วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
O แว่วเสียง ก็ เพียง-นิยมะศัพท์
เพราะ-สดับก็จับใจ
เสพสมภิรมยะ, ไฉน-
อุปไมยจะเปรียบเหมือน
O ต้อง'ความ' ฤ ห้ามสุขะ ณ ใจ
ขณะไหน บ อาจเลือน
ต้อง'คำ'เพราะคัมภิระสะเทื้อน
ฤ เขยื้อนขยับพ้น
O โสตนั้นเพราะนันทะสดุดี
ภวะปรีดิ์ก็ปรุงปรน
สัมผัสกระหวัดนยะกระวน
จิตะคน ฤ อาจขืน
O ปวงผู้เหมาะชูวิสัยะทัศน์
ก็ขจัด บ อาจยืน-
หยัดเงา-เพราะเงานิละทะมื่น-
แสยะยืนและขืนไว้
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
อัตคัด บ เห็นใคร
เจตจินต์ถวิล-ก-ละจะไร้-
บทะให้กระจ่างเห็น
O สามารถเหมาะชาติจะวัฒนา
พิศะหา ก็ ยากเย็น
ปวงผู้เหมาะรู้ .. ประพิณะเพ็ญ
ดุจะเร้นจะเลือนสูญ
O ขลาดเขลาและเมาหะพฤติกรรม
จิตะต่ำ - ก็เพิ่มพูน
ภาพสร้างและร่างทิฐิวิทูร-
ก็พิบูลยะทั่วหน
O พลุ่งฤทธิ์อวิชชะคุกระเหิม
ทุขะเติมก็เตรียบตน
โพลง-พิษะริษยะระคน
จิตะฉล ก็ โฉ่ฉาว
O ปมด้อยประดอยบทะกระหนาบ
ทุระภาพก็พร่างพราว
กรวดเกร็ด ฤ เพชระอะคร้าว
รุจะวาว สิ วาดหวัง
O เนื่องหนุนกะสุนทริยะภาพ
บุญะบาปะบดบัง
องค์รู้เหมาะผู้ธิระจะฟัง
ดุจะตั้ง บ เป็นตัว
O เบื้องบทสุพจนะประพิมพ์
สัตะปิ่มจะมืดมัว
เสียงแจ้ว ฤ แล้ว ภวะสลัว-
บทะกลั้วประกายแสง
O แล้วเล่า ก็ เมาหะพฤติจิต
วิปริตะรุนแรง
อำนาจและอาชญะแสดง
ก็แสลงสลอนตา
O เบื้องบทสุพจนะประจัญ
กระแหนะนันทิพรรณนา
ภาพสร้างระหว่างนิยมะสา-
ธกะฝ่าประโลมฝัน
O ภาพผู้จะชูวิสัยะทัศน์
ปฏิบัติร่วมบัญ-
ชาการประสารคุณะอนัน-
ตะกระนั้น ฤ เคยเห็น ?
O เรียวปากและพากยะกลัม-
พ-ระพร่ำ ก็ เพียบเพ็ญ
สอนสั่งประดังสุตะ บ เว้น
สัทะเค้นประโลมคน
O เรียวลิ้น บ สิ้นระยะตวัด
ระบุอรรถะอึงอล
ภาพพจน์และรสะอนุสน-
ธิพิมละยากเหมือน
O แซ่ศัพทะรับคุณะประโคม
สุขะโลม บ อาจเลือน
ใจ, ปาก .. และพากยะสะเทื้อน
ก็เขยื้อนขยับรอ
O แซ่ศัพทะขับประเหลาะประโลม
ดุจะโคม นะ ทอดทอ-
ครอบเมืองและเปลื้องรุจะลออ
มุสะส่อ บ ขาดเสียง
O ล้วนศัพทะขับคุณะประพนธ์
อนุสนธิสำเนียง
ความ-คำเพราะคัมภิระเผดียง
เฉพาะเพียงจะชูผล
O สู่โสต, ประโมทยะระบัด
พฤติ, วัตระหมุนวน
อวลพิษะริษยะระคน
จิตะฉลก็แผดเผา
O ภาพผู้เพราะรู้สุขะและโศก
อุปโลกนะแต่เยาว์
ไพศาลประการคุณะเฉลา
นิระเนา .. บ แนบใจ
O โลกหมุนก็หมุน .. มุสะมุสา
กระจะตากระจ่างนัย
ยากแค้น สิ แน่นระยะไผท
ฤ ไฉน บ สร่างซา ?
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
อัตคัด สิ ต่อตา
ถ้อยแถก็แผ่บทะสถา-
ปนะภาวะดุจควัน-
O ครอบเคลื่อนเสมือน-ทกะกระฉอก
คละ-ระลอกประโลมกัน
อำนาจและอาชญะถวัล-
ยะตะบันกะบาปบุญ
O โลกเคลื่อน .. จะเคลื่อนรุจะตะวัน
ประลุพรรณะเจือจุน
อำนาจและอาชวะจะหนุน-
เหมาะกะดุลยะภาพแสดง
O ปวงหมู่วิทูพิเคราะหะวา-
ทะและจาคะจักแจง
ขอบเขตและเจตนะ บ แฝง
ประลุแจ้งกระจ่างตา
O ศัพท์แสงแสดงนยะประจบ
ก็จะลบและลับลา
เยี่ยงพลบประจบบทะอุษา
อุปมาจะเปรียบเหมือน !
O รำพันพิลาป .. O
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
O แว่วเสียง ก็ เพียง-นิยมะศัพท์
เพราะ-สดับก็จับใจ
เสพสมภิรมยะ, ไฉน-
อุปไมยจะเปรียบเหมือน
O ต้อง'ความ' ฤ ห้ามสุขะ ณ ใจ
ขณะไหน บ อาจเลือน
ต้อง'คำ'เพราะคัมภิระสะเทื้อน
ฤ เขยื้อนขยับพ้น
O โสตนั้นเพราะนันทะสดุดี
ภวะปรีดิ์ก็ปรุงปรน
สัมผัสกระหวัดนยะกระวน
จิตะคน ฤ อาจขืน
O ปวงผู้เหมาะชูวิสัยะทัศน์
ก็ขจัด บ อาจยืน-
หยัดเงา-เพราะเงานิละทะมื่น-
แสยะยืนและขืนไว้
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
อัตคัด บ เห็นใคร
เจตจินต์ถวิล-ก-ละจะไร้-
บทะให้กระจ่างเห็น
O สามารถเหมาะชาติจะวัฒนา
พิศะหา ก็ ยากเย็น
ปวงผู้เหมาะรู้ .. ประพิณะเพ็ญ
ดุจะเร้นจะเลือนสูญ
O ขลาดเขลาและเมาหะพฤติกรรม
จิตะต่ำ - ก็เพิ่มพูน
ภาพสร้างและร่างทิฐิวิทูร-
ก็พิบูลยะทั่วหน
O พลุ่งฤทธิ์อวิชชะคุกระเหิม
ทุขะเติมก็เตรียบตน
โพลง-พิษะริษยะระคน
จิตะฉล ก็ โฉ่ฉาว
O ปมด้อยประดอยบทะกระหนาบ
ทุระภาพก็พร่างพราว
กรวดเกร็ด ฤ เพชระอะคร้าว
รุจะวาว สิ วาดหวัง
O เนื่องหนุนกะสุนทริยะภาพ
บุญะบาปะบดบัง
องค์รู้เหมาะผู้ธิระจะฟัง
ดุจะตั้ง บ เป็นตัว
O เบื้องบทสุพจนะประพิมพ์
สัตะปิ่มจะมืดมัว
เสียงแจ้ว ฤ แล้ว ภวะสลัว-
บทะกลั้วประกายแสง
O แล้วเล่า ก็ เมาหะพฤติจิต
วิปริตะรุนแรง
อำนาจและอาชญะแสดง
ก็แสลงสลอนตา
O เบื้องบทสุพจนะประจัญ
กระแหนะนันทิพรรณนา
ภาพสร้างระหว่างนิยมะสา-
ธกะฝ่าประโลมฝัน
O ภาพผู้จะชูวิสัยะทัศน์
ปฏิบัติร่วมบัญ-
ชาการประสารคุณะอนัน-
ตะกระนั้น ฤ เคยเห็น ?
O เรียวปากและพากยะกลัม-
พ-ระพร่ำ ก็ เพียบเพ็ญ
สอนสั่งประดังสุตะ บ เว้น
สัทะเค้นประโลมคน
O เรียวลิ้น บ สิ้นระยะตวัด
ระบุอรรถะอึงอล
ภาพพจน์และรสะอนุสน-
ธิพิมละยากเหมือน
O แซ่ศัพทะรับคุณะประโคม
สุขะโลม บ อาจเลือน
ใจ, ปาก .. และพากยะสะเทื้อน
ก็เขยื้อนขยับรอ
O แซ่ศัพทะขับประเหลาะประโลม
ดุจะโคม นะ ทอดทอ-
ครอบเมืองและเปลื้องรุจะลออ
มุสะส่อ บ ขาดเสียง
O ล้วนศัพทะขับคุณะประพนธ์
อนุสนธิสำเนียง
ความ-คำเพราะคัมภิระเผดียง
เฉพาะเพียงจะชูผล
O สู่โสต, ประโมทยะระบัด
พฤติ, วัตระหมุนวน
อวลพิษะริษยะระคน
จิตะฉลก็แผดเผา
O ภาพผู้เพราะรู้สุขะและโศก
อุปโลกนะแต่เยาว์
ไพศาลประการคุณะเฉลา
นิระเนา .. บ แนบใจ
O โลกหมุนก็หมุน .. มุสะมุสา
กระจะตากระจ่างนัย
ยากแค้น สิ แน่นระยะไผท
ฤ ไฉน บ สร่างซา ?
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
อัตคัด สิ ต่อตา
ถ้อยแถก็แผ่บทะสถา-
ปนะภาวะดุจควัน-
O ครอบเคลื่อนเสมือน-ทกะกระฉอก
คละ-ระลอกประโลมกัน
อำนาจและอาชญะถวัล-
ยะตะบันกะบาปบุญ
O โลกเคลื่อน .. จะเคลื่อนรุจะตะวัน
ประลุพรรณะเจือจุน
อำนาจและอาชวะจะหนุน-
เหมาะกะดุลยะภาพแสดง
O ปวงหมู่วิทูพิเคราะหะวา-
ทะและจาคะจักแจง
ขอบเขตและเจตนะ บ แฝง
ประลุแจ้งกระจ่างตา
O ศัพท์แสงแสดงนยะประจบ
ก็จะลบและลับลา
เยี่ยงพลบประจบบทะอุษา
อุปมาจะเปรียบเหมือน !