ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี กัณฑ์โศกของพระนางมัทรี
โศกของพระนางมัทรี
ตัดตอนจาก เจ้าพระยาพระคลัง (หน), "กัณฑ์มัทรี" มหาเวสสันดรชาดก
เมื่อสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี กราบทูลพระราชสามีสักเท่าใด ๆ ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอึกสะอื้น ถวายบังคมคืนออกมาเที่ยวแสวงหาพระลูกรักทุกหนแห่ง กระจ่างแจ้งด้วยแสงพระจันทร์ส่องสว่างพื้นอัมพรประเทศวิถี นางเสด็จจรลีไปหยุดยืนในภาคพื้นปริมณฑลใต้ต้นหว้า จึ่งตรัสว่า อิเม เต ชมพุกา รุกขา ควรจะสงสารเอ่ยด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่ม ประชุมช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อย ๆ อยู่พราย ๆ ต้องกับแสงกรวดทรายที่ใต้ต้นอร่ามวามวาวดูเป็นวนวงแวว ดั่งบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกล้งมาโปรยปรายโรยรอบปริมณฑลก็เหมือนกัน งามดั่งไม้ปาริชาตในเมืองสวรรค์มาปลูกไว้ ลูกรักเจ้าแม่เอ่ย เจ้าเคยมาอาศัยนั่งนอน ประทับร้อนสำราญร่มรื่น ๆ สำรวลเล่นเย็นสบาย พระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อย เรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่ง ๆ แต่ลูกรักของแม่ทั้งชายหญิงไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย มหานิโครธชาตํ อนิจจา ๆ เอ่ยเห็นแต่ไทรทองถัดกันไป กิ่งก้านใบรากห้อยยื่นระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกันแกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตาหาเร้นแทบหลังบริเวณพระอาวาส อิมา ตา โปกขรณี รมมา เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส นางเสด็จลีลาศไปเที่ยวเวียนรอบ จึ่งตรัสว่า น้ำเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไรจึ่งขอดข้นลงขุ่นหมอง พระพายเจ้าเอ๋ยเคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่น เป็นไรจึ่งเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำ ฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่ำดำแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่องว่ายอยู่ลอยเลื่อนชมแสงเดือนอยู่พราย ๆ เป็นไรจึ่งไม่ว่ายเวียนวง นกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นแม่แลไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่อ้างว้างวังเวงใจ นางก็เสด็จครรไลล่วงตำบลเที่ยวค้นหาพระลูกตามลำเนาเนินป่า ทุกสุมทุมพุ่มพฤกษาป่าสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะเยือกเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยู่แว่ว ๆ ให้หวาดว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสด็จลีลาเข้าไปหาดู เห็นหมู่!จตุบาทกลาดกลุ้มเข้าสุมนอน นางก็ยิ่งสะท้อนถอนพระทัยเทวษครวญ เสด็จด่วน ๆ ดะดุ่มเดินเมิลมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ แต่ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังให้หวาดแว่วว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าบ่นอยู่งึม ๆ พุ่มไม้ครึ้มเป็นเงา ๆ ชะโงกเงื้อม พระเนตรเธอแลเหลือบให้ลายเลื่อม เห็นเป็นรูปคนตะคุ่ม ๆ อยู่คล้ายแล้วหายไป สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนผม่ผม๋ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตรเธอโศกา จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยจะมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งไปเสียแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศ ทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่เยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอ๋ย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล
ช่วยแปลกลอนหน่อย เรื่องมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
โศกของพระนางมัทรี
ตัดตอนจาก เจ้าพระยาพระคลัง (หน), "กัณฑ์มัทรี" มหาเวสสันดรชาดก
เมื่อสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี กราบทูลพระราชสามีสักเท่าใด ๆ ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอึกสะอื้น ถวายบังคมคืนออกมาเที่ยวแสวงหาพระลูกรักทุกหนแห่ง กระจ่างแจ้งด้วยแสงพระจันทร์ส่องสว่างพื้นอัมพรประเทศวิถี นางเสด็จจรลีไปหยุดยืนในภาคพื้นปริมณฑลใต้ต้นหว้า จึ่งตรัสว่า อิเม เต ชมพุกา รุกขา ควรจะสงสารเอ่ยด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่ม ประชุมช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อย ๆ อยู่พราย ๆ ต้องกับแสงกรวดทรายที่ใต้ต้นอร่ามวามวาวดูเป็นวนวงแวว ดั่งบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกล้งมาโปรยปรายโรยรอบปริมณฑลก็เหมือนกัน งามดั่งไม้ปาริชาตในเมืองสวรรค์มาปลูกไว้ ลูกรักเจ้าแม่เอ่ย เจ้าเคยมาอาศัยนั่งนอน ประทับร้อนสำราญร่มรื่น ๆ สำรวลเล่นเย็นสบาย พระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อย เรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่ง ๆ แต่ลูกรักของแม่ทั้งชายหญิงไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย มหานิโครธชาตํ อนิจจา ๆ เอ่ยเห็นแต่ไทรทองถัดกันไป กิ่งก้านใบรากห้อยยื่นระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกันแกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตาหาเร้นแทบหลังบริเวณพระอาวาส อิมา ตา โปกขรณี รมมา เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส นางเสด็จลีลาศไปเที่ยวเวียนรอบ จึ่งตรัสว่า น้ำเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไรจึ่งขอดข้นลงขุ่นหมอง พระพายเจ้าเอ๋ยเคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่น เป็นไรจึ่งเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำ ฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่ำดำแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่องว่ายอยู่ลอยเลื่อนชมแสงเดือนอยู่พราย ๆ เป็นไรจึ่งไม่ว่ายเวียนวง นกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นแม่แลไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่อ้างว้างวังเวงใจ นางก็เสด็จครรไลล่วงตำบลเที่ยวค้นหาพระลูกตามลำเนาเนินป่า ทุกสุมทุมพุ่มพฤกษาป่าสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะเยือกเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยู่แว่ว ๆ ให้หวาดว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสด็จลีลาเข้าไปหาดู เห็นหมู่!จตุบาทกลาดกลุ้มเข้าสุมนอน นางก็ยิ่งสะท้อนถอนพระทัยเทวษครวญ เสด็จด่วน ๆ ดะดุ่มเดินเมิลมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ แต่ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังให้หวาดแว่วว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าบ่นอยู่งึม ๆ พุ่มไม้ครึ้มเป็นเงา ๆ ชะโงกเงื้อม พระเนตรเธอแลเหลือบให้ลายเลื่อม เห็นเป็นรูปคนตะคุ่ม ๆ อยู่คล้ายแล้วหายไป สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนผม่ผม๋ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตรเธอโศกา จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยจะมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งไปเสียแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศ ทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่เยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอ๋ย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล