ฟิลิปปินส์เมินปักกิ่งเสนอ “คุยทวิภาคี” เรื่องทะเลจีนใต้โดยไม่นับคำตัดสินศาลกรุงเฮก-ชี้ขัดผลประโยชน์ของชาติ

กระทู้คำถาม
เอเจนซีส์ - รัฐบาลฟิลิปปินส์ปฏิเสธที่จะร่วมเจรจาแบบทวิภาคีกับจีนเพื่อคลี่คลายข้อพิพาททะเลจีนใต้ เนื่องจากรับไม่ได้ที่ฝ่ายจีนยื่นเงื่อนไขห้ามพูดถึงคำพิพากษาของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (Permanent Court of Arbitration) ที่ปฏิเสธการอ้างกรรมสิทธิ์ของปักกิ่งเกือบทั้งหมด รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ (19 ก.ค.)
       
       เปอร์เฟ็คโต ยาซาย รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ ระบุว่า ตนได้พูดคุยนอกรอบกับ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ระหว่างเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรปที่มองโกเลียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าเรื่องคำตัดสินของศาลกรุงเฮกจะเป็นประเด็นที่ฝ่ายจีนไม่ต้องการให้พูดถึง
       
       รัฐบาลจีนยืนยันอย่างแข็งกร้าวว่าไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร และชี้ว่าการที่ศาลยื่นมือมาตัดสินข้อพิพาททะเลจีนใต้ครั้งนี้ขัดต่อกฎหมาย และเป็นเรื่องน่าขำ
       
       จีนยังประกาศย้ำมาโดยตลอดว่า จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติหรือการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้อย่างแน่นอน
       
       “ฝ่ายจีนระบุว่า ถ้าเรายืนกรานจะนำคำตัดสินของศาลมาเป็นบรรทัดฐานในการเจรจา ก็อาจจะเกิดการเผชิญหน้าในที่สุด” ยาซายให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ ABS-CBN
       
       “ผมมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสาธารณะ แต่ขณะเดียวกันก็คิดว่าอาจจะพอมีหนทางพูดคุยกันแบบเงียบๆ และไม่เป็นทางการได้”
       
       ยาซายชี้ว่า หวังเสนอให้มะนิลาและปักกิ่งเปิดเจรจาแบบทวิภาคี “ในประเด็นที่นอกเหนือ หรือไม่ต้องคำนึงถึงคำพิพากษาของศาลอนุญาโตตุลาการ” ซึ่งตนได้กล่าวปฏิเสธ เพราะการทำเช่นนั้นไม่เป็นผลดีต่อฟิลิปปินส์

ารพูดคุยระหว่างยาซาย กับหวัง นับเป็นสัญญาณเตือนความยากลำบากที่ฟิลิปปินส์จะต้องเผชิญในการโน้มน้าวให้จีนยอมรับคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศ ซึ่งกำลังก่อความตึงเครียดครั้งใหญ่ในน่านน้ำซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
       
       คำวินิจฉัยของศาลได้อ้างถึงอาณาเขตทางทะเลที่เป็นกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรมของฟิลิปปินส์ และกล่าวหาจีนว่าล่วงละเมิดสิทธิของมะนิลาตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการเข้าไปก่อสร้างสาธารณูปโภคบนแนวปะการังมิสชีฟ (Mischief Reef)
       
       ยาซายชี้ว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์มีแผนจะค่อยๆ ผลักดันคำสั่งศาลให้มีผลบังคับไปทีละขั้น แต่ในเบื้องต้นได้ขอร้องให้ปักกิ่งเปิดทางให้เรือประมงฟิลิปปินส์ผ่านเข้าไปยังเกาะปะการังสการ์โบโรห์ (Scarborough Shoal) โดยไม่ถูกยามฝั่งของจีนคุกคาม
       
       ยามฝั่งของจีนปิดกั้นไม่ให้เรือประมงฟิลิปปินส์เข้าไปจับสัตว์น้ำบริเวณเกาะปะการังสการ์โบโรห์ นอกจากนี้ กองทัพอากาศจีนยังข่มขู่ฟิลิปปินส์ด้วยการเผยแพร่ภาพฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดซึ่งบินลาดตระเวนอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าว
       
       รัฐบาลจีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งทรัพยากรทางทะเลและแหล่งพลังงานขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญของโลก ซึ่งแต่ละปีจะมีสินค้าที่ถูกขนส่งทางเรือผ่านน่านน้ำแถบนี้เป็นมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
       
       อย่างไรก็ตาม ท้องทะเลแถบนี้ยังถูกอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนโดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน และบรูไน
       
       รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์กล่าวเสริมว่า ตนหวังว่าคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวรครั้งนี้จะส่งเสริมให้เพื่อนบ้านในอาเซียนมีถ้อยแถลงร่วม และน่าจะเป็นผลดีต่อชาติอื่นๆ ที่มีข้อพิพาททางทะเลอยู่กับจีนเช่นกัน

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000071718
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่