วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
O กลบโสตเพราะโฆษณะประดัง
ตละครั้งก็คืบคลาน
กล่อมหัวระรัวบทะผสาน
ฤ จะต้านจะทานไหว
O เปลื้องบทสุพจนะประพิมพ์
สัตะปริ่มจะปราชัย
โดยเมาหะเขลาพฤติพิสัย
ทะนุไว้ประโลมหวัง
O เท็จแถ ก็ แผ่บทะประกอบ
ระกะรอบ สิ รุงรัง
แฉกลิ้น ฤ สิ้นมุสะพลัง
ตละครั้ง บ ขัดเขิน
O โอ .. โสตอุโฆษสรรพะประกาศ
ทุรชาติชวนเชิญ
เพรียกบทและพจนะประเมิน
สรเสริญ จะ แซ่เสียง
O จึง-เมืองกระเดื่องมุสะพจี
ดุษณีกะสำเนียง
โลกล่างระหว่างกรรมะประเดียง
ดุจะเอียงจะโยกไหว
O ใช่ปราชญ์ .. ก็ปราดระบุระบบ
มุหะภพก็อำไพ
ใช่เธียร .. ฤ เทียน, ยุคะสมัย-
จะไสวสว่างฤา ?
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
เพราะสมรรถะด้วยมือ
ใช่ปากและพากยะกระพือ
บทะสื่อจะเสกสรรค์
O ผลลัพธะนับคุณะดนู
สรรพะผู้จะรำพัน
ปรารมภะชมสมรรถะบัน-
ดละฉันทะในชน
O งมโง่และโมหะวิปริต
ปะทุฤทธิบันดล
เปลื้องชาติและภาษะอนุสน-
ธิวิกลวิการเผย
O จาก-ฉละป่นอริยะชาติ
พิเราะภาษะรำเพย
จวบ-พิษะริษยะเฉลย
บทะเคยก็เผยความ
O หวังวาทะคารวะและชม
ตฤณะตมจะเชื่อตาม
วิญญูเพราะรู้ก็เยาะและหยาม
นยะพล่ามก็ข้ามเสีย
O สื่อสู่ก็รู้ประพฤติกรรม
สุขะล้ำกะแลบเลีย
ลิ้นแลบก็แลบ บ ผละ บ เพลีย
บ ละเหี่ย, ก็เผยเห็น
O สบโสตประโมทยะระบัด
อวิภัชชะพร้อมเพ็ญ
เพียบภาวะทารกะกระเซ็น
ตรรกะเห็นจะเร้นสูญ
O อำนาจและอาชญะเพาะเหตุ
ทุระเภทะเพิ่มพูน
หลักคิดประสิทธิ์คติวิทูร-
บริบูรณ์ .. ก็ไม่เอา
O ศัพท์เสียงเผดียงปะทะกะโสต
กุธะโฉด สิ ใช่เบา
เสียงส่ำเพราะสัมผัสะกะเขลา
นยะเร้าก็ลวกลน
O หาผู้เหมาะรู้จะอภิวัฒน์
ทะนุรัฐะมณฑล
หาผู้เหมาะรู้จะอนุสนธิ์
คณะชนและเดชา
O ใช่ผู้เพราะรู้จะรณรงค์
ระบุบ่ง ก็ ศอก-วา
ไป่รู้จะชูสุขะสถา-
ปนะภาวะสู่ชน
O เสริมสร้างระหว่างยุคะสมัย
เฉพาะนัยะจำนน
เสกสร้างธุมางคะปฏิสน-
ธิกะตนก็เป็นตัว
O โลกทึ่งตะลึงวัตระไฉน-
พิสมัยกะมืดมัว
โลกเห็นก็เป็นตรรกะนะถัว-
บทะทั่วมุสาทาง
O นับช่วงทะลวงสุตะและโฆ-
ษณะโว บ เว้นวาง
ล้วนคำเพราะคัมภิระพยางค์
มุสะสร้างก็เป็นทรง
O โอ้ – ลวงทะลวงนิกระโสต
ขณะโกรธะหยั่งลง
โอ้ .. กา ฤ ว่า .. ผิวะจะหงส์ ?
พิศะรงคะย่อมรู้ !
กุธะ .. แผลงจาก โกรธะ
มุหะ .. แผลงจาก โมหะ
มุสะ .. แผลงจาก มุสา
สุตะ .. แผลงจาก โสตะ
O ปัจฉิมสมัย .. O
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
O กลบโสตเพราะโฆษณะประดัง
ตละครั้งก็คืบคลาน
กล่อมหัวระรัวบทะผสาน
ฤ จะต้านจะทานไหว
O เปลื้องบทสุพจนะประพิมพ์
สัตะปริ่มจะปราชัย
โดยเมาหะเขลาพฤติพิสัย
ทะนุไว้ประโลมหวัง
O เท็จแถ ก็ แผ่บทะประกอบ
ระกะรอบ สิ รุงรัง
แฉกลิ้น ฤ สิ้นมุสะพลัง
ตละครั้ง บ ขัดเขิน
O โอ .. โสตอุโฆษสรรพะประกาศ
ทุรชาติชวนเชิญ
เพรียกบทและพจนะประเมิน
สรเสริญ จะ แซ่เสียง
O จึง-เมืองกระเดื่องมุสะพจี
ดุษณีกะสำเนียง
โลกล่างระหว่างกรรมะประเดียง
ดุจะเอียงจะโยกไหว
O ใช่ปราชญ์ .. ก็ปราดระบุระบบ
มุหะภพก็อำไพ
ใช่เธียร .. ฤ เทียน, ยุคะสมัย-
จะไสวสว่างฤา ?
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
เพราะสมรรถะด้วยมือ
ใช่ปากและพากยะกระพือ
บทะสื่อจะเสกสรรค์
O ผลลัพธะนับคุณะดนู
สรรพะผู้จะรำพัน
ปรารมภะชมสมรรถะบัน-
ดละฉันทะในชน
O งมโง่และโมหะวิปริต
ปะทุฤทธิบันดล
เปลื้องชาติและภาษะอนุสน-
ธิวิกลวิการเผย
O จาก-ฉละป่นอริยะชาติ
พิเราะภาษะรำเพย
จวบ-พิษะริษยะเฉลย
บทะเคยก็เผยความ
O หวังวาทะคารวะและชม
ตฤณะตมจะเชื่อตาม
วิญญูเพราะรู้ก็เยาะและหยาม
นยะพล่ามก็ข้ามเสีย
O สื่อสู่ก็รู้ประพฤติกรรม
สุขะล้ำกะแลบเลีย
ลิ้นแลบก็แลบ บ ผละ บ เพลีย
บ ละเหี่ย, ก็เผยเห็น
O สบโสตประโมทยะระบัด
อวิภัชชะพร้อมเพ็ญ
เพียบภาวะทารกะกระเซ็น
ตรรกะเห็นจะเร้นสูญ
O อำนาจและอาชญะเพาะเหตุ
ทุระเภทะเพิ่มพูน
หลักคิดประสิทธิ์คติวิทูร-
บริบูรณ์ .. ก็ไม่เอา
O ศัพท์เสียงเผดียงปะทะกะโสต
กุธะโฉด สิ ใช่เบา
เสียงส่ำเพราะสัมผัสะกะเขลา
นยะเร้าก็ลวกลน
O หาผู้เหมาะรู้จะอภิวัฒน์
ทะนุรัฐะมณฑล
หาผู้เหมาะรู้จะอนุสนธิ์
คณะชนและเดชา
O ใช่ผู้เพราะรู้จะรณรงค์
ระบุบ่ง ก็ ศอก-วา
ไป่รู้จะชูสุขะสถา-
ปนะภาวะสู่ชน
O เสริมสร้างระหว่างยุคะสมัย
เฉพาะนัยะจำนน
เสกสร้างธุมางคะปฏิสน-
ธิกะตนก็เป็นตัว
O โลกทึ่งตะลึงวัตระไฉน-
พิสมัยกะมืดมัว
โลกเห็นก็เป็นตรรกะนะถัว-
บทะทั่วมุสาทาง
O นับช่วงทะลวงสุตะและโฆ-
ษณะโว บ เว้นวาง
ล้วนคำเพราะคัมภิระพยางค์
มุสะสร้างก็เป็นทรง
O โอ้ – ลวงทะลวงนิกระโสต
ขณะโกรธะหยั่งลง
โอ้ .. กา ฤ ว่า .. ผิวะจะหงส์ ?
พิศะรงคะย่อมรู้ !
กุธะ .. แผลงจาก โกรธะ
มุหะ .. แผลงจาก โมหะ
มุสะ .. แผลงจาก มุสา
สุตะ .. แผลงจาก โสตะ