กลร้าย อุบัติรัก บทที่ 12
เขียน... ขอจันทร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/34058785
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/34061303
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/34064438
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/34066898
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/34400930
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/34409252
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/34411483
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35236917
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35242366
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35249691
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35256888
บ่ายแก่ๆชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามาในบ้านพัก มุกระวีที่นั่งพิงเสาอยู่ มองผู้ชายสองคนที่มาใหม่นึกรู้ได้ว่าเป็นพวกของนายสุชาติ ทั้งสองไม่ได้สนใจหญิงสาวเดินไปยกลังที่วางแยกจากลังอื่นๆ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป
ตกเย็นคนงานในไร่สามสี่คนเดินเข้ามาภายในบ้านก่อนจะค่อยๆทยอยขนลังออกไปหญิงสาวมองตามการเคลื่อนไหวไม่คลาดสายตา จนได้เห็นนายสุชาติเดินตามเข้ามา
นายสุชาติมองการขนย้ายนั้นด้วยสายตาพึงพอใจ ออกปากเร่งคนงานที่กำลังขน ก่อนจะหันมาทางหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่มุมห้อง
“ฟื้นแล้วหรือครับคุณมุก” ชายสูงวัยเอ่ยทัก มองด้วยสายตาเยาะๆ
“ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อเช้านะครับ มือผมมันหนักไปหน่อย คุณเองก็ปากดีไม่น้อย” ว่าพลางเอื้อมมือไปจับแก้มที่เป็นรอยช้ำของหญิงสาว หากอีกฝ่ายสะบัดหน้า มองตอบด้วยสายตาเอาเรื่อง สุชาติหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
“คุณนี่ใจแข็งจริงๆ โดนขนาดนั้นไม่มีน้ำตาสักหยด ผมละนับถือคุณเลย”
“อื้อ!”
“อยากด่าก็ด่าไปเถอะ อีกเดี๋ยวก็จะไม่ได้ด่าแล้ว”
ก่อนที่จะต่อความยาวไปมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ไร้สายก็ดังขึ้น นายสุชาติหยิบดูเบอร์ที่ขึ้นโชว์แล้ว จึงกดรับ
“สวัสดีครับ ..ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” สายในโทรศัพท์เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ทำให้นายสุชาติหันมามองทางหญิงสาวนิดหนึ่งก่อนเอ่ย
“ยังอยู่ดีครับ ..ได้ครับ ผมจะจัดการให้ เอ่อ เดี๋ยวครับ..” ชายสูงวัยเอ่ยรั้งปลายสายไว้
“โอนเงินให้ผมเลยได้มั้ยครับ พอดีผมจำเป็น.. ไม่ครับ คราวนี้ต้องเป็น สิบห้าล้านเก้าแสนหนึ่งร้อยจุดเจ็ดห้าสตางค์ ธนาคารXX ครับ ทยอยเหมือนทุกครั้งก็ได้”
คุยอยู่อีกครู่หนึ่งก็วางสายไป พอดีกับที่นายลิตรเข้ามาในบ้าน รายงานว่าลังทั้งหมดถูกขนขึ้นไว้ที่หลังรถเรียบร้อย
“ดี จัดการเอาผ้าใบคลุม อย่าลืมเอาลังผลไม้ไว้หลอกตาด้วย”
“ครับนาย”
“ส่วนเอ็ง ขับรถนำรถสินค้าไป” สุยถึง การขับรถนำเหมือนเป็นการกรุยทางเพื่อความปลอดภัย โดยจะมีรถสินค้าขับตามทิ้งระยะห่าง หากเกิดเหตุผิดพลาด หรือไม่คาดฝัน เช่นด่านตำรวจ หรือที่พบบ่อยในหน้าฝนคือถนนโดนตัดขาด รถสินค้าก็จะเปลี่ยนเส้นทางได้ทันที
“ทำไมไม่ให้พี่เรืองทำเหมือนเดิมละพี่ ส่วนฉันจะขออยู่จัดการเคลียร์ทางนี้ให้” พูดพลางเหลือบไปมองทางมุกรวี
“กูสั่งให้ทำ ก็ทำสิวะ ..อ้อ นี่เอ็งชอบนังผู้หญิงคนนี้ละสิ มิน่า คราวที่แล้วถึงได้เข้ามาห้าม” สุชาติพูดพลางหัวเราะ นายลิตรยิ้มน้อยๆ
“ได้มั้ยละพี่”
“ไม่ได้เว้ย งานมาก่อน ส่วนนังนี่ไอ้คมมันอาสาจัดการเอง ไอ้นี่มันมาใหม่กว่า แต่มันเซ่อๆซ่าๆให้มันทำงานนี้แหละดีแล้ว ก็ทำงานของ อย่าให้ผู้หญิงมาทำให้เสียการเสียงาน”
พูดจบผู้ชายร่างสูง ผมเผ้าหนวดเครารุงรังก็เดินเข้ามา เขามองไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่มุมห้อง ยิ้มออกมาเล็กน้อย เดินเข้ามารับคำสั่งจากนายสุชาติ สั่งเสร็จก็เดินออกจากบ้านไป นายลิตรยังไม่วายหันมามองทางมุกรวีอีกครั้งอย่างเสียดาย ก่อนจะตัดสินใจเดินตามออกไป
ทางบ้านใหญ่คุณนายจันทร์ฉายเดินไปมาเหมือนหนูติดจั่นมีคุณศรัณย์กำลังคุยโทรศัพท์กับผู้กำกับการตำรวจอยู่ คุณนายจันทร์ฉายทิ้งตัวลงบนโซฟาใจนั้นช่างร้อนรุ่ม ก้นยังสัมผัสโซฟาไม่ติดดี เขมินท์และดุจภูผาก็เดินเข้ามาสีหน้าเคร่งเครียด
“ตาเขม” คุณนายจันทร์ฉายโผเข้าไปหาบุตรชายทันทีที่เห็นหน้า
“แม่ทนไม่ไหวแล้วนะเขม หนูมุกหายไปไหนทำไมถึงได้ใจเย็นกันนักนะ ฮึ ”
“ผมจะแนะนำให้แม่รู้จัก นี่สารวัตรพิจิตรครับ”
“สวัสดีครับคุณนายจันทร์ฉาย”
“สวัสดีค่ะ คุณสารวัตรมาช่วยเรื่องที่หลานฉันหายไปใช่มั้ยคะ”
“ครับ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เราคิด”
“เรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับหนูมุกคะ” คุณนายจันทร์ฉายพูดท่าทางคล้ายจะเป็นลม บัวซอนแม่บ้านของบ้านต้องเข้ามาประคองไว้ เขมินท์จึงต้องเป็นคนเริ่มอธิบาย
“มุกรวี กับต้อมถูกพวกค้ายาเสพติดจับตัวไปครับแม่”
“ตายจริง ใช่เจ้าของเฮโรอีนนั่นหรือเปล่า”
“ครับ”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันงงไปหมดแล้ว”
เขมินท์ไม่รู้จะบอกมารดาอย่างไร สารวัตรพิจิตรจึงเป็นฝ่ายอธิบายแทน
“ขบวนการค้ายารายนี้มันข้ามฝั่งมาจากพม่าและมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เราตามจับมานานและมันก็รอดไปได้ทุกครั้ง โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันอยู่ใกล้เราแค่นี้เอง ใกล้มาจนน่าเจ็บใจ” สารวัตรเอ่ย พลางเหลือบมองศรัณย์
“มันเอาของมาไว้ในไร่ของเรา ที่บ้านพักคนงานริมน้ำตรงนั้น” ศรัณย์เอ่ยต่อให้อย่างเจ็บใจ
“เท่าที่ทราบมาที่ตรงนั้นเป็นที่ของพวกคุณ ซึ่งมอบให้เป็นที่พักคนงานซึ่งอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน พวกมันคงอาศัยที่พวกคุณไม่เคยเข้าไปจัดการดูแลที่ตรงนั้น เอามาใช้ประโยชน์ แต่ไม่นานมานี้คุณเขมมีโครงการที่จะรื้อที่ตรงนั้น ใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“นั่นคงทำให้พวกมันนั่งไม่ติด ถึงได้รีบยักย้ายถ่ายเทของทั้งหมด การกระทำของพวกมันโจ่งแจ้งและขาดความระมัดระวังเกินไป ทางเราสงสัยจึงส่งสายเข้าไปปะปนกับพวกมัน แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ความวุ่นวายในไร่นี้ช่วงหลังเป็นฝีมือพวกมันทั้งสิ้น เพื่อยื้อความสนใจของพวกคุณเอาไว้ รวมถึงการหายตัวไปของคุณมุกรวี กับต้อมด้วย”
“ให้ตายเถอะ รู้อย่างนี้แล้วรออะไรอยู่ รีบไปช่วยหนูมุกเร็วเข้าสิ” คุณนายจันทร์ฉายหันไปไล่เบี้ยเอากับลูกชายคนโต
“เราขอความร่วมมือจากคุณเขมินท์เรื่องนี้ละครับ” สารวัตรพิจิตรเอ่ยขึ้น “เรารู้มาว่าพวกมันยังมีนายใหญ่อีกคน เป็นคนที่ถือรายชื่อลูกค้าทั้งหมด เป็นคนสำคัญที่เราต้องการตัวมากที่สุด เพราะอย่างนี้เราถึงยังบุกเข้าไปช่วยคุณมุกรวีตอนนี้ไม่ได้ มันอาจจะทำให้เราหมดโอกาสที่จะเข้าถึงตัวนายใหญ่”
“อะไรกัน! ถ้าหนูมุกโดนพวกมันฆ่าทิ้งละ ชีวิตคนทั้งคนพวกคุณรับผิดชอบไหวงั้นหรือ” คุณนายจันทร์ฉายแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หันไปทางสามี “คุณศรัณย์ ทำอะไรสักอย่างสิคะ”
“ตอนนี้ได้ข่าวว่าอย่างไรบ้างสารวัตร”
“พวกมันเริ่มเคลื่อนขบวนแล้วครับท่าน เราจะรอจนถึงจุดเปลี่ยนรถสายเรารายงานมาว่านายใหญ่ของมันจะต้องไปรอเช็คของที่นั่น ถึงตอนนั้นเราจะเข้าจับกุมทันทีครับ”
“แล้วหลานสาวผม ”
“ไม่ต้องห่วงครับสายที่ผมส่งให้แฝงตัวเข้าไป จะอยู่กับเธอ”
“ได้ยินมั้ยคุณจันทร์ สายของตำรวจจะคอยปกป้องหนูมุก”
“คุณก็เป็นไปกับเขาด้วย ไม่มีใครห่วงหนูมุกเลยหรือไง ปล่อยหนูมุกไว้แบบนั้นได้ยังไง” คุณนายจันทร์ฉายที่ตอนนี้เขื่อนน้ำตาแตกไปเรียบร้อยแล้ว ถูกคุณศรัณย์ดึงไปโอบปลอบไว้
เขมินท์ได้ฟังสารวัตรพูดแล้วแล้วความรู้สึกร้อนรุ่มในอกก็ไม่ได้ทุเลาลงเลย ตั้งแต่มุกรวีหายตัวไปชายหนุ่มแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร ความรู้สึกห่วงกังวลเกาะกุมไปทั้งหัวใจ ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าตัวหล่อนตกอยู่ท่ามกลางคมเขี้ยวของพวกผิดกฏหมาย เขาแทบอยากจะบุกเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอด ..ก็จะมั่นใจได้อยากไรเล่าว่าเธอจะปลอดภัย จะมั่นใจได้อย่างไรว่าตำรวจจะไม่พลาด..
“เขม”
เสียงบิดาดังขึ้น เหมือนเรียกสติที่กำลังหมกมุ่นกับความคิดตนเองของเขมินท์กลับมา ชายหนุ่มหันไปทางบิดา ก็พบกับสายตาแสดงถึงความเข้าใจ
ไม่ทันได้พูดอะไรกัน เสียงโทรศัพท์ของสารวัตรหนุ่มก็ดังขึ้น เจ้าตัวรีบกดรับอย่างรวดเร็ว
“ว่าไง”
สารวัตรหนุ่มนิ่งฟังปลายสายครู่หนึ่งใบหน้ามีแววของความเครียดขึงขึ้น พูดคุยกันสองสามประโยค จากนั้นวางสายก่อนจะหันมาทางศรัณย์
“ตัวนายใหญ่มันเกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมมาครับ”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ อยู่ๆก็เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่เรารอไม่ได้แล้ว ถ้าล็อตนี้หลุดไปได้ก็คงตามต่อยาก เราจะเข้ารวบตัวพวกมันทันทีที่มีการแลกเปลี่ยนของ ถ้าเป็นไปได้เราจะจัดการกันอย่างเงียบๆและรวดเร็วที่สุด อย่างน้อยได้ลูกน้องมันก็อาจสาวไปถึงตัวใหญ่ได้”
“คงยาก ส่วนใหญ่พวกที่มาส่งของแบบนี้ก็เป็นแค่ลูกน้องปลายแถว ก็จะสืบสาวกันได้มันคงเปิดหนีไปถึงไหนๆ” ศรัณย์ว่าอย่างคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน
“แล้วหนูมุกละ จะไปช่วยหนูมุกกันได้หรือยัง!” คุณนายจันทร์ฉายเอ่ยขึ้น
“ผมจะติดต่อคนของผมให้พาเธอออกมาเดี๋ยวนี้ครับ”
สารวัตรพิจิตรรับคำกำลังจะหยิบโทรศัพท์ออกมาก เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“นาย! นายเขม”
“มาลีมาได้ยังไงนะ แล้วนี่พา..” เจ้าของไร่หนุ่มทักขึ้นทันทีที่เห็นสาวคนงานวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ก่อนที่เสียงจะขาดหายไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแบกใครมาบนหลัง
“ต้อม!” ชายหนุ่มแทบจะถลาเข้าไปหาเด็กชายทันที
“ต้อมเป็นยังไงบ้าง พี่สาวที่ไปช่วยเราละ”
“พี่สาวไม่ได้มาด้วย” เด็กชายว่าพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้
“พี่สาวให้ผมหนีออกมาก เอากระดาษแผ่นนี้มาให้นายเขม”
เขมินท์คลี่กระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนกลมๆออกอ่าน สีหน้าประหลาดใจฉายชัดออกมา
“มีอะไรหรือครับคุณเขม”
“หนูมุกบอกว่าต้อมคือพยานที่สามารถยืนยันตัวนายใหญ่ได้” ชายหนุ่มหันไปบอกทุกคน สีหน้ายังคงฉายแววไม่มั่นใจนัก สารวัตรพิชิตย่อตัวลงข้างๆเด็กชาย เอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“ใครเป็นคนทำร้ายหนู หืม”
“พี่สาวคนที่สวยๆ”
“อย่างนี้พี่จะรู้ได้ยังไง หนูไม่รู้จักชื่อเขาหรือ”
เด็กชายส่ายหน้า สารวัตรเองก็จนปัญญารู้แค่นี้จะไปหาตัวใครได้ เขาไม่ต้องจัดประกวดสาวงาม เพื่อให้เด็กน้อยชี้ตัวเลยหรือไง
“..นิชา”
เสียงเขมินท์เอ่ยขึ้น ทุกคนหันมามองชายหนุ่มเป็นตาเดียว
“อะไรนะตาเขม”
“จดหมายบอกว่า นายใหญ่คนนั้น คือ นิชา ครับพ่อ” เขมินว่าก่อนจะส่งจดหมายให้คุณศรัณย์ และส่งต่อให้สารวัตรหนุ่มดู
คุณนายจันทร์ฉายรับลุกขึ้นเดินหายขึ้นไปบนบ้านเพียงครู่เดียวก็วิ่งตึงตังลงมา ส่งรูปใบหนึ่งให้กับเด็กชาย
“คนนี้หรือเปล่าหนู..”
เด็กชายมองหญิงสาวในรูปตามที่คุณนายจันทร์ฉายชี้ ก็พยักหน้าตอบรับโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน สารวัตรหนุ่มเห็นดังนั้น จึงหันมาสอบถามเกี่ยวกับตัวหญิงสาว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายรายงานมาถึงความสำเร็จในการควบคุมพวกขนยาเสพติด สารวัตรหนุ่มตอบรับอย่างพอใจ หากแต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สั่งการอีกสองสามคำ วางสายลง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ยครับ” คุณศรัณย์เอ่ยถาม
“ครับ กำลังส่วนหนึ่งผมให้ไปเชิญคุณนิชาไปให้ปากคำที่โรงพักแล้ว” สารวัตรหนุ่มกระแอมนิหนึ่งสีหน้าลำบากใจ
“แต่เกิดปัญหาขึ้น.. คือ สายของเราที่รับหน้าที่ดูแลคุณมุกถูกสั่งให้แยกกับเธอ..”
เพียงเท่านั้นคอเสื้อนายตำรวจหนุ่มก็ถูกกระชากขึ้นอย่างแรง เจ้าของไร่หนุ่มเอ่ยถามอารมณ์โกรธฉายชัดในแววตา
“หมายความว่ายังไง..”
“ตอนนี้ไม่มีตำรวจอยู่กับเธอ เราไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของเธอได้ครับ ..แต่ตอนนี้กำลังตำรวจกำลังไปช่วยเธอแล้ว” สารวัตรหนุ่มตอบ
“โธ่เว้ย!”
นายตำรวจหนุ่มถูกผลักจนเซไป ในขณะที่ร่างสูงพุ่งตัวออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วราวกับมาพายุไล่หลัง เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็ไปถึงตัวรถได้ทันใจ ดุจภูผาที่ยังอึ้งกับเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ได้สติขึ้น
“เดี๋ยวพี่เขม ผมไปด้วยด้วย”
ร่างสูงวิ่งตามไปกระโดดขึ้นรถได้ทันฉิวเฉียด ก่อนที่รถจะขับพุ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
กลร้าย อุบัติรัก บทที่ ๑๒
เขียน... ขอจันทร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บ่ายแก่ๆชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามาในบ้านพัก มุกระวีที่นั่งพิงเสาอยู่ มองผู้ชายสองคนที่มาใหม่นึกรู้ได้ว่าเป็นพวกของนายสุชาติ ทั้งสองไม่ได้สนใจหญิงสาวเดินไปยกลังที่วางแยกจากลังอื่นๆ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป
ตกเย็นคนงานในไร่สามสี่คนเดินเข้ามาภายในบ้านก่อนจะค่อยๆทยอยขนลังออกไปหญิงสาวมองตามการเคลื่อนไหวไม่คลาดสายตา จนได้เห็นนายสุชาติเดินตามเข้ามา
นายสุชาติมองการขนย้ายนั้นด้วยสายตาพึงพอใจ ออกปากเร่งคนงานที่กำลังขน ก่อนจะหันมาทางหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่มุมห้อง
“ฟื้นแล้วหรือครับคุณมุก” ชายสูงวัยเอ่ยทัก มองด้วยสายตาเยาะๆ
“ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อเช้านะครับ มือผมมันหนักไปหน่อย คุณเองก็ปากดีไม่น้อย” ว่าพลางเอื้อมมือไปจับแก้มที่เป็นรอยช้ำของหญิงสาว หากอีกฝ่ายสะบัดหน้า มองตอบด้วยสายตาเอาเรื่อง สุชาติหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
“คุณนี่ใจแข็งจริงๆ โดนขนาดนั้นไม่มีน้ำตาสักหยด ผมละนับถือคุณเลย”
“อื้อ!”
“อยากด่าก็ด่าไปเถอะ อีกเดี๋ยวก็จะไม่ได้ด่าแล้ว”
ก่อนที่จะต่อความยาวไปมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ไร้สายก็ดังขึ้น นายสุชาติหยิบดูเบอร์ที่ขึ้นโชว์แล้ว จึงกดรับ
“สวัสดีครับ ..ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” สายในโทรศัพท์เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ทำให้นายสุชาติหันมามองทางหญิงสาวนิดหนึ่งก่อนเอ่ย
“ยังอยู่ดีครับ ..ได้ครับ ผมจะจัดการให้ เอ่อ เดี๋ยวครับ..” ชายสูงวัยเอ่ยรั้งปลายสายไว้
“โอนเงินให้ผมเลยได้มั้ยครับ พอดีผมจำเป็น.. ไม่ครับ คราวนี้ต้องเป็น สิบห้าล้านเก้าแสนหนึ่งร้อยจุดเจ็ดห้าสตางค์ ธนาคารXX ครับ ทยอยเหมือนทุกครั้งก็ได้”
คุยอยู่อีกครู่หนึ่งก็วางสายไป พอดีกับที่นายลิตรเข้ามาในบ้าน รายงานว่าลังทั้งหมดถูกขนขึ้นไว้ที่หลังรถเรียบร้อย
“ดี จัดการเอาผ้าใบคลุม อย่าลืมเอาลังผลไม้ไว้หลอกตาด้วย”
“ครับนาย”
“ส่วนเอ็ง ขับรถนำรถสินค้าไป” สุยถึง การขับรถนำเหมือนเป็นการกรุยทางเพื่อความปลอดภัย โดยจะมีรถสินค้าขับตามทิ้งระยะห่าง หากเกิดเหตุผิดพลาด หรือไม่คาดฝัน เช่นด่านตำรวจ หรือที่พบบ่อยในหน้าฝนคือถนนโดนตัดขาด รถสินค้าก็จะเปลี่ยนเส้นทางได้ทันที
“ทำไมไม่ให้พี่เรืองทำเหมือนเดิมละพี่ ส่วนฉันจะขออยู่จัดการเคลียร์ทางนี้ให้” พูดพลางเหลือบไปมองทางมุกรวี
“กูสั่งให้ทำ ก็ทำสิวะ ..อ้อ นี่เอ็งชอบนังผู้หญิงคนนี้ละสิ มิน่า คราวที่แล้วถึงได้เข้ามาห้าม” สุชาติพูดพลางหัวเราะ นายลิตรยิ้มน้อยๆ
“ได้มั้ยละพี่”
“ไม่ได้เว้ย งานมาก่อน ส่วนนังนี่ไอ้คมมันอาสาจัดการเอง ไอ้นี่มันมาใหม่กว่า แต่มันเซ่อๆซ่าๆให้มันทำงานนี้แหละดีแล้ว ก็ทำงานของ อย่าให้ผู้หญิงมาทำให้เสียการเสียงาน”
พูดจบผู้ชายร่างสูง ผมเผ้าหนวดเครารุงรังก็เดินเข้ามา เขามองไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่มุมห้อง ยิ้มออกมาเล็กน้อย เดินเข้ามารับคำสั่งจากนายสุชาติ สั่งเสร็จก็เดินออกจากบ้านไป นายลิตรยังไม่วายหันมามองทางมุกรวีอีกครั้งอย่างเสียดาย ก่อนจะตัดสินใจเดินตามออกไป
ทางบ้านใหญ่คุณนายจันทร์ฉายเดินไปมาเหมือนหนูติดจั่นมีคุณศรัณย์กำลังคุยโทรศัพท์กับผู้กำกับการตำรวจอยู่ คุณนายจันทร์ฉายทิ้งตัวลงบนโซฟาใจนั้นช่างร้อนรุ่ม ก้นยังสัมผัสโซฟาไม่ติดดี เขมินท์และดุจภูผาก็เดินเข้ามาสีหน้าเคร่งเครียด
“ตาเขม” คุณนายจันทร์ฉายโผเข้าไปหาบุตรชายทันทีที่เห็นหน้า
“แม่ทนไม่ไหวแล้วนะเขม หนูมุกหายไปไหนทำไมถึงได้ใจเย็นกันนักนะ ฮึ ”
“ผมจะแนะนำให้แม่รู้จัก นี่สารวัตรพิจิตรครับ”
“สวัสดีครับคุณนายจันทร์ฉาย”
“สวัสดีค่ะ คุณสารวัตรมาช่วยเรื่องที่หลานฉันหายไปใช่มั้ยคะ”
“ครับ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เราคิด”
“เรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับหนูมุกคะ” คุณนายจันทร์ฉายพูดท่าทางคล้ายจะเป็นลม บัวซอนแม่บ้านของบ้านต้องเข้ามาประคองไว้ เขมินท์จึงต้องเป็นคนเริ่มอธิบาย
“มุกรวี กับต้อมถูกพวกค้ายาเสพติดจับตัวไปครับแม่”
“ตายจริง ใช่เจ้าของเฮโรอีนนั่นหรือเปล่า”
“ครับ”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันงงไปหมดแล้ว”
เขมินท์ไม่รู้จะบอกมารดาอย่างไร สารวัตรพิจิตรจึงเป็นฝ่ายอธิบายแทน
“ขบวนการค้ายารายนี้มันข้ามฝั่งมาจากพม่าและมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เราตามจับมานานและมันก็รอดไปได้ทุกครั้ง โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันอยู่ใกล้เราแค่นี้เอง ใกล้มาจนน่าเจ็บใจ” สารวัตรเอ่ย พลางเหลือบมองศรัณย์
“มันเอาของมาไว้ในไร่ของเรา ที่บ้านพักคนงานริมน้ำตรงนั้น” ศรัณย์เอ่ยต่อให้อย่างเจ็บใจ
“เท่าที่ทราบมาที่ตรงนั้นเป็นที่ของพวกคุณ ซึ่งมอบให้เป็นที่พักคนงานซึ่งอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน พวกมันคงอาศัยที่พวกคุณไม่เคยเข้าไปจัดการดูแลที่ตรงนั้น เอามาใช้ประโยชน์ แต่ไม่นานมานี้คุณเขมมีโครงการที่จะรื้อที่ตรงนั้น ใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“นั่นคงทำให้พวกมันนั่งไม่ติด ถึงได้รีบยักย้ายถ่ายเทของทั้งหมด การกระทำของพวกมันโจ่งแจ้งและขาดความระมัดระวังเกินไป ทางเราสงสัยจึงส่งสายเข้าไปปะปนกับพวกมัน แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ความวุ่นวายในไร่นี้ช่วงหลังเป็นฝีมือพวกมันทั้งสิ้น เพื่อยื้อความสนใจของพวกคุณเอาไว้ รวมถึงการหายตัวไปของคุณมุกรวี กับต้อมด้วย”
“ให้ตายเถอะ รู้อย่างนี้แล้วรออะไรอยู่ รีบไปช่วยหนูมุกเร็วเข้าสิ” คุณนายจันทร์ฉายหันไปไล่เบี้ยเอากับลูกชายคนโต
“เราขอความร่วมมือจากคุณเขมินท์เรื่องนี้ละครับ” สารวัตรพิจิตรเอ่ยขึ้น “เรารู้มาว่าพวกมันยังมีนายใหญ่อีกคน เป็นคนที่ถือรายชื่อลูกค้าทั้งหมด เป็นคนสำคัญที่เราต้องการตัวมากที่สุด เพราะอย่างนี้เราถึงยังบุกเข้าไปช่วยคุณมุกรวีตอนนี้ไม่ได้ มันอาจจะทำให้เราหมดโอกาสที่จะเข้าถึงตัวนายใหญ่”
“อะไรกัน! ถ้าหนูมุกโดนพวกมันฆ่าทิ้งละ ชีวิตคนทั้งคนพวกคุณรับผิดชอบไหวงั้นหรือ” คุณนายจันทร์ฉายแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หันไปทางสามี “คุณศรัณย์ ทำอะไรสักอย่างสิคะ”
“ตอนนี้ได้ข่าวว่าอย่างไรบ้างสารวัตร”
“พวกมันเริ่มเคลื่อนขบวนแล้วครับท่าน เราจะรอจนถึงจุดเปลี่ยนรถสายเรารายงานมาว่านายใหญ่ของมันจะต้องไปรอเช็คของที่นั่น ถึงตอนนั้นเราจะเข้าจับกุมทันทีครับ”
“แล้วหลานสาวผม ”
“ไม่ต้องห่วงครับสายที่ผมส่งให้แฝงตัวเข้าไป จะอยู่กับเธอ”
“ได้ยินมั้ยคุณจันทร์ สายของตำรวจจะคอยปกป้องหนูมุก”
“คุณก็เป็นไปกับเขาด้วย ไม่มีใครห่วงหนูมุกเลยหรือไง ปล่อยหนูมุกไว้แบบนั้นได้ยังไง” คุณนายจันทร์ฉายที่ตอนนี้เขื่อนน้ำตาแตกไปเรียบร้อยแล้ว ถูกคุณศรัณย์ดึงไปโอบปลอบไว้
เขมินท์ได้ฟังสารวัตรพูดแล้วแล้วความรู้สึกร้อนรุ่มในอกก็ไม่ได้ทุเลาลงเลย ตั้งแต่มุกรวีหายตัวไปชายหนุ่มแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร ความรู้สึกห่วงกังวลเกาะกุมไปทั้งหัวใจ ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าตัวหล่อนตกอยู่ท่ามกลางคมเขี้ยวของพวกผิดกฏหมาย เขาแทบอยากจะบุกเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอด ..ก็จะมั่นใจได้อยากไรเล่าว่าเธอจะปลอดภัย จะมั่นใจได้อย่างไรว่าตำรวจจะไม่พลาด..
“เขม”
เสียงบิดาดังขึ้น เหมือนเรียกสติที่กำลังหมกมุ่นกับความคิดตนเองของเขมินท์กลับมา ชายหนุ่มหันไปทางบิดา ก็พบกับสายตาแสดงถึงความเข้าใจ
ไม่ทันได้พูดอะไรกัน เสียงโทรศัพท์ของสารวัตรหนุ่มก็ดังขึ้น เจ้าตัวรีบกดรับอย่างรวดเร็ว
“ว่าไง”
สารวัตรหนุ่มนิ่งฟังปลายสายครู่หนึ่งใบหน้ามีแววของความเครียดขึงขึ้น พูดคุยกันสองสามประโยค จากนั้นวางสายก่อนจะหันมาทางศรัณย์
“ตัวนายใหญ่มันเกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมมาครับ”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ อยู่ๆก็เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่เรารอไม่ได้แล้ว ถ้าล็อตนี้หลุดไปได้ก็คงตามต่อยาก เราจะเข้ารวบตัวพวกมันทันทีที่มีการแลกเปลี่ยนของ ถ้าเป็นไปได้เราจะจัดการกันอย่างเงียบๆและรวดเร็วที่สุด อย่างน้อยได้ลูกน้องมันก็อาจสาวไปถึงตัวใหญ่ได้”
“คงยาก ส่วนใหญ่พวกที่มาส่งของแบบนี้ก็เป็นแค่ลูกน้องปลายแถว ก็จะสืบสาวกันได้มันคงเปิดหนีไปถึงไหนๆ” ศรัณย์ว่าอย่างคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน
“แล้วหนูมุกละ จะไปช่วยหนูมุกกันได้หรือยัง!” คุณนายจันทร์ฉายเอ่ยขึ้น
“ผมจะติดต่อคนของผมให้พาเธอออกมาเดี๋ยวนี้ครับ”
สารวัตรพิจิตรรับคำกำลังจะหยิบโทรศัพท์ออกมาก เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“นาย! นายเขม”
“มาลีมาได้ยังไงนะ แล้วนี่พา..” เจ้าของไร่หนุ่มทักขึ้นทันทีที่เห็นสาวคนงานวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ก่อนที่เสียงจะขาดหายไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแบกใครมาบนหลัง
“ต้อม!” ชายหนุ่มแทบจะถลาเข้าไปหาเด็กชายทันที
“ต้อมเป็นยังไงบ้าง พี่สาวที่ไปช่วยเราละ”
“พี่สาวไม่ได้มาด้วย” เด็กชายว่าพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้
“พี่สาวให้ผมหนีออกมาก เอากระดาษแผ่นนี้มาให้นายเขม”
เขมินท์คลี่กระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนกลมๆออกอ่าน สีหน้าประหลาดใจฉายชัดออกมา
“มีอะไรหรือครับคุณเขม”
“หนูมุกบอกว่าต้อมคือพยานที่สามารถยืนยันตัวนายใหญ่ได้” ชายหนุ่มหันไปบอกทุกคน สีหน้ายังคงฉายแววไม่มั่นใจนัก สารวัตรพิชิตย่อตัวลงข้างๆเด็กชาย เอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“ใครเป็นคนทำร้ายหนู หืม”
“พี่สาวคนที่สวยๆ”
“อย่างนี้พี่จะรู้ได้ยังไง หนูไม่รู้จักชื่อเขาหรือ”
เด็กชายส่ายหน้า สารวัตรเองก็จนปัญญารู้แค่นี้จะไปหาตัวใครได้ เขาไม่ต้องจัดประกวดสาวงาม เพื่อให้เด็กน้อยชี้ตัวเลยหรือไง
“..นิชา”
เสียงเขมินท์เอ่ยขึ้น ทุกคนหันมามองชายหนุ่มเป็นตาเดียว
“อะไรนะตาเขม”
“จดหมายบอกว่า นายใหญ่คนนั้น คือ นิชา ครับพ่อ” เขมินว่าก่อนจะส่งจดหมายให้คุณศรัณย์ และส่งต่อให้สารวัตรหนุ่มดู
คุณนายจันทร์ฉายรับลุกขึ้นเดินหายขึ้นไปบนบ้านเพียงครู่เดียวก็วิ่งตึงตังลงมา ส่งรูปใบหนึ่งให้กับเด็กชาย
“คนนี้หรือเปล่าหนู..”
เด็กชายมองหญิงสาวในรูปตามที่คุณนายจันทร์ฉายชี้ ก็พยักหน้าตอบรับโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน สารวัตรหนุ่มเห็นดังนั้น จึงหันมาสอบถามเกี่ยวกับตัวหญิงสาว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายรายงานมาถึงความสำเร็จในการควบคุมพวกขนยาเสพติด สารวัตรหนุ่มตอบรับอย่างพอใจ หากแต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สั่งการอีกสองสามคำ วางสายลง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ยครับ” คุณศรัณย์เอ่ยถาม
“ครับ กำลังส่วนหนึ่งผมให้ไปเชิญคุณนิชาไปให้ปากคำที่โรงพักแล้ว” สารวัตรหนุ่มกระแอมนิหนึ่งสีหน้าลำบากใจ
“แต่เกิดปัญหาขึ้น.. คือ สายของเราที่รับหน้าที่ดูแลคุณมุกถูกสั่งให้แยกกับเธอ..”
เพียงเท่านั้นคอเสื้อนายตำรวจหนุ่มก็ถูกกระชากขึ้นอย่างแรง เจ้าของไร่หนุ่มเอ่ยถามอารมณ์โกรธฉายชัดในแววตา
“หมายความว่ายังไง..”
“ตอนนี้ไม่มีตำรวจอยู่กับเธอ เราไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของเธอได้ครับ ..แต่ตอนนี้กำลังตำรวจกำลังไปช่วยเธอแล้ว” สารวัตรหนุ่มตอบ
“โธ่เว้ย!”
นายตำรวจหนุ่มถูกผลักจนเซไป ในขณะที่ร่างสูงพุ่งตัวออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วราวกับมาพายุไล่หลัง เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็ไปถึงตัวรถได้ทันใจ ดุจภูผาที่ยังอึ้งกับเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ได้สติขึ้น
“เดี๋ยวพี่เขม ผมไปด้วยด้วย”
ร่างสูงวิ่งตามไปกระโดดขึ้นรถได้ทันฉิวเฉียด ก่อนที่รถจะขับพุ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว