ณ โรงพยาบาลชื่อ A (นามสมมติ) คุณหมอหลายท่านมีจรรยาบรรณ และ รักษาดีมาก จากประสบการณ์ที่พ่อแม่ไปรักษา ได้รับการรักษาที่ดีทั้ง2ท่าน
แต่ทำไมเราช่างแจ๊คพอตอะไรเช่นนี้ เรามีอาการเจ็บหน้าอกข้างซ้าย นอนตะแคงไม่ได้ หายใจก็เจ็บมาก เดินทางมารักษาที่ รพ. แห่งนี้ถึง 3 รอบ ก็ไม่ดีขึ้น (คืออยากประหยัดอ่ะนะ ใช้ประกันสังคมไง เห็นพ่อกับแม่ ได้รับการรักษาดีมาก เราก็เลยมา)
คือต้องเกริ่นก่อนว่า เริ่มมาหาครั้งแรก วันที่26/6/59 แต่ตรวจไม่เจอเพราะฟิล์มx-ray ปอดยังไม่พบความผิดปกติ แต่เราเจ็บข้างในมาก นอนตะแคงไม่ได้เลย จึงรับยากลับมารักษาตามอาการ และวันที่30/6/59 มารักษาอีกรอบ เพราะมีอาการเจ็บและเหนื่อยมากขึ้น(แต่ไม่ได้x-rayปอด ซึ่งคุณหมอ(ผู้หญิง)ให้ความเห็นว่าเป็นหลอดลมอักเสบ หมอให้เราเลือกว่าจะนอน รพ. หรือจะกลับบ้าน เราเลือกกลับบ้านเพราะคิดว่าไหว เป็นแค่หลอดลมอักเสบ จึงตัดสินใจรับยาและกลับมาบ้าน
มาถึงรอบที่สามที่มา รพ. วันที่ 1/7/59 เรามีอาการแน่นหน้าอก มือเท้าชา เจ็บปอดมาก เหนื่อยหอบ เดินไม่ไหว ได้ทำการ x-ray ปอดอีกครั้ง ซึ่งมีคุณหมอท่านนึงดูฟิล์ม x-ray เขาบอกว่าปอดขาวข้างนึงนะ เลยทำให้เป็นไข้ แต่ท่านคงหมดชั่วโมงทำงาน เลยส่งต่อให้คุณหมออีกท่าน เรื่องก็เข้มข้นขึ้นตอนนี้แหล่ะ ตอนที่ได้เจอคุณหมอท่านต่อมานี้ล่ะ
คุณหมอท่านนี้ สมมติชื่อ B นะคะ เดินมาพูดข้างเตียงเข็นเสียงดัง(ต่อหน้าคนไข้นับร้อย)ว่า
"ไง!!! เครียดขนาดนั้นเลยหรอ เครียดอะไร เครียดเรื่องความรัก เรื่องเงิน เรื่องงาน หรือครอบครัว ยืนพูดเสียงดังต่อหน้าคนไข้เป็นร้อย ว่าเครียดถึงขั้นต้องมา รพ. เลยหรอ (ในใจคงคิดประมาณว่า ฉันสำออยสินะ) อย่าไปเครียดเลย นู่นนั่นนี่ สอนเราใหญ่ ประหนึ่งว่าเรางี่เง่ามากที่เป็นแค่นี้ก็มาหาหมอ"
แต่คือ ใครบอกหมอคะว่าฉันมาเพราะเครียด ไม่ใช่เลย แล้วมาบอกต่อว่า
"กลับบ้านไป เด่วให้ยาไปกินสองเม็ดนะ พอมั้ย"
เราก็เหวอ แต่พูดมากไม่ได้ เพราะเหนื่อยหอบอยู่ ได้แต่บอกหมอBว่า ฟิล์ม x-ray ปอดขาว1ข้างค่ะ เพราะคุณหมออีกท่านบอกมา พอแกได้ยินดังนั้น แกก็แปร๋นเสียงดังพูดว่า
"อะไร ไหน ใครมาบอก มั่วรึป่าว"
แล้วคุณหมอB ก็เดินเข้าไปที่ห้องดูผลฟิล์มและเรียกแม่เราเข้าไป พร้อมกับพูดว่า
"ที่ปอดขาวเพราะความเครียดนะ"
เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน เครียดลงปอด เลยทำให้ปอดขาว เราเลยเอาใบรับรองแพทย์ใบที่มาหาหมอ(อีกท่าน)หาเมื่อวันที่ 30/6/59ให้ดู หมอลงความเห็นในใบรับรองแพทย์ บอกว่าเป็นหลอดลมอักเสบ แต่คืออาการเราหนักกว่านั้นแล้วไง คือเราเจ็บปอด นอนตะแคงไม่ได้เลย หายใจพะงาบๆ แน่นหน้าอก แต่จะไล่กลับบ้านเนี่ยนะ
สุดท้ายคุณหมอB ก็พูดว่า ถ้าอยากนอน รพ. ให้นอนก็ได้ เดี๋ยวฉีดยาให้เข็มนึง แล้วก็เปิดตูดแนบไปเลยจ้า หรือคิดว่าเราไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา แต่นี่มันก็ประกันสังคม เราจ่ายทุกเดือน เราไม่มีสิทธิ์ในการรักษาเลยหรอ
เป็นใครจะกล้ารักษาต่อกับหมอคนนี้ เขาจะฉีดยาอะไรให้ ยาแก้เครียดหรอ เข็มเดียวเนี่ยนะ แล้วเราติดเชื้อในปอด ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะเกิดอะไรขึ้น บอกเลย ไร้จรรยาบรรณสุดๆ ถ้า รพ. A มีหมอคนนี้อยู่ คนไข้คนอื่นๆน่าสงสารนะ ที่มาเจอหมอห่วยแตกแบบนี้
เราคนนึงไม่เอาชีวิตมาเสี่ยงหรอกค่ะ แม่ต้องกินยารักษามะเร็งทุกเดือน ลูกชายก็เรียนหนังสือ (เราเป็นsingle mom) ถ้าเราเป็นอะไรไป คนที่เรารักต้องอยู่อย่างลำบากแน่นอน
เราจึงต้องเปลี่ยนใจมารักษาอีก รพ. นึง ซึ่งเขาวินิจฉัยว่า เราเป็นปอดบวม รอดูผลว่า มีปอดติดเชื้อด้วยมั้ย ซึ่งเราสบายใจที่ถึง รพ. ที่ใหม่แล้ว ยอมเสียเงินเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง
เพราะชีวิตฉันมีค่ามากกว่ามาเสียเวลากับการรักษาของคุณหมอBค่ะ
แต่อีกใจเราก็คิดนะ ว่าเรามีสิทธิ์เอาผิดกับหมอคนนี้มั้ย มีสิทธิ์เรียกร้องค่ารักษาพยาบาลกับหมอBหรือไม่ เราว่ามันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ ที่เราเจอแบบนี้
เรามีหลักฐานใบรับรองแพทย์กับฟิล์มx-ray ยืนยัน
ชื่อ รพ.และชื่อหมอ เป็นนามสมมติที่ตั้งขึ้นมานะคะ
หมอตรวจโรคผิด เอาผิดหมอได้ไหม
แต่ทำไมเราช่างแจ๊คพอตอะไรเช่นนี้ เรามีอาการเจ็บหน้าอกข้างซ้าย นอนตะแคงไม่ได้ หายใจก็เจ็บมาก เดินทางมารักษาที่ รพ. แห่งนี้ถึง 3 รอบ ก็ไม่ดีขึ้น (คืออยากประหยัดอ่ะนะ ใช้ประกันสังคมไง เห็นพ่อกับแม่ ได้รับการรักษาดีมาก เราก็เลยมา)
คือต้องเกริ่นก่อนว่า เริ่มมาหาครั้งแรก วันที่26/6/59 แต่ตรวจไม่เจอเพราะฟิล์มx-ray ปอดยังไม่พบความผิดปกติ แต่เราเจ็บข้างในมาก นอนตะแคงไม่ได้เลย จึงรับยากลับมารักษาตามอาการ และวันที่30/6/59 มารักษาอีกรอบ เพราะมีอาการเจ็บและเหนื่อยมากขึ้น(แต่ไม่ได้x-rayปอด ซึ่งคุณหมอ(ผู้หญิง)ให้ความเห็นว่าเป็นหลอดลมอักเสบ หมอให้เราเลือกว่าจะนอน รพ. หรือจะกลับบ้าน เราเลือกกลับบ้านเพราะคิดว่าไหว เป็นแค่หลอดลมอักเสบ จึงตัดสินใจรับยาและกลับมาบ้าน
มาถึงรอบที่สามที่มา รพ. วันที่ 1/7/59 เรามีอาการแน่นหน้าอก มือเท้าชา เจ็บปอดมาก เหนื่อยหอบ เดินไม่ไหว ได้ทำการ x-ray ปอดอีกครั้ง ซึ่งมีคุณหมอท่านนึงดูฟิล์ม x-ray เขาบอกว่าปอดขาวข้างนึงนะ เลยทำให้เป็นไข้ แต่ท่านคงหมดชั่วโมงทำงาน เลยส่งต่อให้คุณหมออีกท่าน เรื่องก็เข้มข้นขึ้นตอนนี้แหล่ะ ตอนที่ได้เจอคุณหมอท่านต่อมานี้ล่ะ
คุณหมอท่านนี้ สมมติชื่อ B นะคะ เดินมาพูดข้างเตียงเข็นเสียงดัง(ต่อหน้าคนไข้นับร้อย)ว่า
"ไง!!! เครียดขนาดนั้นเลยหรอ เครียดอะไร เครียดเรื่องความรัก เรื่องเงิน เรื่องงาน หรือครอบครัว ยืนพูดเสียงดังต่อหน้าคนไข้เป็นร้อย ว่าเครียดถึงขั้นต้องมา รพ. เลยหรอ (ในใจคงคิดประมาณว่า ฉันสำออยสินะ) อย่าไปเครียดเลย นู่นนั่นนี่ สอนเราใหญ่ ประหนึ่งว่าเรางี่เง่ามากที่เป็นแค่นี้ก็มาหาหมอ"
แต่คือ ใครบอกหมอคะว่าฉันมาเพราะเครียด ไม่ใช่เลย แล้วมาบอกต่อว่า
"กลับบ้านไป เด่วให้ยาไปกินสองเม็ดนะ พอมั้ย"
เราก็เหวอ แต่พูดมากไม่ได้ เพราะเหนื่อยหอบอยู่ ได้แต่บอกหมอBว่า ฟิล์ม x-ray ปอดขาว1ข้างค่ะ เพราะคุณหมออีกท่านบอกมา พอแกได้ยินดังนั้น แกก็แปร๋นเสียงดังพูดว่า
"อะไร ไหน ใครมาบอก มั่วรึป่าว"
แล้วคุณหมอB ก็เดินเข้าไปที่ห้องดูผลฟิล์มและเรียกแม่เราเข้าไป พร้อมกับพูดว่า
"ที่ปอดขาวเพราะความเครียดนะ"
เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน เครียดลงปอด เลยทำให้ปอดขาว เราเลยเอาใบรับรองแพทย์ใบที่มาหาหมอ(อีกท่าน)หาเมื่อวันที่ 30/6/59ให้ดู หมอลงความเห็นในใบรับรองแพทย์ บอกว่าเป็นหลอดลมอักเสบ แต่คืออาการเราหนักกว่านั้นแล้วไง คือเราเจ็บปอด นอนตะแคงไม่ได้เลย หายใจพะงาบๆ แน่นหน้าอก แต่จะไล่กลับบ้านเนี่ยนะ
สุดท้ายคุณหมอB ก็พูดว่า ถ้าอยากนอน รพ. ให้นอนก็ได้ เดี๋ยวฉีดยาให้เข็มนึง แล้วก็เปิดตูดแนบไปเลยจ้า หรือคิดว่าเราไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา แต่นี่มันก็ประกันสังคม เราจ่ายทุกเดือน เราไม่มีสิทธิ์ในการรักษาเลยหรอ
เป็นใครจะกล้ารักษาต่อกับหมอคนนี้ เขาจะฉีดยาอะไรให้ ยาแก้เครียดหรอ เข็มเดียวเนี่ยนะ แล้วเราติดเชื้อในปอด ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะเกิดอะไรขึ้น บอกเลย ไร้จรรยาบรรณสุดๆ ถ้า รพ. A มีหมอคนนี้อยู่ คนไข้คนอื่นๆน่าสงสารนะ ที่มาเจอหมอห่วยแตกแบบนี้
เราคนนึงไม่เอาชีวิตมาเสี่ยงหรอกค่ะ แม่ต้องกินยารักษามะเร็งทุกเดือน ลูกชายก็เรียนหนังสือ (เราเป็นsingle mom) ถ้าเราเป็นอะไรไป คนที่เรารักต้องอยู่อย่างลำบากแน่นอน
เราจึงต้องเปลี่ยนใจมารักษาอีก รพ. นึง ซึ่งเขาวินิจฉัยว่า เราเป็นปอดบวม รอดูผลว่า มีปอดติดเชื้อด้วยมั้ย ซึ่งเราสบายใจที่ถึง รพ. ที่ใหม่แล้ว ยอมเสียเงินเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง
เพราะชีวิตฉันมีค่ามากกว่ามาเสียเวลากับการรักษาของคุณหมอBค่ะ
แต่อีกใจเราก็คิดนะ ว่าเรามีสิทธิ์เอาผิดกับหมอคนนี้มั้ย มีสิทธิ์เรียกร้องค่ารักษาพยาบาลกับหมอBหรือไม่ เราว่ามันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ ที่เราเจอแบบนี้
เรามีหลักฐานใบรับรองแพทย์กับฟิล์มx-ray ยืนยัน
ชื่อ รพ.และชื่อหมอ เป็นนามสมมติที่ตั้งขึ้นมานะคะ