กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวสุดท้ายของทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะหลวงพระบางของผม โดยการเที่ยวหลวงพระบางของผมเป็นแบบเจาะลึกอยู่เที่ยวต่อเนื่องกัน 6 วัน ขี่จักรยานลัดเลาะเที่ยวไปหลายที่ ๆ ตามสไตล์เที่ยวดะเก็บให้ทั่ว กำหนดการเที่ยว 6 วันของผมเป็นอย่างงี้ครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - หลวงพระบาง และเที่ยวชมวิวยามเย็นที่พูสี เดินดูของที่ตลาดมืด
วันที่ 2 : ขี่จักรยานชมวัดสวย ๆ ในเมืองหลวงพระบาง
วันที่ 3 : เที่ยวบ้านช่างไห ถ้ำติ่ง และน้ำตกตาดกวางสี
วันที่ 4 : เที่ยววัดพระธาตุโพนเพา สุสานอองรี มูโอต์ และน้ำตกตาดแซ่
วันที่ 5 : ขี่จักรยานเก็บตกวัดต่าง ๆ ที่เหลือจากวันอื่น ๆ
วันที่ 6 : ขี่จักรยานชมวัดที่เหลือในเมืองให้ครบก่อนเดินทางกลับ
วันที่ 5 : ขี่จักรยานเก็บตกวัดต่าง ๆ ที่เหลือจากวันอื่น ๆ
วันนี้ผมมีภารกิจเที่ยวแค่ในเมืองหลวงพระบาง ปั่นจักรยานเที่ยวชมวัดต่าง ๆ ที่เรายังไม่ได้ไปเที่ยวในวันอื่น ๆ ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 10 กว่าวัด ออกเดินทางเกือบ 9 โมงเช้าจุดหมายแรกไปที่
วัดปากคาน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดเชียงทองมากนัก ตั้งอยู่ใกล้กับจุดที่แม่น้ำคานำกลบรรจบกับแม่น้ำโขง
ตามประวัติบอกว่า วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราวปี พ.ศ.2280 โดยพระยาจันทร์เทพซึ่งตรงกับสมัยเจ้าอินทโสม แต่ต่อมาวัดก็ถูกทิ้งร้างจนทรุดโทรม และมีการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยหลังโดยชาวบ้านในบริเวณใกล้วัดได้ช่วยซ่อมแซมกันขึ้น สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาถึงวัดนี้ก็คือ สิมของวัด เพราะสิมของวัดแห่งนี้มีรูปทรงที่ดูแปลกตามีขนาดกะทัดรัดผิดไปจากวัดอื่น ๆ ในเมืองหลวงพระบาง แต่มีความคล้ายกับสิมของวัดธาตุหลวงที่ผมได้ปั่นจักรยานไปชมมาเมื่อวานตอนเย็น เพราะตัวสิมสร้างเป็นทรงไทลื้อ และที่แตกต่างไปจากสิมของวัดธาตุหลวงคือ สิมของวัดนี้ทำสันหลังคาปีกนกเป็นรูปพญานาคเลื้อยลงมาทั้งสี่มุมของสันหลังคา ผมเดินชมความงามทางศิลปกรรมรอบ ๆ สิมแห่งนี้อยู่สักพัก ใจจริงอยากเข้าไปชมภายในสิมด้วยซ้ำแต่ทางวัดเขาลวกลอนประตูใส่แม่กุญแจไว้อย่างแน่นหนา เป็นเหมือนกันเกือบทุกวัดในหลวงพระบาง สงสัยกลัวของหาย นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมวัดนี้ก็เลยอดเห็นความงามภายในสิมเลย ปั่นจักรยานต่อไปหน้าวัด สาย ๆ ยังไม่มีแดด บริเวณแถวนี้ดูเงียบ ๆ คนไม่พลุกพล่าน ยังไม่มีใครเข้ามาเที่ยวชมวัดแถบนี้กันเลยครับ
[SR] ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะหลวงพระบาง ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวสุดท้ายของทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะหลวงพระบางของผม โดยการเที่ยวหลวงพระบางของผมเป็นแบบเจาะลึกอยู่เที่ยวต่อเนื่องกัน 6 วัน ขี่จักรยานลัดเลาะเที่ยวไปหลายที่ ๆ ตามสไตล์เที่ยวดะเก็บให้ทั่ว กำหนดการเที่ยว 6 วันของผมเป็นอย่างงี้ครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - หลวงพระบาง และเที่ยวชมวิวยามเย็นที่พูสี เดินดูของที่ตลาดมืด
วันที่ 2 : ขี่จักรยานชมวัดสวย ๆ ในเมืองหลวงพระบาง
วันที่ 3 : เที่ยวบ้านช่างไห ถ้ำติ่ง และน้ำตกตาดกวางสี
วันที่ 4 : เที่ยววัดพระธาตุโพนเพา สุสานอองรี มูโอต์ และน้ำตกตาดแซ่
วันที่ 5 : ขี่จักรยานเก็บตกวัดต่าง ๆ ที่เหลือจากวันอื่น ๆ
วันที่ 6 : ขี่จักรยานชมวัดที่เหลือในเมืองให้ครบก่อนเดินทางกลับ
วันที่ 5 : ขี่จักรยานเก็บตกวัดต่าง ๆ ที่เหลือจากวันอื่น ๆ
วันนี้ผมมีภารกิจเที่ยวแค่ในเมืองหลวงพระบาง ปั่นจักรยานเที่ยวชมวัดต่าง ๆ ที่เรายังไม่ได้ไปเที่ยวในวันอื่น ๆ ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 10 กว่าวัด ออกเดินทางเกือบ 9 โมงเช้าจุดหมายแรกไปที่ วัดปากคาน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดเชียงทองมากนัก ตั้งอยู่ใกล้กับจุดที่แม่น้ำคานำกลบรรจบกับแม่น้ำโขง
ตามประวัติบอกว่า วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราวปี พ.ศ.2280 โดยพระยาจันทร์เทพซึ่งตรงกับสมัยเจ้าอินทโสม แต่ต่อมาวัดก็ถูกทิ้งร้างจนทรุดโทรม และมีการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยหลังโดยชาวบ้านในบริเวณใกล้วัดได้ช่วยซ่อมแซมกันขึ้น สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาถึงวัดนี้ก็คือ สิมของวัด เพราะสิมของวัดแห่งนี้มีรูปทรงที่ดูแปลกตามีขนาดกะทัดรัดผิดไปจากวัดอื่น ๆ ในเมืองหลวงพระบาง แต่มีความคล้ายกับสิมของวัดธาตุหลวงที่ผมได้ปั่นจักรยานไปชมมาเมื่อวานตอนเย็น เพราะตัวสิมสร้างเป็นทรงไทลื้อ และที่แตกต่างไปจากสิมของวัดธาตุหลวงคือ สิมของวัดนี้ทำสันหลังคาปีกนกเป็นรูปพญานาคเลื้อยลงมาทั้งสี่มุมของสันหลังคา ผมเดินชมความงามทางศิลปกรรมรอบ ๆ สิมแห่งนี้อยู่สักพัก ใจจริงอยากเข้าไปชมภายในสิมด้วยซ้ำแต่ทางวัดเขาลวกลอนประตูใส่แม่กุญแจไว้อย่างแน่นหนา เป็นเหมือนกันเกือบทุกวัดในหลวงพระบาง สงสัยกลัวของหาย นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมวัดนี้ก็เลยอดเห็นความงามภายในสิมเลย ปั่นจักรยานต่อไปหน้าวัด สาย ๆ ยังไม่มีแดด บริเวณแถวนี้ดูเงียบ ๆ คนไม่พลุกพล่าน ยังไม่มีใครเข้ามาเที่ยวชมวัดแถบนี้กันเลยครับ