วันนี้ขอมาต่อ EP2 กันนะครับ เป็น EP สุดท้ายของทริปนี้แล้ว สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน EP ก่อนหน้า สามารถลองไปอ่านกันได้นะครับ ^^
EP 0 รีวิวการเดินทาง
https://ppantip.com/topic/41515784
EP 1 Slow life หลวงพระบาง
https://ppantip.com/topic/41520388
มาเริ่มกันเลยนะครับ
Day3 27/06/65
เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยการปั่นจักรยานไปวัดเชียงทอง ซึ่งถือเป็น the Must ของผู้ที่มาเยือนหลวงพระบาง อดีตราชธานีแห่งอาณาจักรล้านช้าง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงามมากจนได้รับขนานนามว่าเป็น “อัญมณีแห่งศิลปะล้านช้าง”
พอถีงวัดเราก็เดินเข้าไปชม สิม หรือ อุโบสถของวัด สิมหลังนี้มีลักษณะหลังคาซ้อน 3 ชั้น ดัดอ่อนโค้งลาดต่ำลงมาอย่างสวยงาน สิมหลังนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของงานสถาปัตยกรรมในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็นหอพระบาง หรือแม้แต่วัดในบ้านเรา เช่นวัดสิรินธวรารามภูพร้าว (วัดเรืองแสง) จ.อุบลราชธานี วัดวังคำ จ.กาฬสินธุ์
ส่วนกลางของหลังคาจะมีช่อฟ้า 17 ช่อ บ่งบอกว่าเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์สร้าง ถ้าเป็นวัดสามัญทั่วไปจะมี 1-7 ชั้น
ภายในสิมจะมีพระประธานประดิษฐานอยู่ ผนังด้านในตกแต่งด้วยลายฟอกคำ เล่าเรื่องชาดก ตำนาน นิทานต่างๆ ถึงแม้จะเป็นงานที่บูรณะขึ้นในภายหลัง แต่ก็มีความงดงาม
ด้านหลังสิมเป็นงานประดับกระจกรูปต้นไม้ขนาดใหญ่ สื่อถึงตำนานการสร้างเมืองหลวงพระบาง และมีหอเล็กๆอยู่ 2 หอ
หอแรกคือหอไหว้พระพุทธไสยาสน์ หรือชาวบ้านเรียกว่า หอไหว้สีกุหลาบ ผนังตัวหอจะเป็นงานกระจก บอกเล่านิทานพื้นบ้าน
หอที่ 2 คือหอพระม่าน ภายในประดิษฐานพระม่าน 1 ใน 3 พระพุทธรูปสำคัญของเมืองหลวงพระบาง
หอพระม่านจะมีหน้าต่าง ซึ่งเป็นมุมนิยมของคนที่มาวัดเชียงทองเลยละ ^^
เยื้องๆ ด้านหน้าของสิมจะมี โรงราชรถ หรือ หอราชโกศ ซึ่งเป็นอาคารสำคัญอีกหลังนึงภายในวัดเชียงทอง ที่ไว้เก็บราชรถไม้ และโกศ 3 องค์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านบนราชรถ
เราใช้เวลาอยู่ที่วัดเชียงทองชั่วโมงกว่า ก่อนจะออกไปวัดแสนสุขาราม ซึ่งทางเข้าก็อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน
สังเกตว่าช่อฟ้าวัดแสนสุขารามจะมี 7 ช่อ แสดงว่าไม่ใช่วัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้าง
ภายในวัดแสนสุขนาราม เงียบๆ ไม่มีคนเลย เราเลยไม่กล้าเข้าไปในอุโบสถ ก็เลยปั่นจักรยานกลับที่พัก เตรียมตัวไปตาดกวางสี
เกือบ 10 โมงเราก็ปั่นจักรยานไปคืนร้านเช่า พร้อมเช่าจักรยายนต์ต่อในราคา 350000 กีบ พร้อมน้ำมันเกือบเต็มถัง (เช่า 24ชม.) การเช่าจักรยานหรือจักรยานยนต์ต้องวางบัตรประชาชนไว้กับร้าน แต่บางร้านก็ต้องใช้พาสปอร์ตเท่านั้นนะ
ได้จักรยายนต์ละก็จ๊วดเลยย
ตาดกวางสี น้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบางรอเราอยู่
ก่อนไปเราก็แวะเติมพลังก่อนที่ร้านแหนมขาวป้าทัน
ร้านแกก็มีแหนมขาวหลายแบบ แบบธรรมดาในรูป หรือห่อไข่ ใส่แหนม อร่อยดีครับ แนะนำเลย
พิกัดร้านแหนมขาวป้าทัน
https://goo.gl/maps/ami2T3Xkthky14AV9
ไปกันต่อครับ จากตัวเมืองหลวงพระบางไปตาดกวางสี ระยะทางประมาณ 30 km เส้นทางสบายๆไม่ชัน ระหว่างทางที่ไปตาดกวางจะผ่าน Laos Buffalo Dairy ใครจะรีดนมน้องควาย หรือกินไอศกรีมนมความ ก็แวะเข้าไปได้ แต่เราไม่ได้แวะ ไม่แน่ใจยังเปิดปกติไหม
ไปถึงก็เข้าไปซื้อตั๋ว จะมารถนำเที่ยวไฟฟ้าพาเราขึ้นไปส่งที่ประตูทางเข้าน้ำตก
ผ่านประตูทางเข้าไป จะมีแยก2ทาง เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วแนะนำให้เดินไปทางเส้นทางธรรมชาติ อากาศจะเย็นสบาย แล้วตอนกลับค่อยกลับทางถนนคอนกรีต
ระหว่างทางคือร่มรื่น เย็นสบาย น้ำสีออกฟ้าเขียว น่ากระโดนลงไปเล่นน้ำมากๆ
แต่เราไม่ได้ตั้งใจมาเล่นตั้งแต่แรก เลยไม่ได้เตรียมชุดมา คิดในใจกระโดดเลยไหม ขับมอเตอร์ไซต์กลับเดี๋ยวก็แห้ง
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงชั้นไฮไลท์ของตาดกวางสี มีสะพานทอดยาวให้เราไปชมทัศนียภาพ สัมผัสกับละอองน้ำ สวยงามมากก
สวยกว่าการถ่ายรูปของเราเยอะ 555+
เราอยู่ที่ตาดกวางสีถึง 13:30 ก็เริ่มหิวแล้ว เลยจะกลับตัวเมืองไปกินข้าวซอยหลวงพระบาง
จริงๆแพลนไว้จะกินข้าวซอยตอนเช้าที่ร้านตรงข้ามวัดแสนสุขาราม แต่เหมือนว่าร้านจะปิดกิจการไปแล้ว
พอลงมาถึงตัวเมืองก็แวะร้าน Khmu
สลัดหลวงพระบาง 32000 กีบ แปลกๆดีใส่ถั่วลิสงด้วย
ข้าวซอยหลวงพระบาง 28000 กีบ น้ำใสๆเหมือนต้มยำเลย จะไม่ใส่กะทิเหมือนข้าวซอยบ้านเรา
พิกัดร้าน Khmu
https://goo.gl/maps/pGadUvCRSpKmn53h8
และเหมือนเดิม กินคาวแล้วต้องหาของหวาน^^ ไปต่อกันที่ร้าน Joma bakery cafe
เสร็จแล้วเราก็กลับที่พัก ตั้งใจว่าจะขึ้นพระธาตุพูสีอีกรอบ ไปดูพระอาทิตย์ตก
ขึ้นพระธาตุพูสีรอบเย็นจะมีคนมาเก็บค่าเข้า 20000กีบ วันก่อนที่เรามาตอนเช้ายังไม่มีใครมาเก็บค่าเข้า 555+
ด้านบนนี้คนเยอะมาก ถ้าใครไม่อยากมาเจอคนเยอะๆให้มาตอนเช้าก็ได้ มารอบนี้รู้สึกแปลกๆ เขิลๆ เนื่องจากเราใส่แมสอยู่คนเดียวเลย แต่ทำไงได้
ก็เรายังรู้สึกหวั่นๆโควิดอยู่นี่หน่า
แล้วเราก็อยากไปนั่งถ่ายรูปบนหิน ที่เป็นมุมฮิตอีกมุมนึงของหลวงพระบาง แต่ก็ไม่รู้จะถ่ายยังไง ตั้งกล้องก็ไม่ได้
คงเป็นข้อเสียของการมาเที่ยวคนเดียวละ ==
หันไปเจอพี่คนนึง ยืนถือกล้องอยู่ ดูท่าทางมืออาชีพ^^ ได้โอกาสแล้วเรา 555+ “พี่ครับ รบกวนช่วยรูปให้หน่อยได้บ่ครับ”
แล้วเราก็พยายามว่าวลาวกัน คุยไปคุยมา ก็รู้ว่าพี่เขาก็มาจากไทยนี่แหละ มาคนเดียวเหมือนกัน คุยไปอีก เอ้า คนใต้เหมือนกันนิเรา 555+ ยาวเลยครับทีนี้
พี่เขาก็ถ่ายรูปให้เราเยอะอยู่ ขอบคุณมากครับผมม ก็คิดในใจทำไมเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน คุ้นมาก
คุยไปคุยมาคือเราดูคลิปพี่เขาใน Youtube ก่อนมาที่นี่ 555+
ก็นั่งคุยกับพี่เขาจนมืด พรุ่งนี้พี่เขาจะไปผาแดง หนองเขียว ซึ่งเป็นที่เราอยากไปมาก แต่ก็หมดเวลาพักร้อนของทริปนี้แล้ว ต้องกลับไปทำงานต่อ
นั่งคุยกันจนมืด เรามีมอไซค์เลยไปส่งพี่เขาที่พัก ซึ่งก็พักที่เดียวกันอีก เสร็จแล้วก็ไปหาซื้อที่ตลาดมืดกลับมากินที่ห้อง เป็นอันหมดวันนี้
Day 4 วันกลับ
สำหรับวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นอนตื่นสาย 55+ เก็บข้าวของเสร็จ ลงไป check out พร้อมกินอาหารเช้าของที่พัก
กินอาหารเช้าเสร็จเราก็ไปร้าน Le Banneton Café French Bakery เป็นร้านเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศส อยู่หน้าวัดแสนสุขาราม
ครัวซองค์ที่นี่คือดี อร่อย แนะนำครับ
Hot chocolate cream 30000 กีบ
Ham Cheese Croissant 20000 กับ
พิกัดร้าน Le Banneton
https://goo.gl/maps/E8o4nKPb2p8Ms8ct9
กินเสร็จเราก็เอามอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้าน แล้วก็เดินไปบริเวณที่จอดรถรับส่งไปสถานี ไปถึงก็เจอรถตู้รอรับคนอยู่ เขาบอกรถออกประมาณ 11:30 น. ระหว่างนี้เราเข้าไปนั่งรอในร้าน Joma café จนถึงเวลารถตู้ออก ตอนขึ้นรถก็ทำกระเป๋าเงินตกอีก
ดีนะที่พี่คนขับเขาเห็นเลยบอกเรา แล้วรถก็พาเราไปส่งหน้าสถานีรถไฟหลวงพระบาง …….
สรุปทริปนี้
ค่าใช้จ่าย (เริ่มคิดตั้งแต่หน้าด่านหนองคาย)
- ค่าฝากรถ 400 บาท
- ค่ารถอ้ายคำ 600 บาท
- ค่าซิมเน็ต 80 บาท
- ค่าที่พัก + ค่าใช้จ่ายในหลวงพระบางทั้งหมด 7100 บาท (แลกเงินไป 8000 บาท เหลือกลับมา 900บาท)
รวม 8180 บาท
สิ่งที่เราพลาดไป
- ด้วยความชะล่าใจ เราไม่ได้ตักบาตรเข้าเหนียว ซึ่งถือเป็นกิจกรรมไฮไลต์ของการมาเยือนเมืองหลวงพระบาง สำหรับการตักบาตรข้าวเหนียวนั้นก็ไปนั่งรอตั้งแต่ 5:30 บริเวณถนนศรีสว่างวงศ์ ถนนศักรินทร์
- เราซื้อซิมเน็ตอย่างเดียว แนะนำให้ซื้อซิมที่มีทั้งเน็ตและโทร จะสะดวกในการใช้งานกว่า เพราะตามสถานที่ต่างๆ บางทีจะไม่มีคนอยู่ จะได้โทรไปตามเบอร์หน้าร้านได้ เช่น ตอนเราไปจองตั๋วเรือ ร้านรับจองตั๋วรถไฟ หรือโทรหาคิวรถตู้ไปส่งสถานีรถไฟ
- ถ้าจัดเวลาดีๆก็จะมีเวลาพอไปเที่ยวถ้ำติ่งด้วย แต่ก็นั่นแหละตามฉบับเหนื่อยก็พัก ง่วงก็กลับที่พักไปนอน 555+
- มีหลายร้านที่ปิดกิจการไปแล้ว เช่น ร้านข้าวซอยตรงข้ามวัดแสนสุขาราม ร้าน Dexter ? ใครไปก็ลองดูข้อมูลไว้ก่อน
มีโอกาสจะกลับไปหลวงพระบางอีกไหม ?
ถ้ามีโอกาสก็กลับไปแน่นนอนครับ
- แขวงหลวงพระบางยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกเช่น หนองเขียว เมืองงอย ที่มีจุดชมวิวผาแดง ซึ่งจากที่เคยลองหาข้อมูล ตอนนี้มีรถโดยสารออกจากสถานีขนส่งสายเหนือเที่ยวเช้าเที่ยวเดียว และจากหนองเขียวกลับตัวเมืองหลวงพระบางก็มีเที่ยว 9:00 น. เที่ยวเดียว ถ้าเหมารถไปก็ 2ล้านกีบ+
- ยังมีร้านอาหารอีกหลายร้านที่เรายังไม่ได้ไปลอง ไม่ว่าจะเป็นพวกร้านหมูกระทะ หรือร้านพิซซ่า ถ้ามีโอกาสต้องกลับไปลองแน่นอน
ครับ ก็จบไปแล้วสำหรับการแบกเป้ลุยเดี่ยวครั้งแรกของเรา หวังว่าทั้ง 3 กระทู้จะเป็นประโยชน์เป็นแนวทางให้ผู้ที่กำลังจะไปเยือนหลวงพระบางนะครับ
เป็นรีวิวทริปแรก หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยน้าา ชี้แนะกันได้เลย
[CR] แบกเป้ขึ้นรถไฟลาวจีน เที่ยวหลวงพระบาง 4 วัน 3 คืน EP.2 Slow Life หลวงพระบาง (Final)
EP 0 รีวิวการเดินทาง https://ppantip.com/topic/41515784
EP 1 Slow life หลวงพระบาง https://ppantip.com/topic/41520388
มาเริ่มกันเลยนะครับ
Day3 27/06/65
เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยการปั่นจักรยานไปวัดเชียงทอง ซึ่งถือเป็น the Must ของผู้ที่มาเยือนหลวงพระบาง อดีตราชธานีแห่งอาณาจักรล้านช้าง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงามมากจนได้รับขนานนามว่าเป็น “อัญมณีแห่งศิลปะล้านช้าง”
พอถีงวัดเราก็เดินเข้าไปชม สิม หรือ อุโบสถของวัด สิมหลังนี้มีลักษณะหลังคาซ้อน 3 ชั้น ดัดอ่อนโค้งลาดต่ำลงมาอย่างสวยงาน สิมหลังนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของงานสถาปัตยกรรมในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็นหอพระบาง หรือแม้แต่วัดในบ้านเรา เช่นวัดสิรินธวรารามภูพร้าว (วัดเรืองแสง) จ.อุบลราชธานี วัดวังคำ จ.กาฬสินธุ์
ส่วนกลางของหลังคาจะมีช่อฟ้า 17 ช่อ บ่งบอกว่าเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์สร้าง ถ้าเป็นวัดสามัญทั่วไปจะมี 1-7 ชั้น
ภายในสิมจะมีพระประธานประดิษฐานอยู่ ผนังด้านในตกแต่งด้วยลายฟอกคำ เล่าเรื่องชาดก ตำนาน นิทานต่างๆ ถึงแม้จะเป็นงานที่บูรณะขึ้นในภายหลัง แต่ก็มีความงดงาม
ด้านหลังสิมเป็นงานประดับกระจกรูปต้นไม้ขนาดใหญ่ สื่อถึงตำนานการสร้างเมืองหลวงพระบาง และมีหอเล็กๆอยู่ 2 หอ
หอแรกคือหอไหว้พระพุทธไสยาสน์ หรือชาวบ้านเรียกว่า หอไหว้สีกุหลาบ ผนังตัวหอจะเป็นงานกระจก บอกเล่านิทานพื้นบ้าน
หอที่ 2 คือหอพระม่าน ภายในประดิษฐานพระม่าน 1 ใน 3 พระพุทธรูปสำคัญของเมืองหลวงพระบาง
หอพระม่านจะมีหน้าต่าง ซึ่งเป็นมุมนิยมของคนที่มาวัดเชียงทองเลยละ ^^
เยื้องๆ ด้านหน้าของสิมจะมี โรงราชรถ หรือ หอราชโกศ ซึ่งเป็นอาคารสำคัญอีกหลังนึงภายในวัดเชียงทอง ที่ไว้เก็บราชรถไม้ และโกศ 3 องค์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านบนราชรถ
เราใช้เวลาอยู่ที่วัดเชียงทองชั่วโมงกว่า ก่อนจะออกไปวัดแสนสุขาราม ซึ่งทางเข้าก็อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน
สังเกตว่าช่อฟ้าวัดแสนสุขารามจะมี 7 ช่อ แสดงว่าไม่ใช่วัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้าง
ภายในวัดแสนสุขนาราม เงียบๆ ไม่มีคนเลย เราเลยไม่กล้าเข้าไปในอุโบสถ ก็เลยปั่นจักรยานกลับที่พัก เตรียมตัวไปตาดกวางสี
เกือบ 10 โมงเราก็ปั่นจักรยานไปคืนร้านเช่า พร้อมเช่าจักรยายนต์ต่อในราคา 350000 กีบ พร้อมน้ำมันเกือบเต็มถัง (เช่า 24ชม.) การเช่าจักรยานหรือจักรยานยนต์ต้องวางบัตรประชาชนไว้กับร้าน แต่บางร้านก็ต้องใช้พาสปอร์ตเท่านั้นนะ
ได้จักรยายนต์ละก็จ๊วดเลยย
ตาดกวางสี น้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบางรอเราอยู่
ก่อนไปเราก็แวะเติมพลังก่อนที่ร้านแหนมขาวป้าทัน
ร้านแกก็มีแหนมขาวหลายแบบ แบบธรรมดาในรูป หรือห่อไข่ ใส่แหนม อร่อยดีครับ แนะนำเลย
พิกัดร้านแหนมขาวป้าทัน https://goo.gl/maps/ami2T3Xkthky14AV9
ไปกันต่อครับ จากตัวเมืองหลวงพระบางไปตาดกวางสี ระยะทางประมาณ 30 km เส้นทางสบายๆไม่ชัน ระหว่างทางที่ไปตาดกวางจะผ่าน Laos Buffalo Dairy ใครจะรีดนมน้องควาย หรือกินไอศกรีมนมความ ก็แวะเข้าไปได้ แต่เราไม่ได้แวะ ไม่แน่ใจยังเปิดปกติไหม
ไปถึงก็เข้าไปซื้อตั๋ว จะมารถนำเที่ยวไฟฟ้าพาเราขึ้นไปส่งที่ประตูทางเข้าน้ำตก
ผ่านประตูทางเข้าไป จะมีแยก2ทาง เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วแนะนำให้เดินไปทางเส้นทางธรรมชาติ อากาศจะเย็นสบาย แล้วตอนกลับค่อยกลับทางถนนคอนกรีต
ระหว่างทางคือร่มรื่น เย็นสบาย น้ำสีออกฟ้าเขียว น่ากระโดนลงไปเล่นน้ำมากๆ
แต่เราไม่ได้ตั้งใจมาเล่นตั้งแต่แรก เลยไม่ได้เตรียมชุดมา คิดในใจกระโดดเลยไหม ขับมอเตอร์ไซต์กลับเดี๋ยวก็แห้ง
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงชั้นไฮไลท์ของตาดกวางสี มีสะพานทอดยาวให้เราไปชมทัศนียภาพ สัมผัสกับละอองน้ำ สวยงามมากก
สวยกว่าการถ่ายรูปของเราเยอะ 555+
เราอยู่ที่ตาดกวางสีถึง 13:30 ก็เริ่มหิวแล้ว เลยจะกลับตัวเมืองไปกินข้าวซอยหลวงพระบาง
จริงๆแพลนไว้จะกินข้าวซอยตอนเช้าที่ร้านตรงข้ามวัดแสนสุขาราม แต่เหมือนว่าร้านจะปิดกิจการไปแล้ว
พอลงมาถึงตัวเมืองก็แวะร้าน Khmu
สลัดหลวงพระบาง 32000 กีบ แปลกๆดีใส่ถั่วลิสงด้วย
ข้าวซอยหลวงพระบาง 28000 กีบ น้ำใสๆเหมือนต้มยำเลย จะไม่ใส่กะทิเหมือนข้าวซอยบ้านเรา
พิกัดร้าน Khmu https://goo.gl/maps/pGadUvCRSpKmn53h8
และเหมือนเดิม กินคาวแล้วต้องหาของหวาน^^ ไปต่อกันที่ร้าน Joma bakery cafe
เสร็จแล้วเราก็กลับที่พัก ตั้งใจว่าจะขึ้นพระธาตุพูสีอีกรอบ ไปดูพระอาทิตย์ตก
ขึ้นพระธาตุพูสีรอบเย็นจะมีคนมาเก็บค่าเข้า 20000กีบ วันก่อนที่เรามาตอนเช้ายังไม่มีใครมาเก็บค่าเข้า 555+
ด้านบนนี้คนเยอะมาก ถ้าใครไม่อยากมาเจอคนเยอะๆให้มาตอนเช้าก็ได้ มารอบนี้รู้สึกแปลกๆ เขิลๆ เนื่องจากเราใส่แมสอยู่คนเดียวเลย แต่ทำไงได้
ก็เรายังรู้สึกหวั่นๆโควิดอยู่นี่หน่า
แล้วเราก็อยากไปนั่งถ่ายรูปบนหิน ที่เป็นมุมฮิตอีกมุมนึงของหลวงพระบาง แต่ก็ไม่รู้จะถ่ายยังไง ตั้งกล้องก็ไม่ได้
คงเป็นข้อเสียของการมาเที่ยวคนเดียวละ ==
หันไปเจอพี่คนนึง ยืนถือกล้องอยู่ ดูท่าทางมืออาชีพ^^ ได้โอกาสแล้วเรา 555+ “พี่ครับ รบกวนช่วยรูปให้หน่อยได้บ่ครับ”
แล้วเราก็พยายามว่าวลาวกัน คุยไปคุยมา ก็รู้ว่าพี่เขาก็มาจากไทยนี่แหละ มาคนเดียวเหมือนกัน คุยไปอีก เอ้า คนใต้เหมือนกันนิเรา 555+ ยาวเลยครับทีนี้
พี่เขาก็ถ่ายรูปให้เราเยอะอยู่ ขอบคุณมากครับผมม ก็คิดในใจทำไมเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน คุ้นมาก
คุยไปคุยมาคือเราดูคลิปพี่เขาใน Youtube ก่อนมาที่นี่ 555+
ก็นั่งคุยกับพี่เขาจนมืด พรุ่งนี้พี่เขาจะไปผาแดง หนองเขียว ซึ่งเป็นที่เราอยากไปมาก แต่ก็หมดเวลาพักร้อนของทริปนี้แล้ว ต้องกลับไปทำงานต่อ
นั่งคุยกันจนมืด เรามีมอไซค์เลยไปส่งพี่เขาที่พัก ซึ่งก็พักที่เดียวกันอีก เสร็จแล้วก็ไปหาซื้อที่ตลาดมืดกลับมากินที่ห้อง เป็นอันหมดวันนี้
Day 4 วันกลับ
สำหรับวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นอนตื่นสาย 55+ เก็บข้าวของเสร็จ ลงไป check out พร้อมกินอาหารเช้าของที่พัก
กินอาหารเช้าเสร็จเราก็ไปร้าน Le Banneton Café French Bakery เป็นร้านเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศส อยู่หน้าวัดแสนสุขาราม
ครัวซองค์ที่นี่คือดี อร่อย แนะนำครับ
Hot chocolate cream 30000 กีบ
Ham Cheese Croissant 20000 กับ
พิกัดร้าน Le Banneton https://goo.gl/maps/E8o4nKPb2p8Ms8ct9
กินเสร็จเราก็เอามอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้าน แล้วก็เดินไปบริเวณที่จอดรถรับส่งไปสถานี ไปถึงก็เจอรถตู้รอรับคนอยู่ เขาบอกรถออกประมาณ 11:30 น. ระหว่างนี้เราเข้าไปนั่งรอในร้าน Joma café จนถึงเวลารถตู้ออก ตอนขึ้นรถก็ทำกระเป๋าเงินตกอีก ดีนะที่พี่คนขับเขาเห็นเลยบอกเรา แล้วรถก็พาเราไปส่งหน้าสถานีรถไฟหลวงพระบาง …….
สรุปทริปนี้
ค่าใช้จ่าย (เริ่มคิดตั้งแต่หน้าด่านหนองคาย)
- ค่าฝากรถ 400 บาท
- ค่ารถอ้ายคำ 600 บาท
- ค่าซิมเน็ต 80 บาท
- ค่าที่พัก + ค่าใช้จ่ายในหลวงพระบางทั้งหมด 7100 บาท (แลกเงินไป 8000 บาท เหลือกลับมา 900บาท)
รวม 8180 บาท
สิ่งที่เราพลาดไป
- ด้วยความชะล่าใจ เราไม่ได้ตักบาตรเข้าเหนียว ซึ่งถือเป็นกิจกรรมไฮไลต์ของการมาเยือนเมืองหลวงพระบาง สำหรับการตักบาตรข้าวเหนียวนั้นก็ไปนั่งรอตั้งแต่ 5:30 บริเวณถนนศรีสว่างวงศ์ ถนนศักรินทร์
- เราซื้อซิมเน็ตอย่างเดียว แนะนำให้ซื้อซิมที่มีทั้งเน็ตและโทร จะสะดวกในการใช้งานกว่า เพราะตามสถานที่ต่างๆ บางทีจะไม่มีคนอยู่ จะได้โทรไปตามเบอร์หน้าร้านได้ เช่น ตอนเราไปจองตั๋วเรือ ร้านรับจองตั๋วรถไฟ หรือโทรหาคิวรถตู้ไปส่งสถานีรถไฟ
- ถ้าจัดเวลาดีๆก็จะมีเวลาพอไปเที่ยวถ้ำติ่งด้วย แต่ก็นั่นแหละตามฉบับเหนื่อยก็พัก ง่วงก็กลับที่พักไปนอน 555+
- มีหลายร้านที่ปิดกิจการไปแล้ว เช่น ร้านข้าวซอยตรงข้ามวัดแสนสุขาราม ร้าน Dexter ? ใครไปก็ลองดูข้อมูลไว้ก่อน
มีโอกาสจะกลับไปหลวงพระบางอีกไหม ?
ถ้ามีโอกาสก็กลับไปแน่นนอนครับ
- แขวงหลวงพระบางยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกเช่น หนองเขียว เมืองงอย ที่มีจุดชมวิวผาแดง ซึ่งจากที่เคยลองหาข้อมูล ตอนนี้มีรถโดยสารออกจากสถานีขนส่งสายเหนือเที่ยวเช้าเที่ยวเดียว และจากหนองเขียวกลับตัวเมืองหลวงพระบางก็มีเที่ยว 9:00 น. เที่ยวเดียว ถ้าเหมารถไปก็ 2ล้านกีบ+
- ยังมีร้านอาหารอีกหลายร้านที่เรายังไม่ได้ไปลอง ไม่ว่าจะเป็นพวกร้านหมูกระทะ หรือร้านพิซซ่า ถ้ามีโอกาสต้องกลับไปลองแน่นอน
ครับ ก็จบไปแล้วสำหรับการแบกเป้ลุยเดี่ยวครั้งแรกของเรา หวังว่าทั้ง 3 กระทู้จะเป็นประโยชน์เป็นแนวทางให้ผู้ที่กำลังจะไปเยือนหลวงพระบางนะครับ
เป็นรีวิวทริปแรก หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยน้าา ชี้แนะกันได้เลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้