ขึ้นชื่อว่าส่วนต่อขยาย ยังไงต้องเป็นรายเดิมที่ได้รับเลือก ไม่ว่าจะ "เปิดประมูล-เจรจาตรง" เช่นเดียวกับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย "บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค" 27 กม. 21 สถานี มูลค่า 22,895 ล้านบาท ที่หนีไม่พ้น "BEM-บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ" ในเครือ บมจ.ช.การช่าง จะคว้าสัมปทานไป เพื่อต่อเชื่อมสายสีน้ำเงินเดิม "บางซื่อ-หัวลำโพง" ที่รับสัมปทานเดินรถให้ถึงปี 2572
ล่าสุดผ่านด่านการพิจารณาแล้วจากคณะกรรมการมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 ประชุมนัดแรกวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทุบโต๊ะเปิดเจรจา "BEM" รับสัมปทาน 30 ปีเดินรถสายสีน้ำเงินต่อขยายทันที ขณะที่คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็รับลูกเปิดประชุมวันที่ 15 มิ.ย.ประทับตราเสริมทัพไปอีกแรง
ตอนนี้ "BEM" รอฝ่าด่าน "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" เจ้ากระทรวงคมนาคม จะเซย์โนหรือเซย์เยส หลังค้านหัวชนฝามาตลอดตั้งแต่นั่งเป็นเลขาสภาพัฒน์ต้องเปิดประมูลเท่านั้น แต่ตามธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อคณะกรรมการมาตรา 35 เลือกแนวทางไหน ก็ต้องว่ากันตามนั้น
ขณะเดียวกันรอลุ้น "กระทรวงการคลัง" และ "คณะกรรมการ PPP" จะมีประชุมปลาย มิ.ย.นี้จะเปิดไฟเขียวหรือเห็นเป็นอื่น ในเมื่อโครงการนี้ถูกบังคับเข้าระบบข้อตกลงคุณธรรม ทุกอย่างจึงต้องโปร่งใส
หากไม่มีอะไรล่มกลางคัน ตามไทม์ไลน์ของ รฟม.จะชง "ครม.-คณะรัฐมนตรี" อนุมัติอีก 2-3 เดือนนับจากนี้ และเซ็นสัญญาต.ค. จากนั้นใช้เวลา 10 เดือนติดตั้งระบบเพื่อเดินรถเตาปูน-บางซื่อต.ค. 2560
แหล่งข่าวจาก รฟม.กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า คณะกรรมการมาตรา 35 มีมติเจรจาตรง BEM เพราะมีหลายองค์ประกอบ ทั้งมติ ครม.และคณะกรรมการ PPP ให้เดินรถแบบต่อเนื่อง (Through Operation) ทั้งสีน้ำเงินเดิมและส่วนต่อขยาย และให้เอกชนที่ได้รับสัมปทานสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเร่งเปิด 1 สถานี โดยเร็วเพื่อรองรับกับสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) จะเปิดทางการวันที่ 6 ส.ค.นี้
อีกทั้งเมื่อวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของการเปิดประมูลใหม่และเจรจารายเดิม พบว่าเจรจารายเดิมจะมีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากประหยัดต้นทุนได้ถึง 1.6 หมื่นล้านบาท เพราะสามารถใช้ศูนย์ซ่อมบำรุงและศูนย์ควบคุมเดินรถเก่าที่พระราม 9 ของสายสีน้ำเงินเดิมได้ และใช้เวลาติดตั้งระบบและซื้อรถใหม่ 28 ขบวน 36 เดือน หากเป็นรายใหม่ใช้เวลากว่า 40 เดือน
นอกจากนี้จะเปิดบริการได้เป็นส่วน ๆ ตามงานก่อสร้างที่ทยอยเสร็จปี 2559-2561 และผู้โดยสารจะเสียค่าแรกเข้าครั้งเดียว โดยยกเว้นค่าแรกเข้าของสีน้ำเงินเดิม 16 บาท จะเจราจากับ BEM ต่อไป รวมถึงเจรจารวมสัมปทานสีน้ำเงินเดิมจะหมดปี 2572 ให้หมดพร้อมกันทั้งโครงการ เพื่อการให้บริการเดินรถเป็นวงกลม
ด้าน "พลเอกยอดยุทธ บุญญาธิการ" ประธานบอร์ด รฟม.กล่าวว่า จะนำผลประชุมของคณะกรรมการมาตรา 35 ให้เจรจา BEM เสนอไปกระทรวงคมนาคมเร็ว ๆ นี้ เพื่อเสนอคณะกรรมการ PPP จะประชุมสิ้น มิ.ย.นี้ หากได้รับอนุมัติจะเสนอ ครม.ต่อไป จากนั้นคณะกรรมการมาตรา 35 ถึงจะเริ่มเจรจาบีอีเอ็ม คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน เพื่อให้การเดินรถสถานีบางซื่อ-เตาปูนทันวันที่ 5 ธ.ค.นี้
"หากเป็นรายเดิมคือ BEM ทำให้เดินรถ 1 สถานีเปิดได้เร็วขึ้น เพราะมีรถเก่า และไม่ทำให้ รฟม.เสียค่าซ่อมบำรุงของสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งงานโยธาจะเสร็จปี 2559-2560 หากรายเดิมได้จะทำให้เปิดได้พร้อมกับงานก่อสร้างที่เสร็จ จะเร่งให้เดินรถตลอดสายปี 2562" พลเอกยอดยุทธ กล่าวและว่า
อยู่ที่คณะกรรมการ PPP จะเห็นด้วยกับมติบอร์ด รฟม.หรือไม่ หากไม่เห็นด้วยก็จะนำไปสู่การประมูลใหม่ จะใช้เวลาดำเนินการนานกว่านี้ และปัญหาที่ตามมาคือ ระบบอาณัติสัญญาณ ตัวรถ การจัดเก็บค่าบริการแรกเข้าที่จะต้องเริ่มใหม่
ขณะที่ก่อนหน้านี้ "พงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.ช.การช่าง กล่าวว่า การเจรจารายเดิมจะดีกว่าเปิดประมูลใหม่ ซึ่ง BEMมีโครงข่ายเดิมวิ่งบริการอยู่ครึ่งวง รออีกครึ่งวงใหม่จะครบโครงข่าย ประโยชน์โดยอัตโนมัติคือสะดวก ปลอดภัย เปิดได้เร็ว
ถ้าบริษัทได้เดินรถจะทยอยเปิดบริการคือช่วงเตาปูน-บางซื่อ จะใช้รถขบวนเดิมมาวิ่ง, ช่วงเตาปูน-บางพลัด เปิดพ.ย. 2560, ช่วงหัวลำโพง-หลักสอง เปิดมี.ค. 2561 และช่วงบางพลัด-ท่าพระ เปิดมิ.ย. 2561 ถ้าเป็นรายใหม่ต้องรอให้เสร็จถึงเปิดเดินรถได้
นี่คือคำตอบ ทำไม "สายสีน้ำเงินต่อขยาย" จึงเลือกเจรจาตรง BEM
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1466401986
เปิดเส้นทางเจรจา "BEM" จ่อเหมา "สายสีน้ำเงิน" ยกโครงข่าย
ล่าสุดผ่านด่านการพิจารณาแล้วจากคณะกรรมการมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 ประชุมนัดแรกวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทุบโต๊ะเปิดเจรจา "BEM" รับสัมปทาน 30 ปีเดินรถสายสีน้ำเงินต่อขยายทันที ขณะที่คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็รับลูกเปิดประชุมวันที่ 15 มิ.ย.ประทับตราเสริมทัพไปอีกแรง
ตอนนี้ "BEM" รอฝ่าด่าน "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" เจ้ากระทรวงคมนาคม จะเซย์โนหรือเซย์เยส หลังค้านหัวชนฝามาตลอดตั้งแต่นั่งเป็นเลขาสภาพัฒน์ต้องเปิดประมูลเท่านั้น แต่ตามธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อคณะกรรมการมาตรา 35 เลือกแนวทางไหน ก็ต้องว่ากันตามนั้น
ขณะเดียวกันรอลุ้น "กระทรวงการคลัง" และ "คณะกรรมการ PPP" จะมีประชุมปลาย มิ.ย.นี้จะเปิดไฟเขียวหรือเห็นเป็นอื่น ในเมื่อโครงการนี้ถูกบังคับเข้าระบบข้อตกลงคุณธรรม ทุกอย่างจึงต้องโปร่งใส
หากไม่มีอะไรล่มกลางคัน ตามไทม์ไลน์ของ รฟม.จะชง "ครม.-คณะรัฐมนตรี" อนุมัติอีก 2-3 เดือนนับจากนี้ และเซ็นสัญญาต.ค. จากนั้นใช้เวลา 10 เดือนติดตั้งระบบเพื่อเดินรถเตาปูน-บางซื่อต.ค. 2560
แหล่งข่าวจาก รฟม.กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า คณะกรรมการมาตรา 35 มีมติเจรจาตรง BEM เพราะมีหลายองค์ประกอบ ทั้งมติ ครม.และคณะกรรมการ PPP ให้เดินรถแบบต่อเนื่อง (Through Operation) ทั้งสีน้ำเงินเดิมและส่วนต่อขยาย และให้เอกชนที่ได้รับสัมปทานสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเร่งเปิด 1 สถานี โดยเร็วเพื่อรองรับกับสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) จะเปิดทางการวันที่ 6 ส.ค.นี้
อีกทั้งเมื่อวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของการเปิดประมูลใหม่และเจรจารายเดิม พบว่าเจรจารายเดิมจะมีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากประหยัดต้นทุนได้ถึง 1.6 หมื่นล้านบาท เพราะสามารถใช้ศูนย์ซ่อมบำรุงและศูนย์ควบคุมเดินรถเก่าที่พระราม 9 ของสายสีน้ำเงินเดิมได้ และใช้เวลาติดตั้งระบบและซื้อรถใหม่ 28 ขบวน 36 เดือน หากเป็นรายใหม่ใช้เวลากว่า 40 เดือน
นอกจากนี้จะเปิดบริการได้เป็นส่วน ๆ ตามงานก่อสร้างที่ทยอยเสร็จปี 2559-2561 และผู้โดยสารจะเสียค่าแรกเข้าครั้งเดียว โดยยกเว้นค่าแรกเข้าของสีน้ำเงินเดิม 16 บาท จะเจราจากับ BEM ต่อไป รวมถึงเจรจารวมสัมปทานสีน้ำเงินเดิมจะหมดปี 2572 ให้หมดพร้อมกันทั้งโครงการ เพื่อการให้บริการเดินรถเป็นวงกลม
ด้าน "พลเอกยอดยุทธ บุญญาธิการ" ประธานบอร์ด รฟม.กล่าวว่า จะนำผลประชุมของคณะกรรมการมาตรา 35 ให้เจรจา BEM เสนอไปกระทรวงคมนาคมเร็ว ๆ นี้ เพื่อเสนอคณะกรรมการ PPP จะประชุมสิ้น มิ.ย.นี้ หากได้รับอนุมัติจะเสนอ ครม.ต่อไป จากนั้นคณะกรรมการมาตรา 35 ถึงจะเริ่มเจรจาบีอีเอ็ม คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน เพื่อให้การเดินรถสถานีบางซื่อ-เตาปูนทันวันที่ 5 ธ.ค.นี้
"หากเป็นรายเดิมคือ BEM ทำให้เดินรถ 1 สถานีเปิดได้เร็วขึ้น เพราะมีรถเก่า และไม่ทำให้ รฟม.เสียค่าซ่อมบำรุงของสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งงานโยธาจะเสร็จปี 2559-2560 หากรายเดิมได้จะทำให้เปิดได้พร้อมกับงานก่อสร้างที่เสร็จ จะเร่งให้เดินรถตลอดสายปี 2562" พลเอกยอดยุทธ กล่าวและว่า
อยู่ที่คณะกรรมการ PPP จะเห็นด้วยกับมติบอร์ด รฟม.หรือไม่ หากไม่เห็นด้วยก็จะนำไปสู่การประมูลใหม่ จะใช้เวลาดำเนินการนานกว่านี้ และปัญหาที่ตามมาคือ ระบบอาณัติสัญญาณ ตัวรถ การจัดเก็บค่าบริการแรกเข้าที่จะต้องเริ่มใหม่
ขณะที่ก่อนหน้านี้ "พงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.ช.การช่าง กล่าวว่า การเจรจารายเดิมจะดีกว่าเปิดประมูลใหม่ ซึ่ง BEMมีโครงข่ายเดิมวิ่งบริการอยู่ครึ่งวง รออีกครึ่งวงใหม่จะครบโครงข่าย ประโยชน์โดยอัตโนมัติคือสะดวก ปลอดภัย เปิดได้เร็ว
ถ้าบริษัทได้เดินรถจะทยอยเปิดบริการคือช่วงเตาปูน-บางซื่อ จะใช้รถขบวนเดิมมาวิ่ง, ช่วงเตาปูน-บางพลัด เปิดพ.ย. 2560, ช่วงหัวลำโพง-หลักสอง เปิดมี.ค. 2561 และช่วงบางพลัด-ท่าพระ เปิดมิ.ย. 2561 ถ้าเป็นรายใหม่ต้องรอให้เสร็จถึงเปิดเดินรถได้
นี่คือคำตอบ ทำไม "สายสีน้ำเงินต่อขยาย" จึงเลือกเจรจาตรง BEM
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1466401986