ช่วยแปลมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ให้หน่อยนะครับ
.
.
.
เมื่อสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี กรายทูลพระราชสามีสักเท่าใด ๆ ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอึกสะอื้น ถวายบังคมคืนออกมาเที่ยวแสวงหาพระลูกรักทุกหนแห่ง กระจ่างแจ้งด้วยแสงพระจันทร์ส่องสว่างพื้นอัมพรประเทศวิถี นางเสด็จจรลีไปหยุดยืนในภาคพื้นปริมณฑลใต้ต้นหว้า จึ่งตรัสว่า ( อิเม เต ชมฺพุกา รุกฺขา ) ควรจะสงสารเอ่ยด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่มประชุมช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยๆพราย ๆ ต้องกับแสงกรวดทรายที่ใต้ต้นอร่ามวามวาวดูเป็นวงวนแวว ดั่งบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกล้งมาโปรยโรยรอบปริมณฑลก็เหมือนกัน งามดั่งไม้ปริชาตในเมืองสวรรค์มาปลูกไว้ ลูกรัก เจ้าแม่เอ่ย เจ้าเคยมาอาศัยนั่งนอนประทับร้อนสำราญร่มรื่น ๆ สำรวลเล่นเย็นสบายพระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อยเรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่ง ๆ แต่ลูกรักของแม่ทั้งชายหญิงไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย ( มหานิโค.รธชาตํ ) อนิจจาเอ่ยเห็นแต่ไทรทองถัดกันไป กิ่งก้านใบรากห้อยยื่นระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกันแกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตาเร้นแทบหลังบริเวณพระอาวาส (อิมาตา โปกฺขรณี รมฺมา ) เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส นางเสด็จลีลาสไปเที่ยวเวียนรอบ จึ่งตรัสว่าน้ำเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไร จึ่งขอดขุ่นลงหมอง พระพายเจ้าเอ่ยเคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่นเป็นไรจึ่งเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่ำดำแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่องว่ายอยู่ลอยเลื่อยชมแสงเดือนอยู่พราย ๆ เป็นไรจึ่งไม่ว่ายเวียนวน นกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นแม่แลไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่อ้างว้างวังเวงใจ นางก็เสด็จครรไลล่วงตำบลเที่ยวค้นหาพระลูกตามลำเนาเนินป่า ทุกสุ่มทุมพุ่มพฤกษาสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะเยือกเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยู่แว่ว ๆ ให้หวาดว่าสำเนียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสด็จลีลาเข้าไปดู เห็นหมู่สัตว์จตุบาทกลาดกลุ้มเข้าสุมนอน นางก็ยิ่งสะท้อนถอนพระทัยเทวษครวญเสด็จด่วน ๆ ดะดุ่มเดินเมิงมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ แต่ย่างเหยียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังใหวาดแว่วว่าสำเนียงเสียงพระแก้วเจ้าบ่นอยู่งึม ๆ พุ่มไม้ครึ้มเป็นเงา ๆ ชะโงกเงื้อม พระเนตรเธอแลเหลือบให้ลายเลื่อมเป็นรูปคนตะคุ่ม ๆ อยู่คล้าย ๆ แล้วหายไป สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตรเธอโศกา จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งเสียแล้วกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดล่ะห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื่องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
.
.
.
เมื่อสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี กรายทูลพระราชสามีสักเท่าใด ๆ ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอึกสะอื้น ถวายบังคมคืนออกมาเที่ยวแสวงหาพระลูกรักทุกหนแห่ง กระจ่างแจ้งด้วยแสงพระจันทร์ส่องสว่างพื้นอัมพรประเทศวิถี นางเสด็จจรลีไปหยุดยืนในภาคพื้นปริมณฑลใต้ต้นหว้า จึ่งตรัสว่า ( อิเม เต ชมฺพุกา รุกฺขา ) ควรจะสงสารเอ่ยด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่มประชุมช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยๆพราย ๆ ต้องกับแสงกรวดทรายที่ใต้ต้นอร่ามวามวาวดูเป็นวงวนแวว ดั่งบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกล้งมาโปรยโรยรอบปริมณฑลก็เหมือนกัน งามดั่งไม้ปริชาตในเมืองสวรรค์มาปลูกไว้ ลูกรัก เจ้าแม่เอ่ย เจ้าเคยมาอาศัยนั่งนอนประทับร้อนสำราญร่มรื่น ๆ สำรวลเล่นเย็นสบายพระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อยเรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่ง ๆ แต่ลูกรักของแม่ทั้งชายหญิงไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย ( มหานิโค.รธชาตํ ) อนิจจาเอ่ยเห็นแต่ไทรทองถัดกันไป กิ่งก้านใบรากห้อยยื่นระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกันแกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตาเร้นแทบหลังบริเวณพระอาวาส (อิมาตา โปกฺขรณี รมฺมา ) เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส นางเสด็จลีลาสไปเที่ยวเวียนรอบ จึ่งตรัสว่าน้ำเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไร จึ่งขอดขุ่นลงหมอง พระพายเจ้าเอ่ยเคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่นเป็นไรจึ่งเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่ำดำแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่องว่ายอยู่ลอยเลื่อยชมแสงเดือนอยู่พราย ๆ เป็นไรจึ่งไม่ว่ายเวียนวน นกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นแม่แลไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่อ้างว้างวังเวงใจ นางก็เสด็จครรไลล่วงตำบลเที่ยวค้นหาพระลูกตามลำเนาเนินป่า ทุกสุ่มทุมพุ่มพฤกษาสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะเยือกเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยู่แว่ว ๆ ให้หวาดว่าสำเนียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสด็จลีลาเข้าไปดู เห็นหมู่สัตว์จตุบาทกลาดกลุ้มเข้าสุมนอน นางก็ยิ่งสะท้อนถอนพระทัยเทวษครวญเสด็จด่วน ๆ ดะดุ่มเดินเมิงมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ แต่ย่างเหยียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังใหวาดแว่วว่าสำเนียงเสียงพระแก้วเจ้าบ่นอยู่งึม ๆ พุ่มไม้ครึ้มเป็นเงา ๆ ชะโงกเงื้อม พระเนตรเธอแลเหลือบให้ลายเลื่อมเป็นรูปคนตะคุ่ม ๆ อยู่คล้าย ๆ แล้วหายไป สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตรเธอโศกา จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งเสียแล้วกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดล่ะห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื่องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล