ก่อนอื่นต้องออกบอกก่อนเลยว่าเราเป็นมือใหม่หัดรีวิว ผิดพลาดยังไงขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ
การไปมาเก๊า-ฮ่องกงครั้งนี้ของเรา ก็เหมือนกับเพื่อนหลายๆคนที่ได้โปรโมชั่นจากเครื่องหางแดง เราจองล่วงหน้านานหลายเดือน เลยมีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างเยอะค่ะ รวมทั้งหาข้อมูลจากในนี้ด้วยค่ะ แล้วพอหาข้อมูลไปมาก็พบกับความจริงอันน่าตกใจของคนเที่ยวหลงฤดูค่ะ เราไปช่วงฤดูฝน แถมคืนก่อนหน้าวันเดินทางเราก็ได้ข่าวมาว่าฮ่องกงฝนตกหนักมาตลอดอาทิตย์เลย
เริ่มต้นการเดินทางที่สนามบินดอนเมือง พวกเราก็ไปเช็กอินตั้งแต่ตี 4
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงสนามบินนานาชาติมาเก๊า โดยเวลาในท้องถิ่นจะเร็วกว่าของไทย 1 ชม.ค่ะ
ตามแพลนที่เราวางไว้คือ ไปลงเครื่องที่มาเก๊า นอนที่ฮ่องกง 3 วัน และกลับมาเที่ยวที่มาเก๊าค่ะ (ไป 4 วัน 3 คืน เวลาไม่พอค่ะ แอบเสียดาย เที่ยววันละไม่กี่ที่เอง พลาดไปหลายที่เหมือนกัน)
พอผ่านตม.มาได้ โดยไม่มีคำถามใดๆ เราก็มองหารถบัสไปเวเนเชี่ยน เพื่อเอาของไปฝากค่ะ อิอิ (อันที่จริงจะมีพนักงานจากโรงแรมไปยืนรอตรงหน้าทางออกเลยค่ะ) การฝากของที่เวเนเชี่ยนถ้าเราจะนั่งรถไปท่าเรือเฟอร์รี่ หรือว่า Casino ก็บอกเขาค่ะ เพราะเราต้องไปขึ้นรถบัสที่ด้าน West Lobby (พอเข้ามาในตัวอาคารจะเจอกับ Main Lobby ก่อน ให้เดินเลี้ยวซ้ายไปตามทาง จะเจอกับโซนคาสิโน เดินทะลุไปได้เลยค่ะ แต่เค้ากำหนดอายุนะคะ ต้องอายุมากกว่า 20 ปี พอเข้าไปจะเห็นป้าย เดินไปตามป้าย ซึ่งก็คือ ข้ามไปอีกฟากของคาสิโนค่ะ) หากใครจะไปสนามบินก็ฝากของไว้ที่ Main Lobby ได้เลยค่ะ
บรรยากาศภายในเวเนเชี่ยนค่ะ
ที่แรกที่ไปคือ Fisherman’s wharf MACUO (ดูจากรายการรันนิ่งแมน เห็นว่าสวยก็เลยอยากไปค่ะ ^^) ที่นี่เป็นคาสิโน และมีร้านค้าเปิดนิดหน่อยค่ะ เน้นถ่ายรูปกับวิวสวยๆค่ะ หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้สร้างขึ้นเลียนแบบเมืองโรม มีคอลอสเซียม พื้นลายแบบโรมัน และอาคารทรงยุโรปโบราณ แถมคนยังไม่ค่อยพลุกพล่านด้วยค่ะ (ตอนเราไปมีฝนตกประปราย พอชื้นๆ แต่ดีตรงที่ไม่ร้อนค่ะ)
พวกเราไปโดยอาศัยรถฟรีของเวเนเชี่ยนค่ะ ขึ้นที่ฝั่งเวสต์ลอบบี้ ตรงท่าที่เขียนว่า Sand ค่ะ (เป็นคาสิโน ค่ายเดียวกับเวเนเชี่ยนค่ะ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ระหว่างทางเราผ่านวัดเจ้าแม่กวนอิมริมน้ำด้วยค่ะ (เจ้าแม่กวนอิมองค์ทอง) ยืนเด่นอยู่ สามารถเห็นได้จากบนรถเลยค่ะ หากนั่งทางขวาจะยิ่งเห็นชัดค่ะ พอไปถึง Sand Casino เดินข้ามฝั่งก็จะถึงจุดหมายปลายทางของเรา
จากนั้นเราก็เดินทางกลับเวเนเชี่ยนเพื่อไปรับกระเป๋าและต่อรถไปท่าเรือเฟอร์รี่ ที่มาเก๊ามีสองท่าเรือเฟอร์รี่ค่ะ ต้องเช็กดีๆนะคะว่าเราจะไปกับเจ้าไหน (สำหรับตั๋วเราซื้อไปก่อนเลยจากไทยที่เว็บ Wow-hk ค่ะ ของ Cotai Jet ราคา 560 บาทต่อเที่ยว หากไปตรงกับเดือนเกิดสามารถใช้โปรได้ 2 คนต่อ1สิทธิ์ค่ะ เฉพาะของ Cotai นะคะ ราคาไป-กลับประมาณ 800 กว่าบาทต่อคนค่ะ ) ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.เป๊ะ เลทนิดหน่อยเพราะฝนตก
กว่าจะถึงฮ่องกงก็หกโมงเย็น เรือไปจอดที่ตึก Sheung Wan ต้องผ่าน ตม. อีกรอบค่ะ (แนะนำว่าเขียนไว้เลยก็ดีค่ะ แต่เราไม่สามารถเขียนบนเรือได้ค่ะ เมาคลื่น โดนกล่อมหลับ เป็นเด็กอยู่ในเปลเลยค่ะ) จากจุดที่ออกมาจาก ตม. ต้องเดินลงมาอีก 3 ชั้น (ชั้นใต้ดิน) ถึงจะเจอกับ MTR สถานี Sheung Wan
เราขึ้นรถข้ามไปฝั่งเกาลูนลงที่สถานี Mong Kok เลยค่ะ จองที่พักในตึก Sincere ห้องพักเล็กไปนิดตามสไตล์ Hostel แต่ใหม่ สะอาด มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมค่ะ ทั้งแอร์ (ไม่กี่) TV เครื่องทำน้ำอุ่น Wi-Fi
และเรายังโชคดีสุดๆ ห้องพักของเราเป็นห้องมุม มีหน้าต่าง เห็นวิวฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดคุณผู้หญิง Ladies’ Market พอดีเลย ไปเดินทุกวันเลย แต่เอาเข้าจริงไม่กล้าซื้อ เพราะพอเราเข้าไปเค้าจะตื้อๆๆๆๆ ให้เราซื้อ บางอย่างแพงไปเราต่อแล้วจะไม่เอาก็ดึงแขน แถมตีอีกด้วย แต่สุดท้ายก็ยอมขาย แบบด่าเป็นภาษาจีนไปด้วย เลยไม่กล้าถามอีกเลย เราซื้อพวงกุญแจที่ระลึกต่อจาก 120 HKD ต่อแผง เหลือแผงละ 40 HKD แม่ค้าขายไปบ่นไปเลยอ่ะ แหะๆๆ
[CR] (CR)>>>Review มาเก๊า ฮ่องกง หน้าฝนมีดีกว่าที่คิด<<
การไปมาเก๊า-ฮ่องกงครั้งนี้ของเรา ก็เหมือนกับเพื่อนหลายๆคนที่ได้โปรโมชั่นจากเครื่องหางแดง เราจองล่วงหน้านานหลายเดือน เลยมีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างเยอะค่ะ รวมทั้งหาข้อมูลจากในนี้ด้วยค่ะ แล้วพอหาข้อมูลไปมาก็พบกับความจริงอันน่าตกใจของคนเที่ยวหลงฤดูค่ะ เราไปช่วงฤดูฝน แถมคืนก่อนหน้าวันเดินทางเราก็ได้ข่าวมาว่าฮ่องกงฝนตกหนักมาตลอดอาทิตย์เลย
เริ่มต้นการเดินทางที่สนามบินดอนเมือง พวกเราก็ไปเช็กอินตั้งแต่ตี 4
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงสนามบินนานาชาติมาเก๊า โดยเวลาในท้องถิ่นจะเร็วกว่าของไทย 1 ชม.ค่ะ
ตามแพลนที่เราวางไว้คือ ไปลงเครื่องที่มาเก๊า นอนที่ฮ่องกง 3 วัน และกลับมาเที่ยวที่มาเก๊าค่ะ (ไป 4 วัน 3 คืน เวลาไม่พอค่ะ แอบเสียดาย เที่ยววันละไม่กี่ที่เอง พลาดไปหลายที่เหมือนกัน)
พอผ่านตม.มาได้ โดยไม่มีคำถามใดๆ เราก็มองหารถบัสไปเวเนเชี่ยน เพื่อเอาของไปฝากค่ะ อิอิ (อันที่จริงจะมีพนักงานจากโรงแรมไปยืนรอตรงหน้าทางออกเลยค่ะ) การฝากของที่เวเนเชี่ยนถ้าเราจะนั่งรถไปท่าเรือเฟอร์รี่ หรือว่า Casino ก็บอกเขาค่ะ เพราะเราต้องไปขึ้นรถบัสที่ด้าน West Lobby (พอเข้ามาในตัวอาคารจะเจอกับ Main Lobby ก่อน ให้เดินเลี้ยวซ้ายไปตามทาง จะเจอกับโซนคาสิโน เดินทะลุไปได้เลยค่ะ แต่เค้ากำหนดอายุนะคะ ต้องอายุมากกว่า 20 ปี พอเข้าไปจะเห็นป้าย เดินไปตามป้าย ซึ่งก็คือ ข้ามไปอีกฟากของคาสิโนค่ะ) หากใครจะไปสนามบินก็ฝากของไว้ที่ Main Lobby ได้เลยค่ะ
บรรยากาศภายในเวเนเชี่ยนค่ะ
ที่แรกที่ไปคือ Fisherman’s wharf MACUO (ดูจากรายการรันนิ่งแมน เห็นว่าสวยก็เลยอยากไปค่ะ ^^) ที่นี่เป็นคาสิโน และมีร้านค้าเปิดนิดหน่อยค่ะ เน้นถ่ายรูปกับวิวสวยๆค่ะ หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้สร้างขึ้นเลียนแบบเมืองโรม มีคอลอสเซียม พื้นลายแบบโรมัน และอาคารทรงยุโรปโบราณ แถมคนยังไม่ค่อยพลุกพล่านด้วยค่ะ (ตอนเราไปมีฝนตกประปราย พอชื้นๆ แต่ดีตรงที่ไม่ร้อนค่ะ)
พวกเราไปโดยอาศัยรถฟรีของเวเนเชี่ยนค่ะ ขึ้นที่ฝั่งเวสต์ลอบบี้ ตรงท่าที่เขียนว่า Sand ค่ะ (เป็นคาสิโน ค่ายเดียวกับเวเนเชี่ยนค่ะ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ระหว่างทางเราผ่านวัดเจ้าแม่กวนอิมริมน้ำด้วยค่ะ (เจ้าแม่กวนอิมองค์ทอง) ยืนเด่นอยู่ สามารถเห็นได้จากบนรถเลยค่ะ หากนั่งทางขวาจะยิ่งเห็นชัดค่ะ พอไปถึง Sand Casino เดินข้ามฝั่งก็จะถึงจุดหมายปลายทางของเรา
จากนั้นเราก็เดินทางกลับเวเนเชี่ยนเพื่อไปรับกระเป๋าและต่อรถไปท่าเรือเฟอร์รี่ ที่มาเก๊ามีสองท่าเรือเฟอร์รี่ค่ะ ต้องเช็กดีๆนะคะว่าเราจะไปกับเจ้าไหน (สำหรับตั๋วเราซื้อไปก่อนเลยจากไทยที่เว็บ Wow-hk ค่ะ ของ Cotai Jet ราคา 560 บาทต่อเที่ยว หากไปตรงกับเดือนเกิดสามารถใช้โปรได้ 2 คนต่อ1สิทธิ์ค่ะ เฉพาะของ Cotai นะคะ ราคาไป-กลับประมาณ 800 กว่าบาทต่อคนค่ะ ) ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.เป๊ะ เลทนิดหน่อยเพราะฝนตก
กว่าจะถึงฮ่องกงก็หกโมงเย็น เรือไปจอดที่ตึก Sheung Wan ต้องผ่าน ตม. อีกรอบค่ะ (แนะนำว่าเขียนไว้เลยก็ดีค่ะ แต่เราไม่สามารถเขียนบนเรือได้ค่ะ เมาคลื่น โดนกล่อมหลับ เป็นเด็กอยู่ในเปลเลยค่ะ) จากจุดที่ออกมาจาก ตม. ต้องเดินลงมาอีก 3 ชั้น (ชั้นใต้ดิน) ถึงจะเจอกับ MTR สถานี Sheung Wan
เราขึ้นรถข้ามไปฝั่งเกาลูนลงที่สถานี Mong Kok เลยค่ะ จองที่พักในตึก Sincere ห้องพักเล็กไปนิดตามสไตล์ Hostel แต่ใหม่ สะอาด มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมค่ะ ทั้งแอร์ (ไม่กี่) TV เครื่องทำน้ำอุ่น Wi-Fi
และเรายังโชคดีสุดๆ ห้องพักของเราเป็นห้องมุม มีหน้าต่าง เห็นวิวฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดคุณผู้หญิง Ladies’ Market พอดีเลย ไปเดินทุกวันเลย แต่เอาเข้าจริงไม่กล้าซื้อ เพราะพอเราเข้าไปเค้าจะตื้อๆๆๆๆ ให้เราซื้อ บางอย่างแพงไปเราต่อแล้วจะไม่เอาก็ดึงแขน แถมตีอีกด้วย แต่สุดท้ายก็ยอมขาย แบบด่าเป็นภาษาจีนไปด้วย เลยไม่กล้าถามอีกเลย เราซื้อพวงกุญแจที่ระลึกต่อจาก 120 HKD ต่อแผง เหลือแผงละ 40 HKD แม่ค้าขายไปบ่นไปเลยอ่ะ แหะๆๆ