคุณครู เรื่องจบที่ทางโรงเรียนจัดการเรียกเซฟิก พ่อของซลาตันมาอบรม แต่อนิจจา เซฟิกดันเป็นเดือดเป็นแค้นมากที่โรงเรียนจ้างครูพิเศษมาดูแลลูกชายที่ "น่ารักปกติดี" ของเขา
กับเรื่องนี้ ซลาตันอธิบายเพิ่มเติมว่า-ลองมีสักคนมาทำเหมือนแม็กซ์หรือวินเซนต์เป็นตัวประหลาดละก็ ผมคงไม่เอาพวกนั้นไว้เหมือนกันแหละ สัญญาไว้ตรงนี้เลย
////
ก่อนหน้าจะคบหาดูใจกับเฮเลน่า แม่ของเด็กทั้งสอง ซลาตันในวัยกระทงก็เคยพยายามจะเดทสาวกับเขามาบ้างแล้วประปราย
"ไง อยากเจอกันหน่อยหลังเลิกเรียนไหมล่ะ"
"แน่นอน" เด็กสาวตอบ
ซลาตันโผล่ไปถึงที่นัดหมายและไม่พบเด็กสาว เลยประสาทกินไปพักใหญ่ ไม่ใช่แถวบ้านกูด้วยสิ บ้าชิบ ทำไมเจ้าหล่อนยังไม่โผล่มาอีกวะ หรือไม่ชอบกันแล้ว-หรือยังไง ซลาตันนับเวลารอคอยถี่ถ้วน นาที สองนาที สิบ? เออช่างแม่- กูไม่นับแล้ว ใครจะมาอยากเดทกับคนอย่างเรากันวะ
ช่างแม่- ใครจะไปแคร์วะ ช่างหัวหล่อนสิ วันหนึ่งกูจะไปเป็นดาวดังของวงการฟุตบอลอยู่แล้วนี่ ช่างหัวหล่อนเถอะเว้ย
แล้วซลาตันก็กลับบ้าน มารู้ทีหลังก็นานโขแล้วว่ารถโดยสารที่เด็กสาวเจ้ากรรมนั่งมานั้นเกิดปัญหานิดหน่อยทำให้ผิดเวลา พอมาถึงและไม่เห็นซลาตันรออยู่ก็ทำเอาเธอหัวเสียเช่นเดียวกัน-ไม่ต่างกับเขาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
////
ในระดับชั้นมัธยมปลาย ซลาตันย้ายไปเข้าโรงเรียนอีกแห่งที่ทำให้พบผู้คนหลากหลายมากกว่าแต่ก่อน โดยก็ยังมุ่งที่เรื่องฟุตบอลไว้ก่อน เรื่องรองคือเรียนอย่างที่เคย ถึงตอนนี้เจ้าหนูน้อยซลาตันที่เริ่มจะเป็นหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่า กูก็ต้องดูเจ๋งมั่งแหละวะ เป็นคนเล่นบอลเลยนะเว้ยไม่เจ๋งได้ไง แต่ก็เปล่าจ้ะ เพราะในโรงเรียนนี้ นอกจากจะมีเด็กหญิงต่างที่ต่างถิ่นแล้วยังมีเด็กหนุ่มตระกูลใหญ่บ้านรวย ที่มาพร้อมเสื้อผ้าแพงๆ รองเท้าดีๆ เตร่ไปเตร่มาแถวหน้าโรงเรียนพร้อมพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ
ส่วนเจ้าหนุ่มซลาตันน่ะเหรอ-ใส่แต่ไนกี้ อดิดาส วิ่งจ็อกกิ้งอยู่หน้าโรงเรียนหัวเปียกหัวมัน (อย่างไรก็ตาม ซลาตันบอกว่า ไนกี้กะอดิดาสนี่เจ๋งสุดแล้วนะเว้ยเท่าที่มีเนี่ย) พอเห็นคนอื่นใส่เสื้อผ้ามียี่ห้อหรูๆ หน่อย หนุ่มน้อยซลาตันก็เกิดความคิดว่า อ่าว แล้วจะให้กูใส่เสื้อผ้าที่ดูจะโรเซ็นการ์ดมากๆ แบบนี้ไปคุยกับสาวได้เหรอวะ เลยไปคุยกับพ่อและลงเอยที่การถกเถียงกันสนั่น เพราะซลาตันได้ทุนเรียนจากรัฐบาลประมาณ 795 ครอเนอร์ต่อเดือน ซึ่งพ้นไปจากนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเซฟิกที่ต้องออกให้ แล้วเสื้อผ้ารองเท้าพวกนี้มันใช่เรื่องที่ควรจะเสียเงินไหม-สำหรับคนเป็นพ่ออย่างเซฟิกแล้วก็นับเป็นเรื่องที่พูดยากอยู่ทีเดียว
เอาเป็นว่า ซลาตันอุตส่าห์ไปถอยกางเกงยีนส์ตัวใหม่เอี่ยมมาจนได้-เดวิด ยีนส์ ราคาถูกที่สุดเท่าที่จะหาได้ พร้อมเสื้อโปโลอีกตัวสองตัว เจ้าหนุ่มซลาตันพยายามหัดลองแต่งตัวกะเขาบ้างก็จากตอนนี้และพบว่า ไม่เวิร์คสักอย่าง บุคลิกโดยรวมของเขาไม่ว่าจะใส่อะไรก็บอกชัดเจนว่าเขามาจากสลัมโรเซ็นการ์ดอยู่ดี
และในช่วงฤดูร้อนนั้นเอง ที่เจ้าหนูซลาตันตัวจ้อยเกิดสูงขึ้นมาอีก 5 นิ้วในเวลาไม่กี่เดือน (!!) และลงเอยด้วยการมีรูปร่างเก้งก้างเอามากๆ กับเรื่องฟุตบอล สโมรสรมัลโมไม่ปลื้มนักที่เขาเอาแต่โชว์ลูกเตะสไตล์บราซิล แถมยังปากดีและมีผมสีน้ำตาลอันเป็นสัญลักษณ์ของการมาจากต่างถิ่นอีกด้วย หลายครั้งหลายคราวเขาก็หงุดหงิดกับเพื่อนร่วมทีมและสโมสร รู้สึกผิดหวังไปกับทุกเรื่องรอบตัวโดยเฉพาะที่โรงเรียน ซึ่งเขาจะโผล่หน้าไปก็ตอนมื้อกลางวันเท่านั้น กินจุยังกะม้า และแคร์เรื่องการเรียนน้อยลงเรื่อยๆ จนท้ายที่สุด เขาก็ดร็อปเรียนไว้ดื้อๆ และหมกมุ่นกับฟุตบอลแทน แปะรูปโรนัลโด้ไว้ที่ผนังห้อง ชายที่ซลาตันฝันอยากจะเป็น ชายผู้แข็งแกร่งที่แตกต่างจากนักกีฬาคนอื่น ซลาตันเปิดอินเตอร์เน็ต ดูวิธีการเล่นของโรนัลโด้วนไปวนมา และลอกเลียนท่าทางเหล่านั้นไว้เป็นกิจวัตร
วันหนึ่ง โค้ชเรียกซลาตันเข้าพบ เด็กหนุ่มเกิดวิตกจริตขึ้นมาทันที-อะไรวะ กูไปขโมยจักรยานมาอีกหรือเปล่า ก็ไม่นี่? หรือไปโขกหัวใครเข้าวะ ไม่มั้ง?
"ไงครับ โค้ช มีอะไรกับผมหรือเปล่า" ซลาตันถาม พยายามจะทำตัวเยือกเย็นและอวดดีในเวลาเดียวกัน เป็นบุคลิกที่ติดตัวเขามาตั้งแต่ยังเด็ก-อย่าได้แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็นเชียวนะเว้ย-บทเรียนแรกของเขาในสลัมสอนไว้เช่นนั้น
"นั่งลงสิ"
"ใจเย็นโค้ช ไม่มีใครตายหรอก ผมพูดจริงๆ"
"ซลาตัน ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่นายควรจะหยุดเล่นบอลกับกลุ่มเด็กเล็กๆ"
"หือ"
"ได้เวลาไปเล่นกับกลุ่มเด็กโตแล้ว-ยินดีต้อนรับสู่ทีมชั้นหนึ่ง ไอ้หนุ่ม"
"หือ?"
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
ป.ล.เป็นคนชอบดูหนังแต่ก็ดูบอลด้วยง่ะ ใครที่ชอบดูหนัง กดไลก์ได้นะคะ
Page:
https://www.facebook.com/llkhimll
Blog:
http://llkhimll.wordpress.com/
I Am Zlatan เรียบเรียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของซลาตันจากหนังสืออัตชีวประวัติ (4)
เลยตั้งใจเรียบเรียงมาให้อ่าน เรื่องที่คาดว่าคนทั่วไปไม่ค่อยน่าจะรู้-เช่น ซลาตันบอกว่า จริงๆ ผมเก่งวิชาคณิตนะ 55 เป็นต้นค่ะ
ไม่ได้แปลทั้งเล่มนะคะ เอาตอนที่ จขกท. ชอบแล้วตัดๆ ต่อๆ เรียบเรียงใหม่มาล่ะ ในหนังสือซลาตันแทนตัวเองว่าผมนะคะ แต่เราเรียบเรียงอีกที มีหลายตอนสนุกนะคะ**
อ่านตอนก่อนหน้าได้ที่ https://storylog.co/ManOnFilm/book/5795ec0a2cdc0f14451df500
ราวๆ อายุ 13 ปี เด็กชายซลาตันก็ได้อยู่ในสโมสรใหญ่ขึ้นมาอีกอย่าง Malmö FF ถึงตอนนี้เขาก็ไม่แคร์ไม่สนนักฟุตบอลฝีเท้าดีชื่อดังจากสวีเดนแต่อย่างใด อันที่จริงไม่น่าจะจำชื่อใครได้ด้วยซ้ำ ซลาตันยังฝึกหนักเพราะตอนนั้นยังไม่เก่ง ไม่มีแววเลยด้วยซ้ำไป นอกจากฝึกซ้อมแล้ว เขาก็ใช้เวลาหมดไปกับการคลั่งไคล้ดาวดังจากแดนบราซิล เอาเป็นว่าเปิดคอมพิวเตอร์ได้เมื่อไหร่เป็นต้องหาวิดิโอโชว์ฝีเท้าของโรนัลโด้หรือโรมาริโอ้มาดูทุกที ก่อนจะลอกเลียนท่าทางการเคลื่อนไหวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ ซลาตันตื่นตาตื่นใจกับลีลาการเลี้ยงบอลของดาวดังเสมอ โว้ย เขาทำแบบนั้นได้ไงวะ หูย ทริคแบบนี้ก็มีด้วย?
เรื่องในสโมสรอาจพัฒนาไปทีละนิดๆ อย่างที่บอกว่าซลาตันไม่ได้เป็นเด็กฉายแววเท่าไหร่ เรื่องที่โรงเรียนกลับตาลปัตรเพราะทางโรงเรียนถึงขั้นต้องจ้างครูพิเศษมาช่วยสอนเด็กชายตัวต่อตัว แน่นอนว่าซลาตันกราดเกรี้ยวมาก แม้จะยอมรับว่าตัวเองเป็นเด็กตัวเอ้ก็จริงอยู่-บางทีอาจจะเอ้ที่สุดเท่าที่โรงเรียนเคยมีมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่โรงเรียนจะต้องจ้างครูพิเศษมาเพื่อจัดการกับเขาเพียงคนเดียวหรือเปล่า
"วะ จะให้ผมต้องพูดไหมว่าผมได้ A วิชาศิลปะ Bs วิชาภาษาอังกฤษ เคมีแล้วก็ฟิสิกส์ด้วย"
แม้จะเกเรเกตุงไปบ้างแต่ก็มีผลการเรียนดี ไม่ได้ติดยา กระทั่งจะสูบบุหรี่สักมวนก็ทำกับเขาแทบไม่เป็น เรื่องเดียวที่ซลาตันในวัยนั้นมองว่าเป็นปัญหาคือเขาแค่ดื้อไปหน่อย (...) แค่ไม่สามารถมีสมาธิกับเรื่องที่เรียนได้-ขี้เกียจอ่านหนังสือในชั้นก็เท่านั้นเอง (มันก็ไม่หน่อยนะ-จริงๆ แล้ว) ท้ายที่สุด เด็กชายรู้สึกว่าคนทั้งโรงเรียนอยากให้เขาไปให้พ้นๆ เสีย และอดไม่ได้ที่รู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกสิ้นดียังกับมาจากดาวอังคารอันไกลโพ้น
"ลองนึกดิวะว่าถ้าผมจะไปเดทกับสาวสักคนแล้วดันมีครูพิเศษเดินตามต้อยๆ เจ๋งตายห่ะเลยมั้งน่ะ"
ทั้งหมดนี้ไม่แปลกอะไรที่ซลาตันจะฟาดงวงฟาดงาเอามากๆ เมื่อพบว่าต้องเผชิญหน้ากับครูพิเศษ
"ต้องให้บอกมั้ยอ้ะว่านอกจากวิชาพวกนั้นแล้ว ผมยังเก่งเอามากๆ ในวิชาพละด้วย" (แน่สิวะ)
ระเบิดลงเมื่อเด็กๆ กำลังเล่นฟลอร์บอล (กีฬาใช้ไม้เขี่ยลูกบอลเล็กๆ ขนาดประมาณลูกเทนนิสหรือเบสบอล) กันอยู่แล้วครูพิเศษก็เข้ามา ไม่พูดไม่จาและเอาแต่จ้องที่ซลาตัน เขาโกรธมากและลงเลยด้วยการหวดลูกบอลที่พุ่งตรงแหน็วเข้ากลางแสกหน้าคุณครู เรื่องจบที่ทางโรงเรียนจัดการเรียกเซฟิก พ่อของซลาตันมาอบรม แต่อนิจจา เซฟิกดันเป็นเดือดเป็นแค้นมากที่โรงเรียนจ้างครูพิเศษมาดูแลลูกชายที่ "น่ารักปกติดี" ของเขา
กับเรื่องนี้ ซลาตันอธิบายเพิ่มเติมว่า-ลองมีสักคนมาทำเหมือนแม็กซ์หรือวินเซนต์เป็นตัวประหลาดละก็ ผมคงไม่เอาพวกนั้นไว้เหมือนกันแหละ สัญญาไว้ตรงนี้เลย
////
ก่อนหน้าจะคบหาดูใจกับเฮเลน่า แม่ของเด็กทั้งสอง ซลาตันในวัยกระทงก็เคยพยายามจะเดทสาวกับเขามาบ้างแล้วประปราย
"ไง อยากเจอกันหน่อยหลังเลิกเรียนไหมล่ะ"
"แน่นอน" เด็กสาวตอบ
ซลาตันโผล่ไปถึงที่นัดหมายและไม่พบเด็กสาว เลยประสาทกินไปพักใหญ่ ไม่ใช่แถวบ้านกูด้วยสิ บ้าชิบ ทำไมเจ้าหล่อนยังไม่โผล่มาอีกวะ หรือไม่ชอบกันแล้ว-หรือยังไง ซลาตันนับเวลารอคอยถี่ถ้วน นาที สองนาที สิบ? เออช่างแม่- กูไม่นับแล้ว ใครจะมาอยากเดทกับคนอย่างเรากันวะ
ช่างแม่- ใครจะไปแคร์วะ ช่างหัวหล่อนสิ วันหนึ่งกูจะไปเป็นดาวดังของวงการฟุตบอลอยู่แล้วนี่ ช่างหัวหล่อนเถอะเว้ย
แล้วซลาตันก็กลับบ้าน มารู้ทีหลังก็นานโขแล้วว่ารถโดยสารที่เด็กสาวเจ้ากรรมนั่งมานั้นเกิดปัญหานิดหน่อยทำให้ผิดเวลา พอมาถึงและไม่เห็นซลาตันรออยู่ก็ทำเอาเธอหัวเสียเช่นเดียวกัน-ไม่ต่างกับเขาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
////
ในระดับชั้นมัธยมปลาย ซลาตันย้ายไปเข้าโรงเรียนอีกแห่งที่ทำให้พบผู้คนหลากหลายมากกว่าแต่ก่อน โดยก็ยังมุ่งที่เรื่องฟุตบอลไว้ก่อน เรื่องรองคือเรียนอย่างที่เคย ถึงตอนนี้เจ้าหนูน้อยซลาตันที่เริ่มจะเป็นหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่า กูก็ต้องดูเจ๋งมั่งแหละวะ เป็นคนเล่นบอลเลยนะเว้ยไม่เจ๋งได้ไง แต่ก็เปล่าจ้ะ เพราะในโรงเรียนนี้ นอกจากจะมีเด็กหญิงต่างที่ต่างถิ่นแล้วยังมีเด็กหนุ่มตระกูลใหญ่บ้านรวย ที่มาพร้อมเสื้อผ้าแพงๆ รองเท้าดีๆ เตร่ไปเตร่มาแถวหน้าโรงเรียนพร้อมพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ
ส่วนเจ้าหนุ่มซลาตันน่ะเหรอ-ใส่แต่ไนกี้ อดิดาส วิ่งจ็อกกิ้งอยู่หน้าโรงเรียนหัวเปียกหัวมัน (อย่างไรก็ตาม ซลาตันบอกว่า ไนกี้กะอดิดาสนี่เจ๋งสุดแล้วนะเว้ยเท่าที่มีเนี่ย) พอเห็นคนอื่นใส่เสื้อผ้ามียี่ห้อหรูๆ หน่อย หนุ่มน้อยซลาตันก็เกิดความคิดว่า อ่าว แล้วจะให้กูใส่เสื้อผ้าที่ดูจะโรเซ็นการ์ดมากๆ แบบนี้ไปคุยกับสาวได้เหรอวะ เลยไปคุยกับพ่อและลงเอยที่การถกเถียงกันสนั่น เพราะซลาตันได้ทุนเรียนจากรัฐบาลประมาณ 795 ครอเนอร์ต่อเดือน ซึ่งพ้นไปจากนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเซฟิกที่ต้องออกให้ แล้วเสื้อผ้ารองเท้าพวกนี้มันใช่เรื่องที่ควรจะเสียเงินไหม-สำหรับคนเป็นพ่ออย่างเซฟิกแล้วก็นับเป็นเรื่องที่พูดยากอยู่ทีเดียว
เอาเป็นว่า ซลาตันอุตส่าห์ไปถอยกางเกงยีนส์ตัวใหม่เอี่ยมมาจนได้-เดวิด ยีนส์ ราคาถูกที่สุดเท่าที่จะหาได้ พร้อมเสื้อโปโลอีกตัวสองตัว เจ้าหนุ่มซลาตันพยายามหัดลองแต่งตัวกะเขาบ้างก็จากตอนนี้และพบว่า ไม่เวิร์คสักอย่าง บุคลิกโดยรวมของเขาไม่ว่าจะใส่อะไรก็บอกชัดเจนว่าเขามาจากสลัมโรเซ็นการ์ดอยู่ดี
และในช่วงฤดูร้อนนั้นเอง ที่เจ้าหนูซลาตันตัวจ้อยเกิดสูงขึ้นมาอีก 5 นิ้วในเวลาไม่กี่เดือน (!!) และลงเอยด้วยการมีรูปร่างเก้งก้างเอามากๆ กับเรื่องฟุตบอล สโมรสรมัลโมไม่ปลื้มนักที่เขาเอาแต่โชว์ลูกเตะสไตล์บราซิล แถมยังปากดีและมีผมสีน้ำตาลอันเป็นสัญลักษณ์ของการมาจากต่างถิ่นอีกด้วย หลายครั้งหลายคราวเขาก็หงุดหงิดกับเพื่อนร่วมทีมและสโมสร รู้สึกผิดหวังไปกับทุกเรื่องรอบตัวโดยเฉพาะที่โรงเรียน ซึ่งเขาจะโผล่หน้าไปก็ตอนมื้อกลางวันเท่านั้น กินจุยังกะม้า และแคร์เรื่องการเรียนน้อยลงเรื่อยๆ จนท้ายที่สุด เขาก็ดร็อปเรียนไว้ดื้อๆ และหมกมุ่นกับฟุตบอลแทน แปะรูปโรนัลโด้ไว้ที่ผนังห้อง ชายที่ซลาตันฝันอยากจะเป็น ชายผู้แข็งแกร่งที่แตกต่างจากนักกีฬาคนอื่น ซลาตันเปิดอินเตอร์เน็ต ดูวิธีการเล่นของโรนัลโด้วนไปวนมา และลอกเลียนท่าทางเหล่านั้นไว้เป็นกิจวัตร
วันหนึ่ง โค้ชเรียกซลาตันเข้าพบ เด็กหนุ่มเกิดวิตกจริตขึ้นมาทันที-อะไรวะ กูไปขโมยจักรยานมาอีกหรือเปล่า ก็ไม่นี่? หรือไปโขกหัวใครเข้าวะ ไม่มั้ง?
"ไงครับ โค้ช มีอะไรกับผมหรือเปล่า" ซลาตันถาม พยายามจะทำตัวเยือกเย็นและอวดดีในเวลาเดียวกัน เป็นบุคลิกที่ติดตัวเขามาตั้งแต่ยังเด็ก-อย่าได้แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็นเชียวนะเว้ย-บทเรียนแรกของเขาในสลัมสอนไว้เช่นนั้น
"นั่งลงสิ"
"ใจเย็นโค้ช ไม่มีใครตายหรอก ผมพูดจริงๆ"
"ซลาตัน ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่นายควรจะหยุดเล่นบอลกับกลุ่มเด็กเล็กๆ"
"หือ"
"ได้เวลาไปเล่นกับกลุ่มเด็กโตแล้ว-ยินดีต้อนรับสู่ทีมชั้นหนึ่ง ไอ้หนุ่ม"
"หือ?"
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
ป.ล.เป็นคนชอบดูหนังแต่ก็ดูบอลด้วยง่ะ ใครที่ชอบดูหนัง กดไลก์ได้นะคะ
Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/