I Am Zlatan เรียบเรียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของซลาตันจากหนังสืออัตชีวประวัติ (5)

*ปกติสิงอยู่แถวห้องเฉลิมไทยค่ะ ทำเพจหนัง แต่พอดีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนไปสอยหนังสือ I Am Zlatan มา แล้วอ่านจบเร็วมากเพราะสนุก (ฮาา) โดยเฉพาะช่วงวัยเด็กนี่ฮามาก เด็กแสบของจริง

เลยตั้งใจเรียบเรียงมาให้อ่าน เรื่องที่คาดว่าคนทั่วไปไม่ค่อยน่าจะรู้-เช่น ซลาตันบอกว่า จริงๆ ผมเก่งวิชาคณิตนะ 55 เป็นต้นค่ะ

ไม่ได้แปลทั้งเล่มนะคะ เอาตอนที่ จขกท. ชอบแล้วตัดๆ ต่อๆ เรียบเรียงใหม่มาล่ะ ในหนังสือซลาตันแทนตัวเองว่าผมนะคะ แต่เราเรียบเรียงอีกที มีหลายตอนสนุกนะคะ**

อ่านตอนก่อนหน้าได้ที่ https://storylog.co/ManOnFilm/book/5795ec0a2cdc0f14451df500





ซลาตันในวัยหนุ่มประกอบไปด้วยคุณสมบัติหลักๆ อย่างความคึกคะนอง มั่นใจในตัวเอง เข้าหาคนไม่เก่ง และพบเจอสังคมใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยเด็กจากตระกูลดังๆ และ-เด็กสาว

แน่นอนว่าตลอดชีวิตวัยเด็กจนโตนั้น ซลาตันแทบไม่เคยคุยกับเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาก่อน-มิพักต้องพูดถึงว่ามีเด็กสาวมาสารภาพรักเหมือนในการ์ตูนวัยรุ่น เขาเป็นเด็กขี้โรค ขี้มูกย้อยและตัวเล็กผิดเด็กวัยเดียวกัน และพอย่างเข้าช่วงวัยรุ่น ก็กลับสูงพรวดขึ้นอีก 5 นิ้วเต็มๆ ในเวลาไม่นาน ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่ทำให้เขากลายเป็นคนมั่นอกมั่นใจในการคุยกับเด็กผู้หญิงมากขึ้นแม้แต่น้อย  

ความภาคภูมิใจไม่กี่ประการของเด็กหนุ่มคือได้ออกวิ่งซ้อมกีฬาตอนเช้าๆ กับบรรดานักเตะในสโมสรมัลโม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสโมสรเยาวชนระดับต้นๆ ของสวีเดน เพราะนอกจากนี้-ก็อย่างที่บอก เขาสูงเกินไป ผอมเกินไป เก้งก้างเกินไป และใส่แต่เสื้อยืดไนกี้กับอดิดาส ท่ามกลางกลุ่มเด็กหนุ่มบ้านรวยที่ใส่เสื้อมียี่ห้อ-ซลาตันรู้ว่าไม่มีสาวที่ไหนชายตาแลเขาแน่นอน จะมีความภูมิใจในตัวเองอยู่บ้างก็การได้ออกวิ่งกับกลุ่มนักกีฬาจากสโมรสรด้วยกันนี่เอง

//////////////

และซลาตันก็คือซลาตัน ไอ้หนุ่มที่เพิ่งเข้าทีมชั้นหนึ่งมาหมาดๆ เกิดขี้เกียจจะจ๊อกกิ้งตอนเช้าแต่ก็ยังอยากจะสร้างความประทับใจให้สาวๆ ในโรงเรียนอยู่ เลยวิ่งดุ่มดุ๋ยไปอยู่ได้สัก 4 กิโลเมตรแรก ก็แอบขึ้นรถบัสไปลงที่ปลายทางกับเพื่อน 2-3 คนที่ก็แสบพอกัน ยืนแกร่วรอเพื่อนทั้งทีมอีกพัก พอที่เหลือ (ซึ่งจ๊อกกิ้งกันมาหัวหูแดง) มาถึง ซลาตันและพรรคพวกก็ทำเป็นเนียนๆ เข้ากลุ่มประหนึ่งว่าวิ่งเดนตายมาด้วยกัน แล้วแอ็คต่อหน้าสาวๆ ในโรงเรียนในฐานะนักกีฬาตัวเอ้ แต่ไม่พอ ซลาตันยังชวนเพื่อนร่วมทีมที่สนิทกันไปขโมยจักรยานมาปั่นแทนการจ๊อกกิ้ง (ซึ่งเขาบอกว่า ไอ้เพื่อนที่มาด้วยกันเนี่ย ไม่เชี่ยวชาญการงัดจักรยานเท่าผมหรอกจะบอกให้-ซึ่งก็แน่สิวะ)  

"ตอนนั้นผมยังไม่โตเท่าไหร่ ไม่เป็นผู้ใหญ่ ไอ้โทนี่-เพื่อนผมอีกคน ยิ้มไปเช่าหนังโป๊มากองพะเนิน ซื้อช็อกโกแลตมาด้วยอีกต่างหาก แล้วก็นั่นแหละ แทนที่จะไปวิ่ง เราก็หมกตัวนั่งกินช็อกโกแลตกันเปรมไปเลยขณะที่เพื่อนคนอื่นในทีมจ๊อกกิ้งกันอยู่"

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่จริงจังกับฟุตบอล เพราะนอกเหนือจากนี้ เขาก็ยังซ้อมบอลอย่างเอาเป็นเอาตาย ว่างหน่อยก็ไปเล่นกับเด็กเล็ก ว่างอีกก็ไปเล่นฟุตบอลในวิดิโอเกมส์-ซึ่งเขาติดมันเอามากๆ และบอกว่าทุกครั้งที่เล่นเกม เขาก็เอากลยุทธ์ที่ใช้ในเกมมาปรับใช้กับชีวิตจริงเสมอ

"เพราะงั้น ผมเลยอยู่กับฟุตบอลทั้งวันทั้งคืนเลย"

/////

และความที่เพิ่งเข้ามาใหม่บวกกับการเป็นคนไม่ยอมคน ซลาตันเลยงัดกับรุ่นพี่ที่อยู่ทีมหนึ่งมาก่อนแล้วบ้างประปราย ไม่สนใจว่าโค้ชหรือใครจะหงุดหงิดกับสไตล์การเล่นแบบบราซิลเลี่ยนที่เขาลอกมาจากโรนัลโด้ทุกกระเบียดนิ้ว ซลาตันคือซลาตัน เด็กชายผู้เติบโตมาจากสลัมโรเซ็นการ์ดที่ชีวิตทุกวันคือการดวลหมัด

"ลูกบอลอยู่ไหนวะ" จอห์นนี่ ฟีเดล นายทวารของสโมสรกระชากเสียงถามเด็กใหม่อย่างซลาตัน ผู้ซึ่งรู้ดีว่าทุกสายตาในห้องจับจ้องมาที่เขา รอให้เขาไปหยิบลูกบอลมาให้

"อยากได้ก็ไปหยิบเองสิวะ"

ชีวิตแรกเริ่มในทีมหนึ่งของซลาตันเป็นเช่นนั้น เขาไม่กลัวใครและเด็ดเดี่ยวเรื่องฟุตบอลเสมอ ฝีเท้าเขาดีขึ้นตามลำดับและไม่น่าแปลกใจที่ท้ายที่สุดแล้ว ชื่อซลาตัน อิบราฮิโมวิชจะกลายเป็นอีกชื่อหนึ่งที่ถูกพูดถึงในสโมสรเสมอ-โดยเฉพาะเด็กเล็กที่เข้ามาขอลายเซ็นเด็กหนุ่มร่างสูงโย่งผมน้ำตาลด้วยความชื่นชม ซึ่งนี่นับเป็นแรงผลักอย่างดีให้ซลาตันตั้งใจเล่นเกมและฝึกซ้อม

"ผมทำให้เด็กๆ พวกนี้ผิดหวังไม่ได้"

//////

ฟุตบอลกลายเป็นทุกสิ่งของเขามากขึ้นอีกเมื่อเซฟิก-พ่อผู้ซึ่งไม่เคยแม้จะมาเฝ้าดูเขาเวลาลงเตะหรือฝึกซ้อม-เริ่มมาหาเขาบ่อยๆ ที่สนามและกลายเป็นแฟนตัวยงของลูก ทั้งหมดนี้ทำให้ซลาตันทุ่มเททุกอย่างที่มีให้ฟุตบอล ค่าที่เขารู้สึกว่ามันช่างเป็นกีฬาที่มหัศจรรย์เหลือเกิน

ขวบปีที่ 18 ของชีวิต เริ่มมีนักข่าวให้ความสนใจซลาตัน ถึงขั้นที่ใช้ชื่อเขาเป็นพาดหัวใหญ่ และแน่นอนว่าความเด็ก ความสด หรืออะไรก็ตาม ซลาตันยอมรับว่าในขวบปีแรกของชื่อเสียง เขาตอบสัมภาษณ์บรรดานักข่าวไปแบบปากดีไม่น้อยเลยทีเดียว (จริงๆ แล้วตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นะ)

อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เขาปลาบปลื้มมากๆ เพราะไม่เพียงแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ชื่นชอบเขา ความนิยมในตัวเด็กหนุ่มผมน้ำตาลร่างสูงโย่งยังแพร่ไปถึงกลุ่มสาวๆ ซลาตัน-ผู้ซึ่งใช้ความพยายามทั้งหมดของชีวิตไปกับการเรียกร้องความสนใจมาตลอด-จึงอดคิดไม่ได้ว่าชื่อเสียงนี้คือสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในโลกของเขาแล้ว

"การได้รับการยอมรับจากคนอื่นมันทำให้คุณก้าวต่อไปได้นะ-เชื่อผม โดยเฉพาะถ้าคุณเติบโตมาในฐานะเด็กจมูกโต ขึ้นมูกยืดในสลัม และไม่มีลักษณะความเป็นเด็กชายชาวสวีเดนที่สุภาพแบบผม"

และไม่แปลกที่เขาจะโดนหมั่นไส้เรื่องฝีปาก ซึ่งเขาไม่แม้แต่จะขอโทษที่พูดจาเช่นนั้นแม้แต่นิดเดียว ดีมาก็ดีตอบ และกัดฟันสู้เมื่อถึงเวลา ซลาตันเป็นคนเช่นนั้น

////

ชื่อเสียงมา เงินก็มี ซลาตันดิ่งไปทำใบขับขี่ ใช้เงินก้อนแรกถอยโตโยต้า ด้วยความระห่ำและเหิมเกริมของวัยรุ่น ครั้งหนึ่ง ระหว่างเหยียบโตโยต้าคันเก่งอยู่บนถนนสายหลัก ซลาตันเห็นโสเภณีคนหนึ่งยืนพิงตัวกับรถอีกคัน กำลังเจรจาต่อรองกับลูกค้าชายวัยชรา

"เอาหน่อยเว้ย"  

ซลาตันกับเพื่อนที่คึกคะนองสุดขีดเหยียบเบรกโตโยต้า รถจอดสนิทอยู่ตรงหน้าชายชราที่กำลังต่อรองราคากับหญิงสาว-ทั้งสองตกใจสุดขีดเมื่อเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนสองสามคนแผดเสียงใส่ "นี่ตำรวจ! ยกมือขึ้นโว้ยยยยยยยยยย"

ที่จริงแล้วมันไม่มีอะไรทั้งนั้น ซลาตัน-ผู้กำลังคึกสุดขีด-ถือขวดแชมพูในมือต่างว่าเป็นปืนพก และทำเอาอีกฝ่ายขวัญเสียหล่นไปถึงตาตุ่ม

เวลาต่อมา ซลาตันยอมรับว่า ในวัยนั้น เขาทำอะไรโง่ๆ ลงไปเยอะมากทีเดียว

//////////

*ตอนหน้า เมื่อซลาตันเยือนถิ่นอาร์เซนอล ปะทะกับเวนเกอร์!

ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
ป.ล.เป็นคนชอบดูหนังแต่ก็ดูบอลด้วยง่ะ ใครที่ชอบดูหนัง กดไลก์ได้นะคะ

Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่