ก่อนเริ่มขอร้องไห้แปบนะครับ เพราะกระทู้แรกผมกดตั้งไม่เป็นครับเพราะเป็นการตั้งครั้งแรก เนื้อหาพูดถึงเยอะกว่าอันนี้เยอะมากครับ เซฟไม่ติดด้วย
เข้าเรื่องกันดีกว่า
นี่คือความคิดเห็นจากผมที่เป้นเด็กคนหนึ่ง
พอดีผมได้อ่านความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนของครู และได้อ่านความคิดเห็นของพ่อแม่โซเชียลมากมาย
ซึ่งเหตุเกิดมาจากการที่ครูทำร้ายนักเรียนเกินกว่าเหตุจากการ ตีเด็กด้วยไม้เรียว ตบหัว เขกหัว ทำโทษโดยวิธีอื่นๆ
ผมเชื่อว่าพ่อแม่ที่รู้ความจริงเกี่ยวกับปัญหาหรือเหตุการมีไม่ถึงร้อยละ80
ซึ่งการที่คุณทำกันอยู่คุณอาจจะทำลายแม่พิมพ์ดีๆคนนึงไปแล้วก็ได้
และอาจทำลายหรือปลูกฝังสิ่งไม่ดีแก่ลูกคุณด้วยเช่นกัน
ผมเองก็เคยทำไม่ดีมาก็มาก ไม่ส่งงาน แต่งตัวผิดระเบียบ ตีกัน ไม่ตั้งใจเรียน ผมก็ถูกครูลงโทษด้วยการ ตีด้วยไม้เรียว เขกหัว ตบหัวจนหน้าจะจิ้มดิน แต่นั่นก็คือการเตือนว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันไม่ถูก ครูเลยแนะให้เรา บางทีเรื่องบางเรื่องเราเอามาเล่าให้ครูฟังมากกว่าพ่อแม่เสียอีก เพราะอะไรหล่ะครับเพราะเราเข้าไม่ถึงพ่อแม่ บางคนอาจเคยเจอครูโทรหาพ่อแม่ครูจะว่าเด็กว่าไม่ดี นิสัยแย่ เลว พ่อแม่ก็จะโวยวายว่าลูกกูดีลูกกูเด่นแต่ที่พ่อแม่เห็นนั่นแค่สิ่งที่ลูกสร้างภาพเอาไว้ แต่สิ่งที่ครุทำนั้นอาจถูกกว่าพ่อแม่ เพราะการที่เขาว่าตอนนี้มันทำให้เด็กคิดว่ากูแย่ขนาดนั้นเลยหรอแล้วกูจะดีได้ด้วยหรอว่ะ แต่การที่ครูบางท่านพูดแบบนี้ก็แปลว่าเครูยืนยันแล้วว่าจะช่วยเราแล้วถ้าครูว่าตอนแรกแล้วครูมาชมในภายหลังว่าเออดีขึ้นเรื่อยว่ะ มันเป้นอะไรที่โครตเป็นกำลังใจ เราจะคิดว่าเออการที่เคยไม่ดีมีแต่คนด่าแล้วภายหลังถูกชมว่าพัฒนา
โครตรู้สึกดี
ผมอยากใครพ่อแม่โซเชียลลองเปลี่ยนจากการด่าๆๆๆ เป็นการเปิดใจแล้วเข้าไปถามครูว่าทำไมถึงได้ทำโทษแรงแบบนั้นมีจุดประสงค์อะไร พอเรารู้เหตุผลมันก็เหมือนเรารู้เรื่องเกี่ยวกับลูกเพิ่มมาอีกหนึ่งเรื่อง
เห็นมีหลายท่านบอกว่าเปลี่ยนให้ไปขัดน้องน้ำดีกว่าไหม5555 แม่เป็นอะไรที่ไม่ได้ผมหรอกการที่เด็กตัดสินใจจำทำแล้วมันดึงกลับมายากมากเลยต้องใจไม้แข็ง เพราะไปขัดห้องน้ำมันเป้นการลงโทษที่เบาเหลือเกิน แบบจะคิดว่าทำไม่ดีทำไปเถอะก็แค่ขัดห้องน้ำกลัวอะไร
ขอโยงไปเรื่องๆนึงนะครับซึ่งทุกคนคงคิดว่ามันเกี่ยวอะไรแต่จริงๆแล้วมันเกี่ยวกันมาก
เดิมที่กฎหมายบ้านเราโหดร้ายและเด็ดขาดมาก จนกระทั้งพวกเราโวยวายให้เขาเปลี่ยนกฎหมายเพราะคิดว่ามันทารุณ และโหดร้ายเกิดไป แต่จริงๆแล้วพวกคุณกลัวจะเกิดกับตัวเองทั้งนั้นแต่ไม่ทำผิดมันก้ไม่เกิดกับเราง่ายจะตาย ซึ่งผลกระทบตามมาสูงมากครับ ในเมื่อกฎหมายเบาคนก็ความกลัวลดน้อยลง และรวมไปถึงพ่อแม่ที่เป็นผู้รักษากฎหมายก็ดันอยากปกป้องลูกโดยการช่วยลูกให้พ้นผิด ขอพูดเลยว่าสิ่งที่คุณทำนั้นไม่เรียกว่าปกป้องแต่เป็นการส่งเสริมให้รู้ทำไม่ดียิ่งขึ้น ซึงเราควรปกป้องมาก่อนหน้านั้นไม่ใช่มาปกป้องในวันที่สาย การเข้าหาลูกคุยกับลูกทำผิดเราก็สอน ลงโทษบ้างเพื่อให้เด็กคิดว่าทำไม่ต้องตีเรา ตีแล้วก็สอนก็บอกกอดเพื่อเรียกขวัญหลังตีก็ได้ การกระทำของหลายคนตอนนี้อาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังผลักภาระไปให้ครู เช่น
1.ลูกยกพวกตีกัน...ทำไมครูไม่สอน
2.ลูกท้อง...ทำไมครูไม่ดูแล
3.ลูกไม่ต้องใจเรียนแล้วบอกพ่อแม่ว่าครูกดเกรด...มาว่าอาจารย์
และมันก็บานปลายไปถึงกฎหมายของเรา กลัวปกป้อง จนทำให้กฎหมายเราเบามาก จนคนแทบจะไม่กลัวกฎหมายกันแล้ว ความปลอดภัยก็เลยแทบจะไม่มีกันแล้วแม้กระทั้งในบ้านของตัวเองทั้งที่เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้ เช่น
1.โดนยิงตายหน้าปากซอยบอกยิงผิดตัว...ไอ้สัส ออกมาซื้อของดีๆกูตายเฉย
2.นอนชิวสฺ์ในห้องโดนข่มขืนตายบอกผมเมาผมไม่รู้ตัวและผมแอบชอบเขา...นี่ชอบกูต้องข่มขืนและฆ่ากูหรอ จีบเป็นไหมสัส
3.โดนปาดคอตายบอกผมเผลอโกรธไม่ได้ตั้งใจ...ไอ้เชี่ย ถ้าก็โกรธบ้างแล้วเอาปืนมายิงก็ก็ไม่ผิดใช่ไหม
4.โดนข่มขืนแล้วข่มขืนเล่าบอกพอดีควบคุมตัวเองไม่ได้...ควบคุมไม่ได้ก็กินยาเสื่อมไปสิไอ้...
5.อายุไม่ถึงเบลอหน้า...งั้นอายุไม่เกินทำชั่วได้ต่อคนไม่รู้จักอิอิ
6.สารภาพลดโทษครึ่งนึง...กูตันเดะค่อยสารภาพเนียนไปก่อนก็ได้ช่ะ
ซึ่งปัญหาเหล่านี้จริงๆก็เกิดก็เพราะการเรียกร้องจากคนส่วนหนึ่งที่เสพสื่อมากเกินไป ไม่ได้มองไปไกลๆว่าถ้าเราเปลี่ยนเราแก้เพื่อนลดความกลัวของเราอนาคตจะเกิดเหตุอะไรขึ้นไหม แล้วที่มีตอนนี้มันดีอยู่แล้วไหมถ้ามันพาไปในทางที่ดีมันก็ไม่ควรแก้ ลองนั่งคิดบททวนตัวเองดีๆครับ
.
.
.
ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับพอดีดึกแล้วเบลอมาก ต่อวันหลัง อาจมีแก้ไขนะครับเพราะอยากปรับให้บทความแรกแต่ผมลืมๆนึกออกจะกลับมาแก้เพิ่มเติม
(((เสียดายที่บทความนี้กำกรวมไม่เหมือนข้อความแรกแต่ข้อความแรกผมตั้งกระทู้ไม่เป็นหายหมดเลย)))
ถ้าใครคิดต่างผมจะไม่ตอบหรืออะไร แต่ให้คุณไปนั่งสงบสติอารมณ์ ไปอาบน้ำให้หัวเย็นๆ แล้วกลับมาอ่านข้อความอีกครั้ง พอดีไม่อยากโต้ตอบกลับคนที่มีความมั่นในตัวเองสูงและไม่ได้คิดที่จะรับความคิดเหตุของใครครับผม ^^
สังคมสมัยนี้เกิดอะไร
เข้าเรื่องกันดีกว่า
นี่คือความคิดเห็นจากผมที่เป้นเด็กคนหนึ่ง
พอดีผมได้อ่านความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนของครู และได้อ่านความคิดเห็นของพ่อแม่โซเชียลมากมาย
ซึ่งเหตุเกิดมาจากการที่ครูทำร้ายนักเรียนเกินกว่าเหตุจากการ ตีเด็กด้วยไม้เรียว ตบหัว เขกหัว ทำโทษโดยวิธีอื่นๆ
ผมเชื่อว่าพ่อแม่ที่รู้ความจริงเกี่ยวกับปัญหาหรือเหตุการมีไม่ถึงร้อยละ80
ซึ่งการที่คุณทำกันอยู่คุณอาจจะทำลายแม่พิมพ์ดีๆคนนึงไปแล้วก็ได้
และอาจทำลายหรือปลูกฝังสิ่งไม่ดีแก่ลูกคุณด้วยเช่นกัน
ผมเองก็เคยทำไม่ดีมาก็มาก ไม่ส่งงาน แต่งตัวผิดระเบียบ ตีกัน ไม่ตั้งใจเรียน ผมก็ถูกครูลงโทษด้วยการ ตีด้วยไม้เรียว เขกหัว ตบหัวจนหน้าจะจิ้มดิน แต่นั่นก็คือการเตือนว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันไม่ถูก ครูเลยแนะให้เรา บางทีเรื่องบางเรื่องเราเอามาเล่าให้ครูฟังมากกว่าพ่อแม่เสียอีก เพราะอะไรหล่ะครับเพราะเราเข้าไม่ถึงพ่อแม่ บางคนอาจเคยเจอครูโทรหาพ่อแม่ครูจะว่าเด็กว่าไม่ดี นิสัยแย่ เลว พ่อแม่ก็จะโวยวายว่าลูกกูดีลูกกูเด่นแต่ที่พ่อแม่เห็นนั่นแค่สิ่งที่ลูกสร้างภาพเอาไว้ แต่สิ่งที่ครุทำนั้นอาจถูกกว่าพ่อแม่ เพราะการที่เขาว่าตอนนี้มันทำให้เด็กคิดว่ากูแย่ขนาดนั้นเลยหรอแล้วกูจะดีได้ด้วยหรอว่ะ แต่การที่ครูบางท่านพูดแบบนี้ก็แปลว่าเครูยืนยันแล้วว่าจะช่วยเราแล้วถ้าครูว่าตอนแรกแล้วครูมาชมในภายหลังว่าเออดีขึ้นเรื่อยว่ะ มันเป้นอะไรที่โครตเป็นกำลังใจ เราจะคิดว่าเออการที่เคยไม่ดีมีแต่คนด่าแล้วภายหลังถูกชมว่าพัฒนาโครตรู้สึกดี
ผมอยากใครพ่อแม่โซเชียลลองเปลี่ยนจากการด่าๆๆๆ เป็นการเปิดใจแล้วเข้าไปถามครูว่าทำไมถึงได้ทำโทษแรงแบบนั้นมีจุดประสงค์อะไร พอเรารู้เหตุผลมันก็เหมือนเรารู้เรื่องเกี่ยวกับลูกเพิ่มมาอีกหนึ่งเรื่อง
เห็นมีหลายท่านบอกว่าเปลี่ยนให้ไปขัดน้องน้ำดีกว่าไหม5555 แม่เป็นอะไรที่ไม่ได้ผมหรอกการที่เด็กตัดสินใจจำทำแล้วมันดึงกลับมายากมากเลยต้องใจไม้แข็ง เพราะไปขัดห้องน้ำมันเป้นการลงโทษที่เบาเหลือเกิน แบบจะคิดว่าทำไม่ดีทำไปเถอะก็แค่ขัดห้องน้ำกลัวอะไร
ขอโยงไปเรื่องๆนึงนะครับซึ่งทุกคนคงคิดว่ามันเกี่ยวอะไรแต่จริงๆแล้วมันเกี่ยวกันมาก
เดิมที่กฎหมายบ้านเราโหดร้ายและเด็ดขาดมาก จนกระทั้งพวกเราโวยวายให้เขาเปลี่ยนกฎหมายเพราะคิดว่ามันทารุณ และโหดร้ายเกิดไป แต่จริงๆแล้วพวกคุณกลัวจะเกิดกับตัวเองทั้งนั้นแต่ไม่ทำผิดมันก้ไม่เกิดกับเราง่ายจะตาย ซึ่งผลกระทบตามมาสูงมากครับ ในเมื่อกฎหมายเบาคนก็ความกลัวลดน้อยลง และรวมไปถึงพ่อแม่ที่เป็นผู้รักษากฎหมายก็ดันอยากปกป้องลูกโดยการช่วยลูกให้พ้นผิด ขอพูดเลยว่าสิ่งที่คุณทำนั้นไม่เรียกว่าปกป้องแต่เป็นการส่งเสริมให้รู้ทำไม่ดียิ่งขึ้น ซึงเราควรปกป้องมาก่อนหน้านั้นไม่ใช่มาปกป้องในวันที่สาย การเข้าหาลูกคุยกับลูกทำผิดเราก็สอน ลงโทษบ้างเพื่อให้เด็กคิดว่าทำไม่ต้องตีเรา ตีแล้วก็สอนก็บอกกอดเพื่อเรียกขวัญหลังตีก็ได้ การกระทำของหลายคนตอนนี้อาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังผลักภาระไปให้ครู เช่น
1.ลูกยกพวกตีกัน...ทำไมครูไม่สอน
2.ลูกท้อง...ทำไมครูไม่ดูแล
3.ลูกไม่ต้องใจเรียนแล้วบอกพ่อแม่ว่าครูกดเกรด...มาว่าอาจารย์
และมันก็บานปลายไปถึงกฎหมายของเรา กลัวปกป้อง จนทำให้กฎหมายเราเบามาก จนคนแทบจะไม่กลัวกฎหมายกันแล้ว ความปลอดภัยก็เลยแทบจะไม่มีกันแล้วแม้กระทั้งในบ้านของตัวเองทั้งที่เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้ เช่น
1.โดนยิงตายหน้าปากซอยบอกยิงผิดตัว...ไอ้สัส ออกมาซื้อของดีๆกูตายเฉย
2.นอนชิวสฺ์ในห้องโดนข่มขืนตายบอกผมเมาผมไม่รู้ตัวและผมแอบชอบเขา...นี่ชอบกูต้องข่มขืนและฆ่ากูหรอ จีบเป็นไหมสัส
3.โดนปาดคอตายบอกผมเผลอโกรธไม่ได้ตั้งใจ...ไอ้เชี่ย ถ้าก็โกรธบ้างแล้วเอาปืนมายิงก็ก็ไม่ผิดใช่ไหม
4.โดนข่มขืนแล้วข่มขืนเล่าบอกพอดีควบคุมตัวเองไม่ได้...ควบคุมไม่ได้ก็กินยาเสื่อมไปสิไอ้...
5.อายุไม่ถึงเบลอหน้า...งั้นอายุไม่เกินทำชั่วได้ต่อคนไม่รู้จักอิอิ
6.สารภาพลดโทษครึ่งนึง...กูตันเดะค่อยสารภาพเนียนไปก่อนก็ได้ช่ะ
ซึ่งปัญหาเหล่านี้จริงๆก็เกิดก็เพราะการเรียกร้องจากคนส่วนหนึ่งที่เสพสื่อมากเกินไป ไม่ได้มองไปไกลๆว่าถ้าเราเปลี่ยนเราแก้เพื่อนลดความกลัวของเราอนาคตจะเกิดเหตุอะไรขึ้นไหม แล้วที่มีตอนนี้มันดีอยู่แล้วไหมถ้ามันพาไปในทางที่ดีมันก็ไม่ควรแก้ ลองนั่งคิดบททวนตัวเองดีๆครับ
.
.
.
ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับพอดีดึกแล้วเบลอมาก ต่อวันหลัง อาจมีแก้ไขนะครับเพราะอยากปรับให้บทความแรกแต่ผมลืมๆนึกออกจะกลับมาแก้เพิ่มเติม
(((เสียดายที่บทความนี้กำกรวมไม่เหมือนข้อความแรกแต่ข้อความแรกผมตั้งกระทู้ไม่เป็นหายหมดเลย)))
ถ้าใครคิดต่างผมจะไม่ตอบหรืออะไร แต่ให้คุณไปนั่งสงบสติอารมณ์ ไปอาบน้ำให้หัวเย็นๆ แล้วกลับมาอ่านข้อความอีกครั้ง พอดีไม่อยากโต้ตอบกลับคนที่มีความมั่นในตัวเองสูงและไม่ได้คิดที่จะรับความคิดเหตุของใครครับผม ^^