เคยเป็นไหมคะ อยากไปเที่ยว นัด ใครต่อใครไว้ สุดท้ายล่ม ว่างไม่ตรงกัน รอกันไป รอกันมา สุดท้ายก็ได้แต่รอ
พอมีตั๋วมา โปรถูกมา เราว่าง ว๊าง ว่าง แต่คนอื่นไม่ว่าง อ้าวจะไปกับใคร กลัว ไม่ไปดีกว่า
สุดท้ายก็ต้องกลับไปอยู่มุมเดิมๆ ไม่ได้ออกเดินทางซะที...........................
เชื่อว่าหลายคน คงเจอสถานการณ์ หรืออารมณ์แบบนั้น
.... อยากจะให้ลองเปิดใจ เชื่อมั่น ใจตัวเอง ลองออกเดินทางคนเดียวซักครั้ง แล้วเราจะหลงรักการเดินทางคนเดียวโดยไม่รู้ตัว
ทริปนี้ เป็นการจองตั๋วโปรข้ามปี ยาวนานเป็นปีเลย เป็นการกดจองแบบ มึนๆ งง เบลอๆ เผอิญ ลองนั่งดูตั๋วเล่นๆ แล้วไปเจอโปร Big 0 บาท ดูวัน ไปกลับแล้ว โอเครเลย 31 พ.ค.- 3 มิ.ย. 59 4 วัน 3 คืน บินเช้า ถึง 11 โมง เริ่ด เสียแต่ค่าภาษีสนามบิน รวม 1300 บาท
ราคานี้ จะรออะไร จัดไปจิ (พอวันใกล้เดินทาง มาเพิ่มสั่งอาหาร และเพิ่มประกันการเดินทางเข้าไป)
....ทริปนี้เป็นการไปเที่ยว มาเก๊า และฮ่องกง เป็นครั้งแรกเลย และเป็นครั้งแรก ที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศคนเดียว
...เปรี้ยวป๊ะล่ะ ฟังดูเหมือนเป็น คนที่มั่นใจ เก่ง ภาษาต้องเริ่ด.....แต่ในความเป็นจริงคือ ความกังวลแอบมาเต็ม เกิดเป็นผู้หญิงสวยก็เงี๊ยะ เลยต้องมานั่งกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง (สวยหรา ช่างกล้าเน๊อะ 555 ) ถามว่ามีความกลัวรึเปล่า บอกได้เลยไม่ แต่มันคือความกังวลไปต่างๆนาๆ เฮ๊ย แบบ ภาษาจีนก็ไม่ได้เลย ภาษาอังกฤษ นี่ น้องบัฟเลย (บัฟฟาโล่) เป็นผู้หญิงอีก บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.... แต่พยายามปลอบใจตัวเอง จะกลัวไรแว๊ เกาหลีก็ยังนำแพลนมาคนอื่น ไปเที่ยวมาแล้วเลย แล้วมาเก๊า ฮ่องกง เกาะเล็กๆ มีแต่คนบอกว่าง่ายๆสบายๆ มีอะไรจะต้องกังวลอีก
……………แต่การเดินทางครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้น ของการเปลี่ยนแปลง ความคิดไปเลย เข้าใจล่ะว่าทำไม ใครต่อใครหลายคนถึงหลงรักการเดินทางคนเดียว ............. หลายคนบอกไม่กลัวเหงาหรอ ไม่มีเพื่อนให้อุ่นใจเลย
กลัวอะไรกับความเหงา กลัวอะไรกับไม่มีเพื่อน แค่หันไปยิ้มกับคนข้างๆซิ เพื่อนใหม่ๆ เยอะแยะ แถมมีเรื่องราวให้ สนุก ตื่นเต้น ประทับใจตลอดเวลา
การจอง ก็กดจองไปแบบไร้สติ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน อะไรยังไง กดไว้ก่อน แต่ด้วยเห็นว่า มาเก๊ามันเล็กนิดเดียว กว่าฮ่องกง ตั้งเยอะ
เที่ยววันเดียวก็เหลือเฟือแล้ว ( อันนี้ผิดคาดมากๆ) งั้น นั่งเรือ ข้ามไปเที่ยวฮ่องกง ด้วยละกัน (แต่มาคิดๆแล้ว ค่าเรื่อข้ามฟากไปกลับ แพงกว่าตั๋วเครื่องบินจากไทย ไปกลับมาเก๊าอี๊ก 5555)
เดี๋ยวนี้ การ การเข้าออก ต่างประเทศ จะไม่มีการประทับตราปั๊มลงบนสมุดพาสปอตเราแล้วนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้เป็นระบบ ช่องตรวจอัตโนมัติ (Automatic Channel) เป็นช่องขนาดเล็กให้ผู้เดินทางเข้าไปได้ทีละคน ให้เราทำตามขั้นตอน (มีคนช่วยแนะนำ) เมื่อเสร็จแล้วประตูช่องจะเปิดให้เอง มีการบันทึกข้อมูลการออกนอกประเทศที่แถบบันทึกในเล่ม Passport เป็นอันเรียบร้อย
ไม่ว่าจะที่ไทย มาเก๊า ฮ่องกง ใครที่ชอบสะสมตราปั๊ม เข้าออกต่างประเทศ เพื่อเป็น สถิติ เราขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ 555555
.........................การเข้าประเทศมาเก๊า เดินผ่าน ตม แบบ ง่ายๆ สบายๆ ไร้กังวล เจ้าหน้าที่ ไม่ถามอะไรเลย อันนี้ไปถึงมาเก๊า ผ่าน ตม. ออกมา 11 โมง
เมื่อถึง สิ่งแรกที่เราจะทำคือ มองหาป้าย เพื่อขึ้นรถ Shuttle but ฟรี ของ Vanetian เพื่อไปต่อรถฟรีที่ประตู West lobby ของโรงแรม เพื่อไปท่าเรือ Macau ferry ค่ะ (อันนี้ จขกท, แอบไปเดินหลงๆ มึนๆ งงๆ กับการ หาประตูทางออกฝั่ง west lobby ของโรงแรม เพราะมัวแต่ตะลึงกับความอลังไม่ไหว
เลยต้องรีบไปถามเจ้าหน้าที่เพื่อความชัวร์อีก พอเดินถึงแล้วแอบเดินเลย เพราะไม่ได้ใส่แว่นสายตาไป โก๊ะไปอี๊ก
รถจากสนามบินจะมาส่งเราตรงประตูฝั่ง Main Lobby ให้เราเดินตรงเข้าไปแล้วเลี้ยวขวา ตรงไปจะเจอ โซนที่เปิดให้เล่น คาสิโน ให้เราเดินเลยตรงขึ้นไป จะทะลุออกไปเจอประตูฝั่ง West Lobby เลยค่ะ เดินออกไปแล้วเดินไปทางซ้ายมือ จะเจอจุดจอดรถไปท่ารถจะมีป้ายบอกเลยค่ะว่า Macau ferry
วันแรกยังไม่เที่ยวที่มาเก๊านะคะ พอดีมีแพลนที่จะไปถึงฝั่งฮ่องกง แล้วเที่ยวครึ่งวันแรกที่ฮ่องกงก่อน
แต่ทุกอย่างที่แพลนและคิดไว้ เราต้องทำใจเสมอ ว่าทุกอย่างคือความไม่แน่นอน
เมื่อมีเรื่องให้ตื่นเต้นกว่านั้นคือ โดน ตม.ฝั่งฮ่องกงเรียกคร๊า นางถามว่ามาครั้งแรกหรอ???? คนเดียวหรอ ???????
เท่านั้นล่ะนางรีบกวักมือเรียกเพื่อนมารับเลย (ในใจคิดตั้งแต่ที่นางถามว่ามาครั้งแรกหรอ แล้วทำหน้าแบบ เฮ้อ)
นางคงกลัวเราเหงา เห็นว่ามาคนเดียวเลยให้เพื่อนมารับ
(แต่พอไปตรงจุด ชาร์ตหัวใจ ไม่ใช่มีแค่ นักท่องเที่ยวที่มาคนเดียวเท่านั้นที่โดนเรียก เห็นฝรั่งที่มาเป็นครอบครัว 2 ครอบครัว กับกรุ๊ปพี่เกาก็โดน
ถ้าใครที่โโนเรียกเข้าห้องเย็นไม่ต้องตกใจกันไปนะคะ แค่มีเอกสาร ตั๋วกลับ ที่พัก พร้อมก็ช่วยได้เยอะเลย
แต่อารมณ์ จขกท. ตอนนั้นแบบเฮ๊ย ไมนานขนาดงี้ รอนานล่ะนะเมื่อไหร่จะเรียกเราไปคุย งานมโนเริ่มมา เฮ๊ย ถ้าไม่ได้เข้า ฮ่องกง โดนกักทำไงแว๊
ค่าโรงแรมที่พัก เพิ่งโดนตัดบัตรไปเองนะ (ไม่ได้คืนด้วย) แล้วค่าเรือข้ามจากมาเก๊ามาฮ่องกง ไปกลับนี่แบบว่าแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินอีกน้า งานมโนมาเต็มคร๊าอารมณ์นี้ พอถึงคิว ผู้ชายสูงยาว ขาวตี๋ มาตีสนิทคุยด้วย เย้ยไม่ใช่ มาสอบถามข้อมูล นางก็ประมาณว่า เพิ่งลงเครื่องมาเก๊า แล้วทำไมมาฮ่องกงเลย (อันนี้บอกว่าตอนแรกจะเที่ยวแค่มาเก๊า และจองได้โปรบินลงสนามบินมาเก๊า ตั้งใจจะเที่ยวที่มาเก๊า แต่ด้วยว่าดูค่าโรงแรมฝั่งมาเก๊า แบบว่าจ่ายนอนคนเดียวก็นะ โค ตะ ระ แพง แล้วมาตั้ง 4 วันมาเก๊าเป็นเกาะเล็กๆ เที่ยววันครึ่งก็น่าจะพอ เลยเปลี่ยนแพลนกระทันหันมานอนฮ่องกง เที่ยวที่ฮ่องกงก่อน 2 คืน แล้วค่อยกลับไปนอนฝั่งมาเก๊า 1 คืน ก่อนวันบินกลับไทย) นางก็ขอดูรูปว่ามีถ่ายรูปที่มาเก๊าป่าว เลยบอกว่ามี selfies แค่ 2-3 รูปเองนะ เพราะพอลงเครื่องรีบเดินทางข้ามมาฝั่งนี้ก่อนเพราะตั้งใจว่าครึ่งวันบ่ายวันนี้จะเที่ยวฝั่งนี้เลย
กับคำถามอีกมากมาย ขอดูเอกสารที่พัก แลกเงินมาเท่าไหร่ บลาๆๆๆๆๆๆๆ (คือขั้นตอนนี้ ทุกคนอย่าตื่นเต้น หรือทำตัวลุกลี้ลุกรน ใหทำหน้าชิลๆ ตอบเริดๆไปเลย รับรองช่วยได้เยอะ รึเปล่า ??? 55555
เมื่อนางเดินเอา passport มาคืนและบอกไปได้ นีแทบจะกระโดดกอดคอหอมแก้มนางไป อุ๊บ
เมื่อพ้นออกมาจากห้องเย็น ก็ห้าโมงเย็นล่ะ คือแพลนพัง มีเรื่องให้ใจสั่งตั้งแต่วันแรก
(แต่เราก็ได้เพื่อนใหม่หนึ่งคน น้องหนูชื่อน้องดาว น้องลงเครื่องที่มาเก๊า เพื่อแวะซื้อทาร์ตไข่เท่านั้น และข้ามมาฝั่งฮ่องกงเลย แล้วน้องจะไปเกาหลีต่อ แต่น้องกับ จขกท. คนละสายกัน น้องสายกิน แต่ จขกท.สายลุย เลยไม่ได้ไปด้วยกันต่อ)
แต่เราก็ได้เดินทางร่วมกันนะ คือน้องดาวพักโรงแรมแถวสถานีMTR Yau ma tei เหมือนกัน เลยมีเพื่อนหลงๆ มึนๆ งงๆ กับการเดินทางไปถึงโรงแรม
เรารีบพากันไปหาซื้อตั๋วปลาหมึก Octopus card จ่ายไป 150 HKD เป็นค่ามัดจำบัตร 50 HKD เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทาง 100 HKD
วิธีการเดินทางโดยรถ MTR ง่ายนิดเดียวจริงๆค่ะ แค่ทราบว่าสายที่เราจะไปลงคือสายไหน สีอะไร ก็จะมาป้ายบอกทางเป็นระยะ สำหรับการต่อเปลี่ยนสาย
เราจะต้องขึ้นฝั่งไหน ก็ดูว่าฝั่งเส้นที่เราจะไป สถานีสุดท้ายคือสถานีไหน ง่ายจริงๆค่ะ พอลองทำความเข้าใจ (ไม่ต้องใช้แอปเลย ใช้สตินิดหน่อย บางสถานีก็เดินไกลมว๊าก วนไปค่ะเป็นกิโล แล้วจุดที่เราจะออกอยู่ประตูไหน ดูให้ชัวร์ จำให้แม่นนะคะ ถ้าต้องวนกลับเข้ามาเริ่มต้นใหม่ เดินกันสนุกเลยค่ะ กว้างจริงๆค่ะ
เมื่อมาถึงที่พักแล้ว ก็ขอแบบว่าทิ้งตัวลงนอนแพร๊พ น้องดาวเดินมาส่งที่โรงแรมด้วย ความโก๊ะยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ เราทำการขอ add fb กันเรียบร้อย แชะรูปเป็นที่ระทึกนิดหน่อย พอเดินเข้าไป คือแบบว่าจอง Casa Deluxe Hotel ไว้ แต่เดินเข้าไป casa hotel เค้าบอก not here, อยู่ตึกถัดไปคร๊า
(พอไปดูรูปที่ถ่ายกับน้องดาว คือแบบว่า ข้างหลังป้าย casa deluxe hotel อยู่ข้างหลังเต็มๆ อันนี้เป็นโรงแรม 3 ดาว ลด 47% จอง 1 ห้อง 2 คืนก็จ่ายไป 600 HKD ค่ะ
เรื่องโรงแรมมีบางคนถาม ว่ามีเงินเน๊อะพักโรงแรม 3 ดาว ตอบเลย ป่าวค่ะ มันลด อาจจะไม่ได้ถูกมาก แต่ราคานี้ถือว่าไม่แพง มันก็จรองที่ว่าเดินทางคนเดียว มีโรงแรมอื่นที่ถูกกว่านี้เยอะ แต่ว่า แอบแวะไปส่อง ตอนไปเดินเล่น คือแบบ ว่าแอบน่ากลัวอ๊ะ
โรงแรมที่จองไว้นี้ อยู่ติดสถานี MTR เลย เดินออกมาแค่ 20 เมตรเจอเลย แถม ของขายตรึม ร้านรองเท้าติดโรงแรมเลย เดินตอน 5 ทุ่มก็ไม่ได้ดูเปลี่ยวหรือน่ากลัวเลย (จริงๆหากเป็นผู้หญิงที่คิดจะเดินทางคนเดียว เราควรจะประหยัดสิ่งที่ควรประหยัดนะคะ เรื่องที่พักงี้ ยอมจ่ายแพงกว่า แต่ดูปลอดภัยกับตัวเราดีกว่าค่ะ สถานที่ตรงไหน ที่เรามองว่าดูไม่น่าปลอดภัย ก็ควรจะเลี่ยงค่ะ)
ดูจากช่วงเวลาแล้ว เลยตัดสินใจไป ชมวิวที่ The Peak hongkong ก่อนแล้วค่อยไปเดินเล่นค่ะ
จขกท เลือกเดินทางโดยรถบัสสาย 15 ค่ะ เห็นแถวรอต่อขึ้นรถรางแล้วสยอง แถวประหยัดกว่าเยอะ จ่ายค่าย 9.8 HKD ต่อเที่ยวเอง
(เก็บส่วนต่างค่านั่งรถรางเป็นค่ารถบัส มาจ่ายเป็นค่าโรงแรมที่ดูปลอดภัยดีกว่าเน๊อะ อิอิ)
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที และรู้สึกมีความสุขมากที่เลือกนั่งรถบัสขึ้นไป เพราะได้นั่งมองวิว สองฝั่งทาง ทั้งวิวระหว่างขึ้นเขา สวยมากๆค่ะ ยิ่งตอนตะวันกำลังตกดิน ตึกข้างล่าง ทยอยเปิดไฟนะคะ สวยมากๆ รถที่เห็นวิ่งบนถนนแต่ละคนค่อนข้างหรูมากๆ ตอนไปเกาหลี ว่าประเทศเกาหลีเป็นเนินเยอะแล้วนะคะ มาเจอฮ่องกงงี้ คนขับรถงี้ ให้ไปขับรถที่ทางไปปายแม่ฮ่องสอน นี่คงบอกชิลๆ แถมเป็นรถบัส 2 ชั้น ยกนิ้วโป้งให้เลยค่ะสุดยอด
แถมมองบ้าน ตึกที่สร้างตามไหล่ขาว แบบว่าเต็มไปหมด ที่นี่ใช้พื้นที่บนเขาได้คุ้มจริงๆค่ะ อัดแน่นไปด้วย บ้านที่เป็นตึกแถว
วันแรกก็แอบสอยรองเท้าลดราคามาล่ะ อิอิ
อาหารที่ฮ่องกง เป็นอะไรที่ จขกท.ต้องขอบาย ซื้อมาทีไรต้องทิ้ง คือลิ้นไม่ถึง
แต่ดีที่ตรงข้างโรงแรม มี Sushi take out ขายอยู่ เลยช่วยประทังชีวิต แอบฟินกันไป อิอิ
และมาเจอลูกอันนี้ที่ตอนแรกตั้งใจจะซื้อกลับไทย วันที่จะนั่งเรือกลับมาเก๊าตอนเช้า สรุปร้านยังไม่เปิดคร๊า อดไป
เห็นมันแปลกเลยลองซื้อมาลอง กล่องละ 10 HKD พอกินแล้วอร่อยมากๆ หวาน ออกฉ่ำๆ ติดใจเลย
[/center
[CR] เพราะเก๊า ทำให้ชั้นตกหลุมรัก ทำให้ มั่นใจ เชื่อมั่น อยากสะพายเป้ขึ้นบ่า กลับไปหาเก๊าอีกครั้ง
พอมีตั๋วมา โปรถูกมา เราว่าง ว๊าง ว่าง แต่คนอื่นไม่ว่าง อ้าวจะไปกับใคร กลัว ไม่ไปดีกว่า
สุดท้ายก็ต้องกลับไปอยู่มุมเดิมๆ ไม่ได้ออกเดินทางซะที...........................
เชื่อว่าหลายคน คงเจอสถานการณ์ หรืออารมณ์แบบนั้น
.... อยากจะให้ลองเปิดใจ เชื่อมั่น ใจตัวเอง ลองออกเดินทางคนเดียวซักครั้ง แล้วเราจะหลงรักการเดินทางคนเดียวโดยไม่รู้ตัว
ทริปนี้ เป็นการจองตั๋วโปรข้ามปี ยาวนานเป็นปีเลย เป็นการกดจองแบบ มึนๆ งง เบลอๆ เผอิญ ลองนั่งดูตั๋วเล่นๆ แล้วไปเจอโปร Big 0 บาท ดูวัน ไปกลับแล้ว โอเครเลย 31 พ.ค.- 3 มิ.ย. 59 4 วัน 3 คืน บินเช้า ถึง 11 โมง เริ่ด เสียแต่ค่าภาษีสนามบิน รวม 1300 บาท
ราคานี้ จะรออะไร จัดไปจิ (พอวันใกล้เดินทาง มาเพิ่มสั่งอาหาร และเพิ่มประกันการเดินทางเข้าไป)
....ทริปนี้เป็นการไปเที่ยว มาเก๊า และฮ่องกง เป็นครั้งแรกเลย และเป็นครั้งแรก ที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศคนเดียว
...เปรี้ยวป๊ะล่ะ ฟังดูเหมือนเป็น คนที่มั่นใจ เก่ง ภาษาต้องเริ่ด.....แต่ในความเป็นจริงคือ ความกังวลแอบมาเต็ม เกิดเป็นผู้หญิงสวยก็เงี๊ยะ เลยต้องมานั่งกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง (สวยหรา ช่างกล้าเน๊อะ 555 ) ถามว่ามีความกลัวรึเปล่า บอกได้เลยไม่ แต่มันคือความกังวลไปต่างๆนาๆ เฮ๊ย แบบ ภาษาจีนก็ไม่ได้เลย ภาษาอังกฤษ นี่ น้องบัฟเลย (บัฟฟาโล่) เป็นผู้หญิงอีก บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.... แต่พยายามปลอบใจตัวเอง จะกลัวไรแว๊ เกาหลีก็ยังนำแพลนมาคนอื่น ไปเที่ยวมาแล้วเลย แล้วมาเก๊า ฮ่องกง เกาะเล็กๆ มีแต่คนบอกว่าง่ายๆสบายๆ มีอะไรจะต้องกังวลอีก
……………แต่การเดินทางครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้น ของการเปลี่ยนแปลง ความคิดไปเลย เข้าใจล่ะว่าทำไม ใครต่อใครหลายคนถึงหลงรักการเดินทางคนเดียว ............. หลายคนบอกไม่กลัวเหงาหรอ ไม่มีเพื่อนให้อุ่นใจเลย
กลัวอะไรกับความเหงา กลัวอะไรกับไม่มีเพื่อน แค่หันไปยิ้มกับคนข้างๆซิ เพื่อนใหม่ๆ เยอะแยะ แถมมีเรื่องราวให้ สนุก ตื่นเต้น ประทับใจตลอดเวลา
การจอง ก็กดจองไปแบบไร้สติ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน อะไรยังไง กดไว้ก่อน แต่ด้วยเห็นว่า มาเก๊ามันเล็กนิดเดียว กว่าฮ่องกง ตั้งเยอะ
เที่ยววันเดียวก็เหลือเฟือแล้ว ( อันนี้ผิดคาดมากๆ) งั้น นั่งเรือ ข้ามไปเที่ยวฮ่องกง ด้วยละกัน (แต่มาคิดๆแล้ว ค่าเรื่อข้ามฟากไปกลับ แพงกว่าตั๋วเครื่องบินจากไทย ไปกลับมาเก๊าอี๊ก 5555)
เดี๋ยวนี้ การ การเข้าออก ต่างประเทศ จะไม่มีการประทับตราปั๊มลงบนสมุดพาสปอตเราแล้วนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้เป็นระบบ ช่องตรวจอัตโนมัติ (Automatic Channel) เป็นช่องขนาดเล็กให้ผู้เดินทางเข้าไปได้ทีละคน ให้เราทำตามขั้นตอน (มีคนช่วยแนะนำ) เมื่อเสร็จแล้วประตูช่องจะเปิดให้เอง มีการบันทึกข้อมูลการออกนอกประเทศที่แถบบันทึกในเล่ม Passport เป็นอันเรียบร้อย
ไม่ว่าจะที่ไทย มาเก๊า ฮ่องกง ใครที่ชอบสะสมตราปั๊ม เข้าออกต่างประเทศ เพื่อเป็น สถิติ เราขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ 555555
.........................การเข้าประเทศมาเก๊า เดินผ่าน ตม แบบ ง่ายๆ สบายๆ ไร้กังวล เจ้าหน้าที่ ไม่ถามอะไรเลย อันนี้ไปถึงมาเก๊า ผ่าน ตม. ออกมา 11 โมง
เมื่อถึง สิ่งแรกที่เราจะทำคือ มองหาป้าย เพื่อขึ้นรถ Shuttle but ฟรี ของ Vanetian เพื่อไปต่อรถฟรีที่ประตู West lobby ของโรงแรม เพื่อไปท่าเรือ Macau ferry ค่ะ (อันนี้ จขกท, แอบไปเดินหลงๆ มึนๆ งงๆ กับการ หาประตูทางออกฝั่ง west lobby ของโรงแรม เพราะมัวแต่ตะลึงกับความอลังไม่ไหว
เลยต้องรีบไปถามเจ้าหน้าที่เพื่อความชัวร์อีก พอเดินถึงแล้วแอบเดินเลย เพราะไม่ได้ใส่แว่นสายตาไป โก๊ะไปอี๊ก
รถจากสนามบินจะมาส่งเราตรงประตูฝั่ง Main Lobby ให้เราเดินตรงเข้าไปแล้วเลี้ยวขวา ตรงไปจะเจอ โซนที่เปิดให้เล่น คาสิโน ให้เราเดินเลยตรงขึ้นไป จะทะลุออกไปเจอประตูฝั่ง West Lobby เลยค่ะ เดินออกไปแล้วเดินไปทางซ้ายมือ จะเจอจุดจอดรถไปท่ารถจะมีป้ายบอกเลยค่ะว่า Macau ferry
วันแรกยังไม่เที่ยวที่มาเก๊านะคะ พอดีมีแพลนที่จะไปถึงฝั่งฮ่องกง แล้วเที่ยวครึ่งวันแรกที่ฮ่องกงก่อน
แต่ทุกอย่างที่แพลนและคิดไว้ เราต้องทำใจเสมอ ว่าทุกอย่างคือความไม่แน่นอน
เมื่อมีเรื่องให้ตื่นเต้นกว่านั้นคือ โดน ตม.ฝั่งฮ่องกงเรียกคร๊า นางถามว่ามาครั้งแรกหรอ???? คนเดียวหรอ ???????
เท่านั้นล่ะนางรีบกวักมือเรียกเพื่อนมารับเลย (ในใจคิดตั้งแต่ที่นางถามว่ามาครั้งแรกหรอ แล้วทำหน้าแบบ เฮ้อ)
นางคงกลัวเราเหงา เห็นว่ามาคนเดียวเลยให้เพื่อนมารับ
(แต่พอไปตรงจุด ชาร์ตหัวใจ ไม่ใช่มีแค่ นักท่องเที่ยวที่มาคนเดียวเท่านั้นที่โดนเรียก เห็นฝรั่งที่มาเป็นครอบครัว 2 ครอบครัว กับกรุ๊ปพี่เกาก็โดน
ถ้าใครที่โโนเรียกเข้าห้องเย็นไม่ต้องตกใจกันไปนะคะ แค่มีเอกสาร ตั๋วกลับ ที่พัก พร้อมก็ช่วยได้เยอะเลย
แต่อารมณ์ จขกท. ตอนนั้นแบบเฮ๊ย ไมนานขนาดงี้ รอนานล่ะนะเมื่อไหร่จะเรียกเราไปคุย งานมโนเริ่มมา เฮ๊ย ถ้าไม่ได้เข้า ฮ่องกง โดนกักทำไงแว๊
ค่าโรงแรมที่พัก เพิ่งโดนตัดบัตรไปเองนะ (ไม่ได้คืนด้วย) แล้วค่าเรือข้ามจากมาเก๊ามาฮ่องกง ไปกลับนี่แบบว่าแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินอีกน้า งานมโนมาเต็มคร๊าอารมณ์นี้ พอถึงคิว ผู้ชายสูงยาว ขาวตี๋ มาตีสนิทคุยด้วย เย้ยไม่ใช่ มาสอบถามข้อมูล นางก็ประมาณว่า เพิ่งลงเครื่องมาเก๊า แล้วทำไมมาฮ่องกงเลย (อันนี้บอกว่าตอนแรกจะเที่ยวแค่มาเก๊า และจองได้โปรบินลงสนามบินมาเก๊า ตั้งใจจะเที่ยวที่มาเก๊า แต่ด้วยว่าดูค่าโรงแรมฝั่งมาเก๊า แบบว่าจ่ายนอนคนเดียวก็นะ โค ตะ ระ แพง แล้วมาตั้ง 4 วันมาเก๊าเป็นเกาะเล็กๆ เที่ยววันครึ่งก็น่าจะพอ เลยเปลี่ยนแพลนกระทันหันมานอนฮ่องกง เที่ยวที่ฮ่องกงก่อน 2 คืน แล้วค่อยกลับไปนอนฝั่งมาเก๊า 1 คืน ก่อนวันบินกลับไทย) นางก็ขอดูรูปว่ามีถ่ายรูปที่มาเก๊าป่าว เลยบอกว่ามี selfies แค่ 2-3 รูปเองนะ เพราะพอลงเครื่องรีบเดินทางข้ามมาฝั่งนี้ก่อนเพราะตั้งใจว่าครึ่งวันบ่ายวันนี้จะเที่ยวฝั่งนี้เลย
กับคำถามอีกมากมาย ขอดูเอกสารที่พัก แลกเงินมาเท่าไหร่ บลาๆๆๆๆๆๆๆ (คือขั้นตอนนี้ ทุกคนอย่าตื่นเต้น หรือทำตัวลุกลี้ลุกรน ใหทำหน้าชิลๆ ตอบเริดๆไปเลย รับรองช่วยได้เยอะ รึเปล่า ??? 55555
เมื่อนางเดินเอา passport มาคืนและบอกไปได้ นีแทบจะกระโดดกอดคอหอมแก้มนางไป อุ๊บ
เมื่อพ้นออกมาจากห้องเย็น ก็ห้าโมงเย็นล่ะ คือแพลนพัง มีเรื่องให้ใจสั่งตั้งแต่วันแรก
(แต่เราก็ได้เพื่อนใหม่หนึ่งคน น้องหนูชื่อน้องดาว น้องลงเครื่องที่มาเก๊า เพื่อแวะซื้อทาร์ตไข่เท่านั้น และข้ามมาฝั่งฮ่องกงเลย แล้วน้องจะไปเกาหลีต่อ แต่น้องกับ จขกท. คนละสายกัน น้องสายกิน แต่ จขกท.สายลุย เลยไม่ได้ไปด้วยกันต่อ)
แต่เราก็ได้เดินทางร่วมกันนะ คือน้องดาวพักโรงแรมแถวสถานีMTR Yau ma tei เหมือนกัน เลยมีเพื่อนหลงๆ มึนๆ งงๆ กับการเดินทางไปถึงโรงแรม
เรารีบพากันไปหาซื้อตั๋วปลาหมึก Octopus card จ่ายไป 150 HKD เป็นค่ามัดจำบัตร 50 HKD เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทาง 100 HKD
วิธีการเดินทางโดยรถ MTR ง่ายนิดเดียวจริงๆค่ะ แค่ทราบว่าสายที่เราจะไปลงคือสายไหน สีอะไร ก็จะมาป้ายบอกทางเป็นระยะ สำหรับการต่อเปลี่ยนสาย
เราจะต้องขึ้นฝั่งไหน ก็ดูว่าฝั่งเส้นที่เราจะไป สถานีสุดท้ายคือสถานีไหน ง่ายจริงๆค่ะ พอลองทำความเข้าใจ (ไม่ต้องใช้แอปเลย ใช้สตินิดหน่อย บางสถานีก็เดินไกลมว๊าก วนไปค่ะเป็นกิโล แล้วจุดที่เราจะออกอยู่ประตูไหน ดูให้ชัวร์ จำให้แม่นนะคะ ถ้าต้องวนกลับเข้ามาเริ่มต้นใหม่ เดินกันสนุกเลยค่ะ กว้างจริงๆค่ะ
เมื่อมาถึงที่พักแล้ว ก็ขอแบบว่าทิ้งตัวลงนอนแพร๊พ น้องดาวเดินมาส่งที่โรงแรมด้วย ความโก๊ะยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ เราทำการขอ add fb กันเรียบร้อย แชะรูปเป็นที่ระทึกนิดหน่อย พอเดินเข้าไป คือแบบว่าจอง Casa Deluxe Hotel ไว้ แต่เดินเข้าไป casa hotel เค้าบอก not here, อยู่ตึกถัดไปคร๊า
(พอไปดูรูปที่ถ่ายกับน้องดาว คือแบบว่า ข้างหลังป้าย casa deluxe hotel อยู่ข้างหลังเต็มๆ อันนี้เป็นโรงแรม 3 ดาว ลด 47% จอง 1 ห้อง 2 คืนก็จ่ายไป 600 HKD ค่ะ
เรื่องโรงแรมมีบางคนถาม ว่ามีเงินเน๊อะพักโรงแรม 3 ดาว ตอบเลย ป่าวค่ะ มันลด อาจจะไม่ได้ถูกมาก แต่ราคานี้ถือว่าไม่แพง มันก็จรองที่ว่าเดินทางคนเดียว มีโรงแรมอื่นที่ถูกกว่านี้เยอะ แต่ว่า แอบแวะไปส่อง ตอนไปเดินเล่น คือแบบ ว่าแอบน่ากลัวอ๊ะ
โรงแรมที่จองไว้นี้ อยู่ติดสถานี MTR เลย เดินออกมาแค่ 20 เมตรเจอเลย แถม ของขายตรึม ร้านรองเท้าติดโรงแรมเลย เดินตอน 5 ทุ่มก็ไม่ได้ดูเปลี่ยวหรือน่ากลัวเลย (จริงๆหากเป็นผู้หญิงที่คิดจะเดินทางคนเดียว เราควรจะประหยัดสิ่งที่ควรประหยัดนะคะ เรื่องที่พักงี้ ยอมจ่ายแพงกว่า แต่ดูปลอดภัยกับตัวเราดีกว่าค่ะ สถานที่ตรงไหน ที่เรามองว่าดูไม่น่าปลอดภัย ก็ควรจะเลี่ยงค่ะ)
ดูจากช่วงเวลาแล้ว เลยตัดสินใจไป ชมวิวที่ The Peak hongkong ก่อนแล้วค่อยไปเดินเล่นค่ะ
จขกท เลือกเดินทางโดยรถบัสสาย 15 ค่ะ เห็นแถวรอต่อขึ้นรถรางแล้วสยอง แถวประหยัดกว่าเยอะ จ่ายค่าย 9.8 HKD ต่อเที่ยวเอง
(เก็บส่วนต่างค่านั่งรถรางเป็นค่ารถบัส มาจ่ายเป็นค่าโรงแรมที่ดูปลอดภัยดีกว่าเน๊อะ อิอิ)
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที และรู้สึกมีความสุขมากที่เลือกนั่งรถบัสขึ้นไป เพราะได้นั่งมองวิว สองฝั่งทาง ทั้งวิวระหว่างขึ้นเขา สวยมากๆค่ะ ยิ่งตอนตะวันกำลังตกดิน ตึกข้างล่าง ทยอยเปิดไฟนะคะ สวยมากๆ รถที่เห็นวิ่งบนถนนแต่ละคนค่อนข้างหรูมากๆ ตอนไปเกาหลี ว่าประเทศเกาหลีเป็นเนินเยอะแล้วนะคะ มาเจอฮ่องกงงี้ คนขับรถงี้ ให้ไปขับรถที่ทางไปปายแม่ฮ่องสอน นี่คงบอกชิลๆ แถมเป็นรถบัส 2 ชั้น ยกนิ้วโป้งให้เลยค่ะสุดยอด
แถมมองบ้าน ตึกที่สร้างตามไหล่ขาว แบบว่าเต็มไปหมด ที่นี่ใช้พื้นที่บนเขาได้คุ้มจริงๆค่ะ อัดแน่นไปด้วย บ้านที่เป็นตึกแถว
วันแรกก็แอบสอยรองเท้าลดราคามาล่ะ อิอิ
อาหารที่ฮ่องกง เป็นอะไรที่ จขกท.ต้องขอบาย ซื้อมาทีไรต้องทิ้ง คือลิ้นไม่ถึง
แต่ดีที่ตรงข้างโรงแรม มี Sushi take out ขายอยู่ เลยช่วยประทังชีวิต แอบฟินกันไป อิอิ
และมาเจอลูกอันนี้ที่ตอนแรกตั้งใจจะซื้อกลับไทย วันที่จะนั่งเรือกลับมาเก๊าตอนเช้า สรุปร้านยังไม่เปิดคร๊า อดไป
เห็นมันแปลกเลยลองซื้อมาลอง กล่องละ 10 HKD พอกินแล้วอร่อยมากๆ หวาน ออกฉ่ำๆ ติดใจเลย
[/center
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น