#1 หลายคนอาจจะสับสน กับการปฏิบัติธรรมในศาสนาพุทธ ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร?.....................................
................. ให้เริ่มจากการฝึก สติปัฏฐาน 4 ก่อน(มรรคข้อที่ 7) แล้ว
...................สติปัฏฐาน 4 ละคืออะไร
.........ตอบ... คือ 1. ดูกายในกาย 2.ดูเวทนาในเวทนา 3.ดูจิตในจิต 4.ดูธรรมในธรรม
....แล้วมันแปลว่าอะไร 4 หัวข้อนี้มันจะปฏิบัติอย่างไร
.........ตอบ... ดูกายในกายก็คือ การนั่งสมาธิ ดูลมหายใจ สั้นยาว ไม่ต้องไปนั่งจนเตลิดเข้าป่าหาเห็ด แบบธรรมกายน๊ะ นั่นมันมโนมยอัตตา ท่านให้นั่งแค่รู้จักลมหายใจสั้นยาว และพิจารณาอาการของกายเท่านั้น............นอกจากนั่งสมาธิแล้ว การเดินเหิน การนั่งนอน การทำอริยาบททุกอย่างในขณะเราดำเนินชีวิต เราก็สามารถ พิจารณา ดูกายในกายได้ แม้แต่ไปงานศพเห็นคนนอนตายในโลง นั่นก็เป็นการพิจารณา ดูกายในกาย ได้เหมือนกัน
..............ส่วนข้อ 2-3-4 ผมสรุปให้สั้นๆ เลยคือ ดูจิตของตนเอง ณ ปัจจุบันขณะ ที่เราเกิดอารมณ์ขึ้น เช่น มันปาดหน้ารถกู เราโมโหอยากจะเอาปืนยิงมัน นี่แหละตอนนี้แหละให้ใช้สติ ดูเอาเลยตอนนี้ มันมาแล้วยักษ์มันสิงใจเราแล้ว หรือนั่งๆไปก็เหม่อละเมออยากรวยเป็นเศษฐี(ผมนี่ประจำเลย) แล้วก็ละเมอเพ้อพก วาดวิมานในอากาศ ต้องลงทุน แล้วก็ไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน แบบนี้แหละคืออาการของเปรตมันสิงใจเรา
..........สรุป ก็ คือดูจิต ของเราทุกขณะจิต ใครจะมีเวลานั่งสมาธิหรือไม่มีเวลาก็ไม่เป็นไร ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาวไปวัดก็ทำได้ ไม่ต้องจุดธูปจุดเทียน ตั้งนโม 3 จบก็ทำได้ ท่านไม่ได้ว่าอะไร
การฝึกตน
................. ให้เริ่มจากการฝึก สติปัฏฐาน 4 ก่อน(มรรคข้อที่ 7) แล้ว
...................สติปัฏฐาน 4 ละคืออะไร
.........ตอบ... คือ 1. ดูกายในกาย 2.ดูเวทนาในเวทนา 3.ดูจิตในจิต 4.ดูธรรมในธรรม
....แล้วมันแปลว่าอะไร 4 หัวข้อนี้มันจะปฏิบัติอย่างไร
.........ตอบ... ดูกายในกายก็คือ การนั่งสมาธิ ดูลมหายใจ สั้นยาว ไม่ต้องไปนั่งจนเตลิดเข้าป่าหาเห็ด แบบธรรมกายน๊ะ นั่นมันมโนมยอัตตา ท่านให้นั่งแค่รู้จักลมหายใจสั้นยาว และพิจารณาอาการของกายเท่านั้น............นอกจากนั่งสมาธิแล้ว การเดินเหิน การนั่งนอน การทำอริยาบททุกอย่างในขณะเราดำเนินชีวิต เราก็สามารถ พิจารณา ดูกายในกายได้ แม้แต่ไปงานศพเห็นคนนอนตายในโลง นั่นก็เป็นการพิจารณา ดูกายในกาย ได้เหมือนกัน
..............ส่วนข้อ 2-3-4 ผมสรุปให้สั้นๆ เลยคือ ดูจิตของตนเอง ณ ปัจจุบันขณะ ที่เราเกิดอารมณ์ขึ้น เช่น มันปาดหน้ารถกู เราโมโหอยากจะเอาปืนยิงมัน นี่แหละตอนนี้แหละให้ใช้สติ ดูเอาเลยตอนนี้ มันมาแล้วยักษ์มันสิงใจเราแล้ว หรือนั่งๆไปก็เหม่อละเมออยากรวยเป็นเศษฐี(ผมนี่ประจำเลย) แล้วก็ละเมอเพ้อพก วาดวิมานในอากาศ ต้องลงทุน แล้วก็ไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน แบบนี้แหละคืออาการของเปรตมันสิงใจเรา
..........สรุป ก็ คือดูจิต ของเราทุกขณะจิต ใครจะมีเวลานั่งสมาธิหรือไม่มีเวลาก็ไม่เป็นไร ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาวไปวัดก็ทำได้ ไม่ต้องจุดธูปจุดเทียน ตั้งนโม 3 จบก็ทำได้ ท่านไม่ได้ว่าอะไร