เรื่องสั้นชนะการประกวด : รักหรือเข้าใจ (ตอนจบ)

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/35357835
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/35365071

เรื่องสั้นชนะการประกวดนิตยสารแพรว

รักหรือเข้าใจ
        
           ดรัสวันต์


ตอนจบ


    จากตึกเซียร์ถึงดาวน์ทาวน์ชิคาโกซึ่งคลาคล่ำไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ธนาคาร สถานที่ราชการต่างๆ ทั้งสี่ต่างไปถ่ายรูปกับประติมากรรมของปิคาสโซที่ใจกลางเมือง แล้วเดินไปชมน้ำพุที่ First National Plaza ลานกว้างซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ First National Bank of Chicago ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้

    ใกล้เที่ยงแล้ว ทั้งหมดตัดสินใจแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารกลางแจ้งในพลาซ่านั้น นอกจากได้รับประทานอาหารอร่อยท่ามกลางบรรยากาศโปร่งสบายแล้ว ยังได้ชมการแสดงดนตรีจากเวทีกลางแจ้งของพลาซ่าอีกด้วย

    “น่ารักจังนะคะ” ทิตยามองไปรอบๆ อย่างชื่นชม

    คนทำงานได้พักเที่ยง ต่างหิ้วถุงและกล่องอาหารกลางวันทยอยกันเข้ามานั่งตามระเบียง หรือบันไดหินอ่อนเพื่อดูฟรีคอนเสิร์ตเคล้าอาหารกลางวันกันแน่นขนัด

    เสร็จจากอาหาร ทั้งสี่เดินเที่ยวต่อไปเรื่อยๆ เมื่อถึงย่านที่มีห้างสรรพสินค้า ภาวัตจำต้องขอร้องสุภาพสตรีทั้งสามให้พยายามตัดกิเลสเพราะถ้าจะช้อปปิ้งกันแล้ว วันนี้ทั้งวันคงเที่ยวกันได้แค่นี้  ซึ่งทุกคนก็พยายามเชื่อฟัง แต่บางครั้งก็อดที่จะไปเกาะเคาน์เตอร์หรือแวะถามราคาสินค้าไม่ได้

    จากใจกลางเมือง หัทยาและวรลักษณ์พาผู้ร่วมทางเดินออกมาสู่ Michigan Avenue ถนนสายหรูที่สุดของชิคาโก โดยเฉพาะช่วงที่เริ่มต้นจากแม่น้ำชิคาโกขึ้นเหนือไปประมาณ 1 ไมล์ ซึ่งได้ชื่อว่า The Magnificent Mile เป็นระยะทางหนึ่งไมล์ที่สองฟากถนนเรียงรายไปด้วยสถานที่ที่มีชื่อเสียง เช่น ตึก Wrigley ที่ตั้งของสำนักงานหนังสือพิมพ์ Chicago Tribune  ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของห้างร้านแบรนด์เนม อย่าง Sak Fifth Avenue, Gucci, Ralph Lauren, Lord & Taylor  และช้อปปิ้งมอลล์ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาคือ Water Tower Place

    และที่แห่งนี้ เวลาแห่งการท่องเที่ยวมีเหลือพอที่จะให้ทิตยายืนเกาะกระจกเฝ้ามองรองเท้ายี่ห้อ ชาร์ลส จูดอง ให้วรลักษณ์ไปยืนเล็งราคาสร้อยข้อมือฝังเพชรเม็ดจิ๋วน่าเอ็นดูของร้านจิวเวลรี่ถัดไป ส่วนภาวัตกำลังสนใจร้านขายของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ ชุดหมากรุกที่ตัวหมากทำด้วยคริสตัลส่งประกายแวววาวกระทบสายตาเขา และเกมส์ฝึกสมองใหม่ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนที่เมืองไทย ในขณะที่หัทยาไปพบกระโปรงชุดแบบเรียบเก๋ของร้าน Lord & Taylor กำลังลดราคา หล่อนพลิกดูขนาดและราคา แล้วตัดสินใจซื้อทันทีโดยไม่จำเป็นต้องลองเพราะรูปร่างของหัทยาคือ ไซส์ 7 เป็นขนาดที่หาเสื้อผ้าใส่ได้ง่ายที่สุด และที่สำคัญคือ คืนนี้หล่อนควรมีกระโปรงชุดสวยสำหรับใส่ไปดินเนอร์กับใครคนนั้น


    หกโมงครึ่ง ณัฐวุธมากดออดเรียกตามเวลานัด หัทยากระวีกระวาดใส่รองเท้า แล้วไม่ลืมขอกุญแจบ้านเอาไว้ เผื่อกลับดึกจะได้ไม่ต้องรบกวนให้ใครเปิดประตูให้

    “ไหม ไปนะคะ ไม่กลับดึกหรอกค่ะ” หล่อนบอกทุกคน และก่อนปิดประตูหล่อนหันไปพบสายตาของภาวัตเข้าพอดี หัทยาชะงักเล็กน้อยกับแววเหงาๆ ในดวงตาคู่นั้น แล้วหล่อนก็ปิดประตู ไม่คิดอะไรมากเพราะใจจดจ่ออยู่กับใครอีกคน    

    “ไหมอยากทานอะไร” ณัฐวุธถามขึ้นอย่างเอาใจ หลังจากออกรถมาได้สักครู่

    “อยากทานพิซซ่ามายพาย ยังมีร้านนี้อยู่ไหมคะ”



    “มีครับ แต่หน้าร้อนแบบนี้ เขาจะไม่จุดเตาผิงที่กลางร้านอย่างตอนหน้าหนาวหรอกนะ เดี๋ยวลูกค้าร้อนแย่”

    หัทยายิ้มถูกใจ นึกถึงฤดูหนาวที่หิมะตกแล้วคนชอบไปทานพิซซ่าร้านนี้ซึ่งจะมีเตาผิงอยู่กลางร้านส่งกระจายความร้อนและความสว่างไปทั่วบริเวณร้านที่ตกแต่งโทนสีดำให้บรรยากาศสลัวลางดูโคซี่      

    ณัฐวุธเบนสายตาจากถนนมามองรอยยิ้มมีความสุขนั้นเต็มตา แล้วเอ่ยชมชุดกระโปรงสวยที่หล่อนใส่

    “คืนนี้ไหมสวยจังเลย รู้ไหม”      

    หญิงสาวก้มลงมองตัวเอง รู้สึกเขินๆ กับคำชมนั้น ในใจหวนนึกถึงสายตาของภาวัตที่มองหล่อนอย่างชื่นชมเมื่อหล่อนแต่งตัวเสร็จเดินออกมาจากห้อง ชุดสีขาวทำให้หล่อนดูโดดเด่น และผิวสีน้ำผึ้งจางแบบคนเอเชียไม่ขาวเผือดเหมือนฝรั่ง ยิ่งทำให้น่ามองยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในสายตาของคนต่างชาติ

    ฉะนั้น เมื่อหัทยาก้าวเข้าไปในร้านอาหารแห่งนั้น สายตาหลายสิบคู่ต่างก็มองมาที่หล่อนเป็นจุดเดียวกัน ทำเอาณัฐวุธรู้สึกหัวใจพองโตด้วยความภูมิใจ

    เมื่อได้โต๊ะแล้ว ชายหนุ่มสั่งไวน์มาเรียกน้ำย่อย

    “ผู้คนยังชอบมาที่ร้านนี้นะคะ เพราะเขาจัดร้านน่ารัก ดูอบอุ่น” หัทยามองไปรอบๆ อย่างชื่นชม บรรยากาศสลัวด้วยแสงเทียนซึ่งมีกลิ่นหอมระเหยกำซาบซ่าน ดอกเดซี่สีขาวเกสรเหลืองที่ปักอยู่ในแจกันของทุกโต๊ะชวนให้สดชื่นสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

    “ใช่  ถ้าเป็นหน้าหนาว จะแน่นกว่านี้ ต้องจองล่วงหน้า”

    ไม่นาน Pizza in the pan ซึ่งร้านนี้เป็นต้นตำรับก็ถูกนำมาเสิร์ฟร้อนๆ กรุ่นกลิ่นชีส ชายหนุ่มจัดการตักชิ้นพิซซ่าที่เป็นขนมปังหนานุ่มออกมาจากถาด วางใส่จานตรงหน้าหญิงสาว    

    “งานทางเมืองไทยเป็นอย่างไรบ้าง สนุกไหม”  

    “ค่ะ ก็เรื่อยๆ แต่บางทีก็เครียดมากจริงๆ ถึงได้พยายามลาพักร้อนออกมาเปิดหูเปิดตาที่นี่บ้างไงคะ” หัทยาทำงานธนาคารซึ่งต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเงินจำนวนมาก ความเครียดที่เกิดจากความรับผิดชอบสูงเช่นนี้ บางครั้งทำให้หล่อนรู้สึกว่าเงินเดือนแพงๆ ที่ได้รับนั้น ไม่คุ้มกันเลยกับสุขภาพจิตที่เสียไป

    “เพื่อนอีกสองคนที่มาด้วย เขาทำงานที่เดียวกับไหมหรือ”

    “ค่ะ แต่ภาวัตเขาลาออกมาเรียนต่อที่มิชิแกน ตอนนี้เรียนจบแล้ว กำลังจะกลับเมืองไทย ก็เลยชวนกันมาเที่ยว แล้วจะกลับบ้านพร้อมกันไงคะ” หล่อนเล่าด้วยท่าทางรื่นรมย์เมื่อเอ่ยถึงเพื่อนสนิท

    ในใจณัฐวุธ ประหวัดไปถึงผู้ชายท่าทางเรียบๆ คนนั้น อดนึกเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ และเขาคิดว่า เขา ‘เหนือ’ กว่าภาวัต ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา หรืออาจจะรวมถึงฐานะด้วยก็ได้ กระนั้นเขาก็ยังระแวงความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างคนทั้งสอง หัทยาคงไม่ได้คิดอะไร แต่ภาวัตล่ะ ผู้หญิงสวยน่ารักอย่างหัทยา มีหรือที่ผู้ชายคนไหนอยู่ใกล้แล้วจะอดใจได้ เขาไม่คิดว่าภาวัตจะเป็นผู้ชายประเภทไม่สนใจผู้หญิง  ผู้ชายด้วยกันย่อมสัมผัสความรู้สึกของผู้ชายได้ไวกว่า

    “อือม เที่ยวก่อนกลับ ท่าทางน่าสนุกนะ” เขาทำทีคล้อยตาม แต่ในใจคิดวุ่นวายถึงสิ่งต่างๆ  อิจฉาภาวัตนั้นส่วนหนึ่ง  ดูท่าทางเขาสำคัญสำหรับหัทยาไม่น้อย ดูรึ มารับกันกลับเมืองไทย ณัฐวุธเริ่มร้อนรุ่มกับความคิดนี้ แล้วพาลกินอะไรไม่ลง แต่ดื่มมากขึ้น

    ระยะหลังมานี่ เขาเริ่มเหงาและว้าเหว่ ผู้หญิงอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาดูจะเหมือนกันหมด โดยเฉพาะผู้หญิงฝรั่งที่เขาเดทส่วนใหญ่ หลังจากจบลงบนเตียงด้วยกันไม่กี่ครั้ง เขาก็เบื่อ พวกหล่อนช่างไม่อ่อนหวานนุ่มนวลอย่างผู้หญิงไทย จนพักหลังมานี้เขาไม่สนใจจะเดทกับใครอีก เสร็จจากงานแล้วอยากกลับบ้าน ดูโทรทัศน์เล่นกับหลานๆ ก็เพลินดี บางครั้งเขาฉุกใจคิดว่าเขาควรจะปักหลักกับใครสักคน แต่เขาก็เบื่อที่จะมองหา และไม่เคยชอบวิธีการที่ตัดสินใจอยากแต่งงานขึ้นมา ก็เริ่มกวาดตาหาผู้หญิงสักคน มันไม่ง่ายอย่างนั้นสักนิด  แต่น่าจะเป็นเธอคนใดคนหนึ่งที่ทำให้เขาเกิดความรัก ความประทับใจอย่างลึกซึ้ง และเกิดความผูกพันชนิดที่ต้องการจะร่วมชีวิตกับเธอไปตลอด มีเธอเป็นแม่ของลูกๆ เขา ซึ่งต้องไม่ใช่ผู้หญิงคนไหนก็ได้

    สำหรับเวลานี้ ณัฐวุธมองหญิงสาวตรงหน้า ผู้หญิงไทยๆ ที่อ่อนหวาน อ่อนโยน กิริยามารยาทนุ่มนวลอย่างสตรีที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี รอยยิ้มแจ่มใสมีเสน่ห์กับดวงตาเป็นประกายคู่นั้น ยิ่งย้ำให้เขาแน่ใจว่า เขาได้พบแล้ว ความรู้สึกรักและต้องการหัทยาท่วมท้นเต็มหัวใจของเขาในตอนนี้  แต่เวลากระชั้นเข้ามาทุกที พรุ่งนี้แล้วที่หล่อนจะจากเขาไป ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด เขาจะสูญเสียหล่อนไปตลอดชีวิต

    “แน้ทคิดอะไรอยู่หรือคะ” หัทยาทักขึ้นหลังจากสังเกตเห็นชายหนุ่มใจลอยอยู่นานแล้ว

    “คิดถึงเรื่องของเรา” เขาตอบทันทีด้วยตัดสินใจแล้วว่าจะพูดจาตกลงกับหล่อนให้รู้เรื่อง

    หัทยาทำท่าแปลกใจ แต่ไม่พูดอะไร หล่อนรอดูทีท่าว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

    “ผมกำลังคิดว่า ทำไมเมื่อก่อนผมถึงได้บ้าปล่อยให้คุณจากไป”

    หัทยาถอนหายใจ หลุบตาลงต่ำ สะท้อนใจกับเรื่องราวในอดีต

    “แน้ททำถูกแล้วนี่คะ เพราะพี่นาถเป็นพี่คุณ เลี้ยงคุณมา ก็ควรเชื่อฟังเขา ไหมเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ ไม่มีความหมายอะไรหรอกค่ะ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ จริงไหมคะ” แม้หัทยาจะทำใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แล้วก็ตาม แต่การถูกผู้ชายบอกเลิก มันเป็นเรื่องทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน เหมือนเป็นผู้หญิงไร้ค่าไม่มีใครต้องการ หล่อนต้องใช้เวลานานเหลือเกินกว่าจะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ใหม่

    “ไหม  อย่าพูดแบบนั้นซิ คุณมีความหมายสำหรับผมเสมอ” เขารีบแก้ตัวแล้วเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวไว้อย่างปลอบโยน

    “อย่าพูดถึงมันอีกเลยนะคะ” หัทยาขอร้อง เพราะเริ่มรู้สึกว่าความอ่อนแอกำลังจะครอบงำ

    ชายหนุ่มยอมตามโดยดี รู้สึกตัวเหมือนกันว่า เขาควรระมัดระวังที่จะไม่ไปดึงดันแล้วทำ ‘เสียเรื่อง’ เขาควรใจเย็นไว้ก่อน

    หลังจากรับประทานเสร็จและเรียกบริกรเช็คบิลแล้ว ณัฐวุธพาหญิงสาวออกมาที่รถ พร้อมกับชวนว่า

    “เราไปนั่งรถเที่ยว คุยกันก่อนแล้วค่อยกลับนะครับ”

    หัทยาตอบตกลงเพราะเห็นว่ายังไม่ดึก และยิ่งเป็นฤดูร้อนเช่นนี้แล้ว เวลาสามทุ่มเป็นเวลาที่แสงอาทิตย์ลำสุดท้ายเพิ่งจะหายไปจากฟากฟ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่