บทที่ ๘
ชายหนุ่มชาวบังกลาเทศลอบมองหญิงสาวจากเมืองไทยในขณะที่เจ้าตัวยืนกอดอกทอดสายตามองผืนน้ำเบื้องหน้าอยู่เงียบๆ ริมท่าน้ำของพระราชวังสีชมพูวันนี้ ทั้งเรือพายและผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก กระแสน้ำสีดำคล้ำไม่เจริญตา เศษขยะลอยฟ่องมีให้เห็นอยู่มากมาย
อันวาร์นึกอยากรู้ว่าสาวจากแดนไทยกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวของเจ้าหล่อนบ้าง อาจจะกำลังดูแคลน แต่ทว่าก็ตื่นตาแปลกใหม่ในความซอมซ่อ ยากจน ของผู้คนร่วมชาติของเขา ใช่หรือเปล่าหนอ
แต่สิ่งหนึ่งที่อันวาร์สังเกตพบจากสาวคนนี้ คือเจ้าหล่อนไม่ติดโทรศัพท์เลย ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันนิยมชมชอบถ่ายรูปตัวเองและสิ่งแวดล้อมด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่ธีรดากลับแตกต่าง ตลอดทั้งวันที่เขายังไม่เห็นเจ้าหล่อนถ่ายรูปเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เหมือนแขกผู้มาเยือนบางรายที่เขาเคยได้ต้อนรับมาก่อนหน้านี้ หลายคนชอบนักที่จะถ่ายรูปแต่ในมุมมอซอของประเทศนี้ รูปคนยากจน รูปซอกมุมสกปรกหมองหม่นที่ไม่งดงามหากอับเฉาชวนหดหู่ ถ่ายเสร็จก็นำไปแสดงในโลกอินเตอร์เนต แต่เวลาพาไปเยือนสถานที่งดงามทันสมัยเจริญตาเจริญใจ หลายคนกลับเพิกเฉยที่จะนำเสนอเสียอย่างนั้น
อันวาร์ยิ้มขมๆ ในสายตาชาวโลก บังกลาเทศเมืองแม่ของเขาต้องจน ต้องผิวคล้ำตัวดำกลิ่นแรง ต้องอดอยากยากไร้ ต้องล้าหลังไม่พัฒนา และต้องรันทดเพราะน้ำท่วม นอกจากนี้ยังต้องมีดราม่าของเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหล่าผู้หญิงที่ทำงานในโรงงานนรก Blood garment เสื้อผ้าที่ตัดเย็บขึ้นมาจากเลือดเนื้อและน้ำตาก่อนที่จะส่งมันออกไปให้คนสวมใส่กันทั่วโลก ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนมีอยู่จริง ขึ้นอยู่กับว่าจะถูกตีแผ่ออกไปในแนวไหน โรงงานนรกสำหรับคนอีกซีกโลกหนึ่ง แต่มันหมายถึงเงินที่จะใช้ซื้อข้าวปลาอาหารมาหล่อเลี้ยงชีวิตของหลายครอบครัวในแผ่นดินนี้
อดนึกถึงครั้งที่เคยได้ไปเยือนเมืองไทยเพื่อท่องเที่ยวไม่ได้ ตลกร้ายเกี่ยวกับสีผิวนวลๆของเขาที่ทำให้พ่อค้าแม่ขายหลายคนไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนบังคลาเทศตั้งแต่เกิด
ชายหนุ่มขยับตัวเมื่อหญิงสาวจากเมืองไทยคล้ายตื่นจากภวังค์แล้วหันมายิ้มให้ รอยยิ้มที่เขาส่งตอบไปอาจแปร่งปร่าไปบ้าง ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าหล่อนจะไม่ทันสังเกต
หนุ่มหน้าคมพบว่าเมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดกันเป็นเวลาต่อเนื่องนานครั้งละหลายๆชั่วโมง ธีรดาเป็นหญิงสาวที่คาดเดาความคิดและพฤติกรรมของเธอได้ไม่ง่ายนัก ในเรื่องงานเธอชัดเจน ตรงไปตรงมา แต่ทว่านอกเหนือจากหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานแล้ว เจ้าตัวพูดน้อยอย่างยิ่ง นิ่งติดจะขรึมและอยู่ในโลกส่วนตัวที่บ้างครั้งดูเหมือนเธอจะลืมคนรอบข้างไปเสียสิ้น นอกจากนี้ยังไม่ค่อยจะชอบยิ้มนัก บางครั้งเขาเคยคิด ว่าหากสนิทกันมากกว่านี้ คงจะชักชวนคุยเล่นให้เจ้าตัวยิ้มบ่อยๆ เพราะนัยน์ตาสุกใสยามที่เธอยิ้มทั้งปากและตานั้นชวนมองนัก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เธอเป็นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เขาแค่หวังไว้ว่าในระหว่างที่เธอมาเป็นแขกของบริษัทเป็นเวลาหลายวันในครั้งนี้ คงจะช่วยเพิ่มความคุ้นเคยระหว่างกัน ชายหนุ่มชอบการวางตัวของเธอ หญิงสาวไม่เคยเรียกร้องอะไรเป็นพิเศษเลย ดูเจ้าตัวช่างเรียบง่าย กินอะไรก็ได้ แล้วแต่เขาจะพาไป การแต่งกายก็เป็นกางเกงขายาวกับเสื้อแขนยาวแบบสุภาพไม่รัดรึงสรีระและคลุมสะโพก ดูเหมาะสมกับการมาทำงานในประเทศที่ประชากรเกือบทั้งประเทศเป็นมุสลิม ยังจำได้ว่าเธอถามเรื่องการคลุมศีรษะและบอกแก่เขาว่าเธอเตรียมผ้าคลุมผมมาและพร้อมจะหยิบใช้ในทุกที่ตามความเหมาะสมแล้วแต่ที่เขาจะเห็นควร
.............................................
..... บังกลา ล่าหัวใจ .....(บทที่ ๘ )
ชายหนุ่มชาวบังกลาเทศลอบมองหญิงสาวจากเมืองไทยในขณะที่เจ้าตัวยืนกอดอกทอดสายตามองผืนน้ำเบื้องหน้าอยู่เงียบๆ ริมท่าน้ำของพระราชวังสีชมพูวันนี้ ทั้งเรือพายและผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก กระแสน้ำสีดำคล้ำไม่เจริญตา เศษขยะลอยฟ่องมีให้เห็นอยู่มากมาย
อันวาร์นึกอยากรู้ว่าสาวจากแดนไทยกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวของเจ้าหล่อนบ้าง อาจจะกำลังดูแคลน แต่ทว่าก็ตื่นตาแปลกใหม่ในความซอมซ่อ ยากจน ของผู้คนร่วมชาติของเขา ใช่หรือเปล่าหนอ
แต่สิ่งหนึ่งที่อันวาร์สังเกตพบจากสาวคนนี้ คือเจ้าหล่อนไม่ติดโทรศัพท์เลย ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันนิยมชมชอบถ่ายรูปตัวเองและสิ่งแวดล้อมด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่ธีรดากลับแตกต่าง ตลอดทั้งวันที่เขายังไม่เห็นเจ้าหล่อนถ่ายรูปเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เหมือนแขกผู้มาเยือนบางรายที่เขาเคยได้ต้อนรับมาก่อนหน้านี้ หลายคนชอบนักที่จะถ่ายรูปแต่ในมุมมอซอของประเทศนี้ รูปคนยากจน รูปซอกมุมสกปรกหมองหม่นที่ไม่งดงามหากอับเฉาชวนหดหู่ ถ่ายเสร็จก็นำไปแสดงในโลกอินเตอร์เนต แต่เวลาพาไปเยือนสถานที่งดงามทันสมัยเจริญตาเจริญใจ หลายคนกลับเพิกเฉยที่จะนำเสนอเสียอย่างนั้น
อันวาร์ยิ้มขมๆ ในสายตาชาวโลก บังกลาเทศเมืองแม่ของเขาต้องจน ต้องผิวคล้ำตัวดำกลิ่นแรง ต้องอดอยากยากไร้ ต้องล้าหลังไม่พัฒนา และต้องรันทดเพราะน้ำท่วม นอกจากนี้ยังต้องมีดราม่าของเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหล่าผู้หญิงที่ทำงานในโรงงานนรก Blood garment เสื้อผ้าที่ตัดเย็บขึ้นมาจากเลือดเนื้อและน้ำตาก่อนที่จะส่งมันออกไปให้คนสวมใส่กันทั่วโลก ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนมีอยู่จริง ขึ้นอยู่กับว่าจะถูกตีแผ่ออกไปในแนวไหน โรงงานนรกสำหรับคนอีกซีกโลกหนึ่ง แต่มันหมายถึงเงินที่จะใช้ซื้อข้าวปลาอาหารมาหล่อเลี้ยงชีวิตของหลายครอบครัวในแผ่นดินนี้
อดนึกถึงครั้งที่เคยได้ไปเยือนเมืองไทยเพื่อท่องเที่ยวไม่ได้ ตลกร้ายเกี่ยวกับสีผิวนวลๆของเขาที่ทำให้พ่อค้าแม่ขายหลายคนไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนบังคลาเทศตั้งแต่เกิด
ชายหนุ่มขยับตัวเมื่อหญิงสาวจากเมืองไทยคล้ายตื่นจากภวังค์แล้วหันมายิ้มให้ รอยยิ้มที่เขาส่งตอบไปอาจแปร่งปร่าไปบ้าง ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าหล่อนจะไม่ทันสังเกต
หนุ่มหน้าคมพบว่าเมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดกันเป็นเวลาต่อเนื่องนานครั้งละหลายๆชั่วโมง ธีรดาเป็นหญิงสาวที่คาดเดาความคิดและพฤติกรรมของเธอได้ไม่ง่ายนัก ในเรื่องงานเธอชัดเจน ตรงไปตรงมา แต่ทว่านอกเหนือจากหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานแล้ว เจ้าตัวพูดน้อยอย่างยิ่ง นิ่งติดจะขรึมและอยู่ในโลกส่วนตัวที่บ้างครั้งดูเหมือนเธอจะลืมคนรอบข้างไปเสียสิ้น นอกจากนี้ยังไม่ค่อยจะชอบยิ้มนัก บางครั้งเขาเคยคิด ว่าหากสนิทกันมากกว่านี้ คงจะชักชวนคุยเล่นให้เจ้าตัวยิ้มบ่อยๆ เพราะนัยน์ตาสุกใสยามที่เธอยิ้มทั้งปากและตานั้นชวนมองนัก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เธอเป็นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เขาแค่หวังไว้ว่าในระหว่างที่เธอมาเป็นแขกของบริษัทเป็นเวลาหลายวันในครั้งนี้ คงจะช่วยเพิ่มความคุ้นเคยระหว่างกัน ชายหนุ่มชอบการวางตัวของเธอ หญิงสาวไม่เคยเรียกร้องอะไรเป็นพิเศษเลย ดูเจ้าตัวช่างเรียบง่าย กินอะไรก็ได้ แล้วแต่เขาจะพาไป การแต่งกายก็เป็นกางเกงขายาวกับเสื้อแขนยาวแบบสุภาพไม่รัดรึงสรีระและคลุมสะโพก ดูเหมาะสมกับการมาทำงานในประเทศที่ประชากรเกือบทั้งประเทศเป็นมุสลิม ยังจำได้ว่าเธอถามเรื่องการคลุมศีรษะและบอกแก่เขาว่าเธอเตรียมผ้าคลุมผมมาและพร้อมจะหยิบใช้ในทุกที่ตามความเหมาะสมแล้วแต่ที่เขาจะเห็นควร
.............................................