เรียกรวมๆ ว่า คัมภีร์หรือตำรา พิชัยสงคราม ก็ว่าได้
สมัยนั้น ไม่ว่า พวกเปอร์เซีย เช่น คัมภีร์อเวสตะ ปุราณะ ฤคเวท
ละโว้ -เขมร ก็น่าจะเป็น คัมภีร์ฤคเวท (ไสยศาสตร์)
ลี,หลี่ เฮา แห่งไตเวียด ก็ บ้าคัมภีร์จีน เช่น อี้จิง
คนจีนไม่ต้องถาม คัมภีร์ประหลาดๆ มีเยอะ
ขนาดยุคฮิตเล่อร์ยังส่งทหารมาตามพวกคัมภีร์ประหลาดๆ แถบจีน แถบทิเบต
ถ้าหากสมัยนี้ขอให้เก่งคัมภีร์เขียน โปรแกรมเชิงวัตถุ(Object-oriented programming, OOP)หรือซิมูเลเตอร์ ได้ก็คงได้เป็น ซักเกอร์เบิร์ก หรือ ลารี่เพจ
ตัวอย่างของเวียดนาม
(เอกสารราชวงศ์หมิง(ค.ศ. 1368-1644) ฉบับแปลเป็นภาษาไทย คำว่า "หล่านนา" ซึ่งหมายถึง "ล้านนา" จากเอกสารนี้ เป็นหลักฐานหนึ่งที่เชื่อว่าเริ่มมีการใช้คำว่า "ล้านนา" ในสมัยพระเจ้าติโลกราช)
กรณีคำว่า พรยา(วรย) ในคำสันสกฤตหรือป่านหยา ในภาษาจีน ถอดเสียงได้คำว่า ปัญญา(บาลี) ในปัจจุบันอีกด้วย
พรยา พระยา หรือ เปรียะยา ในการออกเสียงแบบเขมร
พญา ในการเขียนรูปแบบ ไทลื้อ และชาวลัวะมอญ(มอย)
กรณี คำว่า มอญ หรือ มอย แกวประกัน(แกวพุกาม)ในเวียดนาม หมายถึง พวกมอย หรือ ม้อย
ศาสตราจารย์ ดร.คุณบรรจบ พันธุเมธา ได้พบว่า คำที่มี ญ สะกดบางคำในภาษาไทยใหญ่ออกเสียง ย คำเหล่านี้ล้วนมีสระเป็น อุ หรือ โอะ เช่น
ขุญ ออกเสียง ขุย แปลว่าเปิด ออกเสียง โขย แปลว่า เขย
กุญ ออกเสียง กุ๋ย แปลว่า ฝ้าย ออกเสียง โก้ย แปลว่ากล้วย
ญ สะกดมีสระเป็นอิซึ่งออกเสียงเป็น เอะ หรือ แอะ จะออกเสียง ญ เป็น น เช่น
ติญ ออกเสียง เต้น แปลว่าเต้น ออกเสียง แต๋น แปลว่า แตน
ชวนให้คิดว่าไทยเคยออกเสียงคำที่มี ญ สะกดเหมือนคำที่มี ย สะกด มาออกเสียงเหมือน น สะกดกันภายหลัง
ถ้าพิจารณาที่มาของคำ คำที่มี ญ สะกดหลายคำมาจากภาษาเขมร ที่ใช้ ญ สะกดตรงกัน เช่น ผลาญ ผจญ ผจัญ ชาญ ชำนาญ บำเพ็ญ บัญชา ที่เขมรใช้ ล สะกด เช่น เรียล-เหรียญ สํราล-สำราญ
คำที่มี ญ ล น สะกดนั้นเขมรออกเสียงต่างกัน คือ น สะกดออกเสียงเหมือน น สะกดในภาษาไทย ญ สะกดเขมรออกเสียงขึ้นจมูก และ ล สะกด กระดกลิ้นตอนท้ายอย่างเสียง L ในภาษาอังกฤษ
รองศาสตราจารย์ ดร.วิไลศักดิ์ กิ่งคำ กล่าวไว้ในหนังสือภาษาต่างประเทศในภาษาไทย (๒๕๕๖ : ๙๑) ว่า เมื่อประเทศไทยนำคำภาษาเขมรมาใช้ ออกเสียงไม่สนิท จึงต้องกำหนดใหม่ตามแบบการออกเสียงของภาษาไทยมาตรฐาน คำที่สะกดด้วย ญ ณ น ร ฬ ล จึงจัดไว้แม่กน
มอญ-เตลง-รามัญ(ดร.คุณบรรจบ พันธุเมธา) คำที่น่าสนใจ ซีลอน และ สะเทิม(สะเทินบก สะเทินน้ำ ,เกรละ(เจนละ)บก เกรละน้ำ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มอญ-เตลง-รามัญ
ในพงศาวดารไทยของไทยถ้าจะกล่าวถึงพม่าก็ต้องใช้ควบกันเป็น พม่ามอญ ดังกล่าวแล้ว ยิ่งในสมัยพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ พระเจ้าบุเรงนอง และนันทบุเรง ราชธานีอยู่ที่หงสาวดี และเราเรียกกษัตริย์เหล่านี้ว่า สมเด็จพระเจ้าหงสาวดี ก็เป็นอันใช้คำ พม่ามอญ โดยตลอด บางแห่งยังใช้ว่า พลมอญ กองตระเวนรามัญ แม้พระเจ้าหงสาวดีก็ยังต่อท้ายว่า ในรามัญประเทศ แม้ในสมัยพระเจ้าทรงธรรมซึ่งพระเจ้าแผ่นดินพม่าในครั้งนั้นไม่ใช่พระเจ้าหงสาวดีแล้ว ก็ยังใช้คำว่า ทัพพม่ามอญมาล้อมเมือง คำว่า พม่า กองทัพพม่า เพิ่งจะมาใช้กันเมื่อเสียกรุงครั้งหลัง เมื่อกล่าวถึงมอญก็แยกมอญไว้ต่างหาก
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เข้าใจกันว่าผู้ที่เรารบด้วยนั้นคือชนชาติมอญ คำ เตลงพ่าย ก็ชวนให้เข้าใจเช่นนั้น ใน ไทยรบพม่า พระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงมีกล่าวไว้ว่า “เมื่อคราวรบศึกพระเจ้าหงสาวดีนั้น คนไทยมักเข้าใจกันมาแต่ก่อนว่า ไทยรบกับมอญ แต่ที่จริง ชนชาติมอญหาได้ปรากฏว่าเคยเป็นศัตรูกับไทยโดยลำพังไม่”
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ จะเห็นว่า ชื่อที่หมายถึงมอญ มีถึง ๓ คำ คือ มอญ เตลง และรามัญ จึงน่าถามว่าเหตุใดจึงเรียกได้ต่างๆ กันไปเช่นนั้น ที่จริงพวกมอญเขาเรียกตัวเองว่า โม่น เขียน มน (น่าสงสัยอีกว่าทำไมเราจึงใช้ ญ สะกด และใช้มาแต่ครั้งใด) พม่าก็มีคำเรียกคล้ายอย่างนี้ เขียน มอน ออกเสียง มุ่น แต่ส่วนมากเรียก ตไลง (เสียง ไอ มี ง สะกด) คำนี้คงเป็นคำเดียวกับคำ เตลง มอญเขียน ตเลง ออกเสียง ตะลอญ (คำที่มีเสียง สระเอ และมี ง สะกด มอญออกเสียงเป็น ออย มีเสียงขึ้นจมูก จึงเขียน ญ แทน) แต่จะเป็นด้วยเขาไม่นับเป็นชื่อของเขาหรืออย่างไร จึงไม่มีคำนี้ปรากฏอยู่ในพจนานุกรม ชนชาติมอญไม่ได้เรียกตัวเองว่า ตเลง หรือ ตะลอญ ถ้าเช่นนั้น ชื่อนี้ได้มาอย่างไร ชาวมอญเชื่อว่าคำเต็มคงเป็น อิต๊ะลอญ อิต๊ะ แปลว่า พ่อ ลอญ แปลว่า หาย สูญหาย ฉิบXหาย วายวอด คำ อิต๊ะลอญ บ้างแปลว่าพ่อหาย บ้างแปลว่า พ่อฉิบXหายแล้ว ทั้งนี้เพราะมีเล่าไว้ (ไม่อาจยืนยันข้อเท็จจริงได้) ว่า พม่าจับเด็กมอญมารวมกันไว้ที่เกาะแห่งหนึ่ง เมื่อน้ำท่วมจะได้ท่วมตายหมด เด็กเหล่านั้นเมื่อเห็นภัยมีมาถึงตัวจึงร้องเรียกพ่อว่าดังนั้น (ในพจนานุกรมมอญ-อังกฤษของฮัลลิเดย์ออกเสียงคำที่มีความหมายอย่างนี้เป็น อิต๊ะเลิ่ม กล่าวว่าใช้เป็นคำอุทานเทียบเท่า อนิจจา แปลตามคำว่า พ่อ เราพินาศแล้ว อิต๊ะ = พ่อ เลิ่มและลอญ แปลว่า พินาศ เช่นเดียวกัน) พม่าคงได้ยินคำ อิต๊ะลอญ นี้เป็น ตไลง จึงนำมาใช้เป็นคำเรียกชนชาติมอญ
เรื่องดังกล่าวนับเป็นการสันนิษฐานที่มาของคำ เตลง อย่างหนึ่ง ส่วนที่สันนิษฐานเป็นอย่างอื่นก็มี คือ สันนิษฐานว่าเป็นคำที่ได้จาก ตลิงคะนะ อันเป็นชื่อเชื้อชาติของคนที่มาจากดินแดนตลิงคะนะ ชายฝั่งทะเลตอนใต้ของอินเดีย ทั้งนี้เพราะได้มีชนฮินดูเข้ามาตั้งรกรากทำมาค้าขายอยู่ในดินแดนแถบที่มอญลงมายึดครองเป็นอันมาก ถึงจะถูกขับออกไปบางคราวก็หาโอกาสกลับเข้ามาใหม่ ทั้งยังได้แต่งงานกับชนพื้นเมืองเสียอีกด้วย กล่าวว่าพวกมอญที่ผสมกับอินเดียนี้แหละ ที่เรียกพวกอิต๊ะลอญ จึงไม่ใช่คำที่นำมาเรียกชนชาติมอญโดยทั่วไป
ส่วนคำ รามัญ ก็เชื่อกันว่าเป็นชื่อประเทศบ้านเมืองอันเป็นที่อยู่ของมอญ เรียกเต็มๆ ว่า รามญญูเทส คือประเทศของรามเห็นได้ว่าคงเป็นชื่อชาวฮินดูตั้งไว้แต่เดิม หรือมิฉะนั้นก็ตั้งตามชนฮินดูในภายหลัง เมื่อชนชาติมอญเข้ามาอยู่ในดินแดนนั้น จึงเรียก รามัญเทส ไปด้วย กล่าวว่าดินแดนที่เรียกว่า รามัญเทส แต่ดั้งเดิมมีอยู่ ๓ แคว้นด้วยกัน คือ หริภุญชัย ทวารวดี และ สะเทิม แต่ภายหลังหมายถึงเมืองพะโค พะสิม และ เมาะตะมะ
ดังนั้น การที่มีชื่อเรียกชนชาติมอญว่ามอญบ้าง เตลงบ้าง และรามัญบ้าง จึงพอจะกำหนดได้ว่า ชื่อมอญ เป็นชื่อที่เจ้าของเชื้อชาติเรียกตัวเอง และ เตลง เป็นชื่อที่พม่าหรืออาจจะมีชนชาติอื่นเรียก ส่วนรามัญเชื่อกันว่า น่าจะเป็นชื่อถิ่นที่อยู่ เพราะคำเต็มควรเป็น รามัญเทส คือดินแดนของรามัญหรือดินแดนของราม คำ ราม อาจจะหมายถึง เทพของชาวฮินดู เพราะดินแดนแถบนี้เคยมีชาวฮินดูตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อน หรือจะหมายถึง ราชวงศ์รามะ อันเป็นชื่อราชวงศ์ที่สืบมาแต่พระเจ้าทุตตะบองของพวก ปยุ ชื่อที่แท้คือ วิกรม แต่มอญเรียกเป็น รามะ เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ข้อเท็จจริงผิดหรือถูกอยู่ที่ข้อวินิจฉัยทางประวัติศาสตร์
http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/word_detail.php?id=10532
คนสมัยก่อน บ้าคัมภีร์กันมากทีเดียว
สมัยนั้น ไม่ว่า พวกเปอร์เซีย เช่น คัมภีร์อเวสตะ ปุราณะ ฤคเวท
ละโว้ -เขมร ก็น่าจะเป็น คัมภีร์ฤคเวท (ไสยศาสตร์)
ลี,หลี่ เฮา แห่งไตเวียด ก็ บ้าคัมภีร์จีน เช่น อี้จิง
คนจีนไม่ต้องถาม คัมภีร์ประหลาดๆ มีเยอะ
ขนาดยุคฮิตเล่อร์ยังส่งทหารมาตามพวกคัมภีร์ประหลาดๆ แถบจีน แถบทิเบต
ถ้าหากสมัยนี้ขอให้เก่งคัมภีร์เขียน โปรแกรมเชิงวัตถุ(Object-oriented programming, OOP)หรือซิมูเลเตอร์ ได้ก็คงได้เป็น ซักเกอร์เบิร์ก หรือ ลารี่เพจ
ตัวอย่างของเวียดนาม
(เอกสารราชวงศ์หมิง(ค.ศ. 1368-1644) ฉบับแปลเป็นภาษาไทย คำว่า "หล่านนา" ซึ่งหมายถึง "ล้านนา" จากเอกสารนี้ เป็นหลักฐานหนึ่งที่เชื่อว่าเริ่มมีการใช้คำว่า "ล้านนา" ในสมัยพระเจ้าติโลกราช)
กรณีคำว่า พรยา(วรย) ในคำสันสกฤตหรือป่านหยา ในภาษาจีน ถอดเสียงได้คำว่า ปัญญา(บาลี) ในปัจจุบันอีกด้วย
พรยา พระยา หรือ เปรียะยา ในการออกเสียงแบบเขมร
พญา ในการเขียนรูปแบบ ไทลื้อ และชาวลัวะมอญ(มอย)
กรณี คำว่า มอญ หรือ มอย แกวประกัน(แกวพุกาม)ในเวียดนาม หมายถึง พวกมอย หรือ ม้อย
ศาสตราจารย์ ดร.คุณบรรจบ พันธุเมธา ได้พบว่า คำที่มี ญ สะกดบางคำในภาษาไทยใหญ่ออกเสียง ย คำเหล่านี้ล้วนมีสระเป็น อุ หรือ โอะ เช่น
ขุญ ออกเสียง ขุย แปลว่าเปิด ออกเสียง โขย แปลว่า เขย
กุญ ออกเสียง กุ๋ย แปลว่า ฝ้าย ออกเสียง โก้ย แปลว่ากล้วย
ญ สะกดมีสระเป็นอิซึ่งออกเสียงเป็น เอะ หรือ แอะ จะออกเสียง ญ เป็น น เช่น
ติญ ออกเสียง เต้น แปลว่าเต้น ออกเสียง แต๋น แปลว่า แตน
ชวนให้คิดว่าไทยเคยออกเสียงคำที่มี ญ สะกดเหมือนคำที่มี ย สะกด มาออกเสียงเหมือน น สะกดกันภายหลัง
ถ้าพิจารณาที่มาของคำ คำที่มี ญ สะกดหลายคำมาจากภาษาเขมร ที่ใช้ ญ สะกดตรงกัน เช่น ผลาญ ผจญ ผจัญ ชาญ ชำนาญ บำเพ็ญ บัญชา ที่เขมรใช้ ล สะกด เช่น เรียล-เหรียญ สํราล-สำราญ
คำที่มี ญ ล น สะกดนั้นเขมรออกเสียงต่างกัน คือ น สะกดออกเสียงเหมือน น สะกดในภาษาไทย ญ สะกดเขมรออกเสียงขึ้นจมูก และ ล สะกด กระดกลิ้นตอนท้ายอย่างเสียง L ในภาษาอังกฤษ
รองศาสตราจารย์ ดร.วิไลศักดิ์ กิ่งคำ กล่าวไว้ในหนังสือภาษาต่างประเทศในภาษาไทย (๒๕๕๖ : ๙๑) ว่า เมื่อประเทศไทยนำคำภาษาเขมรมาใช้ ออกเสียงไม่สนิท จึงต้องกำหนดใหม่ตามแบบการออกเสียงของภาษาไทยมาตรฐาน คำที่สะกดด้วย ญ ณ น ร ฬ ล จึงจัดไว้แม่กน
มอญ-เตลง-รามัญ(ดร.คุณบรรจบ พันธุเมธา) คำที่น่าสนใจ ซีลอน และ สะเทิม(สะเทินบก สะเทินน้ำ ,เกรละ(เจนละ)บก เกรละน้ำ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้