[CR] Keep Calm and Drink Tea ที่ไต้หวัน

เทคโนโลยีล้ำยุคไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคนเมืองง่ายขึ้น และมีเวลาเหลือให้ละเลียดกับอะไรมากขึ้นเลย  ยิ่งติดต่อกับคนที่อยู่อีกซีกโลกได้เร็วแค่ไหน เราก็รออะไรได้น้อยลง  ทั้งที่มีพาหนะที่รวดเร็วมากกว่าอดีต เรากลับต้องเร่งรีบขึ้น  เมื่อทุกอย่างรีบเร่งไปหมด เราก็หมดวันด้วยความอ่อนล้า และพยายามจะมีโอกาส slow life ให้มากขึ้น

ถ้ากาแฟเอสเปรสโซ (espresso ในภาษาอิตาลี) เป็นตัวแทนของความเร่งด่วนตามชื่อ (express มาจากรากศัพท์เดียวกัน) เครื่องดื่มอะไรจะเป็นตัวแทนของวิถีชีวิตแบบช้าๆ ล่ะ  คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก "ชา" เพราะแค่เติมไม้โทตัวเดียวก็กลายเป็นช้าแล้ว สื้ดดดด เอ้า...เพลงมา!!!

ชามีต้นกำเนิดจากจีน เมื่อไปยังแดนอาทิตย์อุทัยก็ก่อให้เกิดพิธีชงชาที่สะท้อนความเรียบง่าย (แต่โคตรพิธีรีตองซะเหลือเกิน) ส่วนวัฒนธรรมการจิบชายามบ่ายของเมืองผู้ดี ก็ให้ความรู้สึกหรูหราฟู่ฟ่า

แต่ไม่ว่าจะชงชาสไตล์ไหน ก็จะมีจุดร่วมกันอยู่อย่างน้อยสองจุดคือ ความอบอุ่น เพราะการตั้งวงชงชานั้น มีมิติทางสังคม เป็นการที่เพื่อนฝูง มิตรสหายได้มาพบปะพูดคุยกัน สนทนากันไป จิบชาไป กินกับแกล้มไป

อีกข้อก็คือ ความเนิบช้า ไม่ว่าจะเป็นพิธีชงชาญี่ปุ่น ปาร์ตี้น้ำชายามบ่าย หรือการชงชาจีนเพื่อต้อนรับมิตรสหาย ก็ล้วนแล้วแต่กินเวลาทั้งนั้น ทุกอย่างมีรายละเอียดชวนให้คุณเพลิดเพลิน ทั้งบรรดาอุปกรณ์สารพันในการชงชา รสและกลิ่นหอมของน้ำชา ตลอดจนบรรยากาศในการสังสรรค์

ในการชงชากงฟู จะมีการเทน้ำร้อนลวกป้านชา ล้างใบชาก่อนที่จะชงจริง เทน้ำไปเทน้ำมาหลายตลบ หากเรานั่งดูการชงชาวิธีนี้โดยที่ไม่รู้มาก่อน อาจพาลเบื่อและคิดว่า เมื่อไหร่จะได้ดื่มเสียที

การเสพชาเป็นศิลปะที่มิอาจรีบเร่ง ค่อยบรรจงยกน้ำชาขึ้นสูดกลิ่นหอม ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำชาไหลเลื่อนลงไปบนลิ้นเพื่อลิ้มรสละมุน และกลืนลงสู่ลำคอในที่สุด

คุณจะอยู่กับปัจจุบันขณะเท่านั้น และนี่คือวิถีแห่งชา วิถีแห่งความเนิบช้า ทว่าอบอุ่น

ในฐานะที่เป็นทาสชาผู้หนึ่ง เมื่อมีโอกาสได้ไปเที่ยวไต้หวันเป็นครั้งแรก เราจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก

ไต้หวันเป็นประเทศที่นำชาอูหลงจากฝูเจี้ยนมาขยายพันธุ์จนได้ชาเกาซานอูหลง (Gao Shan Wu Long Cha) หรือชาอูหลงภูเขาสูงที่มีกลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ คือกลิ่นหอมหวานเหมือนดอกไม้ผลไม้ สีน้ำชาเป็นสีเหลืองทองสว่าง รสชาจะนุ่มละมุนลิ้น ต่างจากชาอูหลงโดยมากในจีนที่จะมีกลิ่นควัน สีออกแดง และรสฝาดเข้ม

แม้จะต่างกันเพราะกรรมวิธีการผลิต แต่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมของแหล่งปลูกก็เป็นส่วนสำคัญมากที่ส่งผลให้ชาเกาซานอูหลงจากไต้หวันมีเอกลักษณ์ดังกล่าว ครั้งนี้เราจึงหมายมั่นปั้นมือที่จะไปชิมชาไต้หวันให้ถึงแหล่งปลูกเลยทีเดียว


เมื่อมาถึงไทเป พนักงานต้อนรับที่โฮสเทลก็แนะนำว่าให้ไปเยือน "เมาคง" ก่อน ใครที่เคยไปไทเปมาก่อนก็น่าจะรู้จัก เพราะไปง่าย แค่ลงรถไฟฟ้า MRT สถานี Taipei Zoo ก็จะมีรถกระเช้าให้นั่งต่อไปถึงเมาคงเลย (เมา แปลว่า แมว ส่วน คง คือ ท้องฟ้าอากาศ ที่นี่เลยมีรูปแมวน่ารักๆ เต็มไปหมด)




วันที่เรามาถึงเป็นวันสุดท้ายก่อนที่เขาจะปิดปรับปรุงรถกระเช้าประจำปี ก็คิดว่าจะได้นั่งส่งท้าย แต่ช่วงบ่ายพายุเข้า เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องขอหยุดให้บริการแต่เพียงเท่านี้พร้อมคืนส่วนต่างจากบัตร Taipei Easy ให้ด้วย เซ็งไป สุดท้ายก็ได้นั่งรถเมล์สาย 15 ไปแทน


เมื่อมาถึงเมาคง ฝนก็เทกระหน่ำลงมา ว่าจะเดินสำรวจก่อน เลยต้องเปลี่ยนแผน หาร้านชานั่งด่วน เราได้ร้านนี้ ชื่อ "หงมู่อู (Hong Mu Wu)" แปลว่า "ห้องไม้แดง" วิวสวยดี แต่จริงๆ ไม่ทันได้เลือกมากเพราะเปียกฝนแล้ว

สอบถามเจ้าของร้าน เขาแนะนำชาสองตัวที่เป็นจุดเด่นของที่เมาคง คือ "ชาเถี่ยกวานอิน (ทิกวนอิม)" และ "ชาเปาจ่ง" ตอนอยู่ไทยเคยชิมเถี่ยกวานอิน หรือชากวนอิมเหล็กหลายยี่ห้อแล้ว ยังไม่เคยชิมเปาจ่ง ก็เลยสั่งมาลองดู

เดี๋ยวเดียวพนักงานก็ยกอุปกรณ์ชง "กงฟูฉา" หรือชุดชงชาฝีมือมาวางบนโต๊ะ พร้อมกาต้มน้ำร้อนแบบโบราณ ดูคลาสสิคมากๆ พร้อมกันนั้นก็ได้อาหมวยมาสาธิตวิธีชงชากงฟูให้ดูเพลินดี


ชาเปาจ่งกลิ่นหอมเหมือนชาอูหลงสไตล์ไต้หวันทั่วไป รสชาติค่อนข้างอ่อน กระเดียดไปทางชาเขียว สำหรับเรารู้สึกเฉยๆ คิดว่าเถี่ยกวานอินดีกว่า แต่สำหรับมือใหม่ ชาเปาจ่งก็คงพอจะสร้างความประทับใจให้ได้ไม่น้อยเลย ใบชาแห้งที่เหลือจากการชงก็เก็บกลับมาด้วย เพราะเขาขายยกห่อแต่แรก

นี่คือวิวจากโต๊ะที่นั่ง เห็นตึกไทเป 101 อยู่ไกลๆ ดูสูงมากจริงๆ ร้านชาจีนในกรุงเทพฯ ก็พอมีอยู่ แต่จะหาร้านชาที่ขายทิวทัศน์แบบยอดดอยอย่างนี้ โดยที่ใช้เวลาเดินทางจากเมืองหลวงไม่นาน ก็เห็นจะมีแต่ที่ไต้หวันนี่แหละ


บรรยากาศภายในและบริเวณร้าน มีแปลงชาด้วยนะเนี่ย


หลังจากชำระหนี้สินเรียบร้อย ก็ออกเดินต่อ มาเจอไอติมชาเถี่ยกวานอิน กลิ่นชาชัดเจนมาก เปรียบกะไอติมรสชาต่างๆ ที่มีขายในไทยส่วนมากจะเป็นกลิ่นนมนำมาก่อนเลย บอกเลยว่าไต้หวันเป็นประเทศที่ชำนาญด้านชาจริงๆ นอกจากชาอูหลงแบบดั้งเดิมแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากชาอีกเพียบ รับรองว่าลองแล้วจะไม่เสียดาย



และแล้วก็เดินมาเจอสิ่งนี้ TA DA! "ชาหลีซาน (Li Shan Cha)" อันเป็น Da Best ของชาเกาซานอูหลง จากไต้หวัน ปลูกบนเขาหลีซานสูงลิบลิ่ว ราคาก็สูงลิบด้วยเช่นกัน ตัดสินใจยังไม่ซื้อ รอสำรวจราคาหลายๆ ที่ก่อน

ที่เมาคงนี่มี Tea Promotion Center ด้วยนะ เป็นศูนย์ที่รวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องชาเอาไว้ เรียกว่าอยากรู้เรื่องชา มาที่นี่ที่เดียวครบ จบในหนึ่งวัน



กลับจากเมาคงก็คงเมาชามากแล้ว อย่ากระนั้นเลย ไปเดินย่านซีเหมินติ่ง ให้กระชุ่มกระชวยด้วยอาหารตาและอาหารปาก มาที่นี่เขาว่า หมาล่าหม้อไฟ เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้เลย เลยพาตัวเข้าไปต่อคิวอย่างกับโดนสะกด รู้ตัวอีกทีซุปหมาล่าก็เข้าปากไปแล้ว ออกอาการเผ็ดๆ ชาๆ ที่ลิ้นชัดเจน ตอนกินแรกๆ ยังเฉยๆ แต่พอนึกถึงแล้วอยากกลับไปกินอีกจัง นี่ยังไม่รวมไอศกรีมฮาเก้นดาสกะมูฟเว่นพิคหลากรสชาติที่ตักได้ไม่อั้นอีกนะ


นอกจากเมาคงแล้ว หากต้องการหาสถานที่ดื่มด่ำกับบรรยากาศในการร่ำน้ำชา ก็ต้องมาที่นี่เลย "จิ่วเฟิ่น" อยู่ไม่ไกลจากเมืองไทเป เดินทางมาได้หลายวิธี



พอมาถึงก็เดินสำรวจสถานที่จริงกันเลยเคยแต่มองจากในรูป มาดูของจริงก็เรียกว่าสวยกว่าที่คิดแฮะ บรรยากาศตลาดโบราณ ร้านรวงที่ตั้งเรียงรายซ้อนสลับไปมาลดหลั่นตามไหล่เขา ดูสวยงามและแปลกตา



รวมทั้งการตกแต่งของแต่ละร้านที่จงใจให้ออกมาเป็นเหมือนโรงเตี๊ยมในหนังจีนย้อนยุค อาคารไม้สไตล์โบราณที่ประดับประดาด้วยโคมแดงเป็นแนวยาวต่อกันไป ชวนให้เดินตามทางลงไปจนสะดุดเข้ากับมุมในตำนาน

ใช่แล้ว!! เรามาถึงร้านน้ำชา "อาเหม่ยฉาโหลว (A Mei Cha Lou)" ที่ใครๆ ก็ต้องมาหยุดแวะเพื่อถ่ายรูปวิวของร้านนี้เป็นที่ระลึกทุกคนไป ก็มันตระการตาอะไรเบอร์นี้

ภายในร้านน้ำชา ตกแต่งสไตล์ย้อนยุค มีชามากมายวางโชว์อยู่บนชั้นเพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว เราถามหาชาหลีซาน เจ้าของร้านทำหน้าตกใจแล้วถามว่าเรารู้จักชาหลีซานด้วย?


เพราะปกตินักท่องเที่ยวจะรู้จักแต่ "ชาอาหลี่ซาน (A Li Shan Cha)" ที่เป็นตัวแทนของชาเกาซานอูหลงมาช้านาน พลางก็ชี้มือไปที่ชั้นวางชาแถวหนึ่ง แล้วบอกว่าที่นี่มีแต่ชาหลีซานแบบซองเท่านั้น สนนราคาก็แพงเอาเรื่องอยู่ เลยไม่เอาดีกว่า สั่งชุดชากงฟูมานั่งชงชิมชิลชิล ที่ระเบียงด้านนอก มองดูแสงอัสดงในทัศนียภาพงามเกินบรรยายของจิ่วเฟิ่น เสียดายแต่หมอกลงหนาไปหน่อยเท่านั้น

ชาที่พนักงานเอามาเสิร์ฟกับชุดชากงฟูก็คืออาหลี่ซานนั่นเอง พร้อมขนมอีกสี่อย่างเป็นเครื่องเคียง ของที่เสิร์ฟมาคล้ายๆ ที่เมาคง


ปกติเวลาอยู่เมืองไทย ของที่กินคู่กับชาอูหลงแบบนี้คือ ติ่มซำ เป็นสไตล์ฮ่องกง (แต่ที่นี่ไต้หวัน) อุปกรณ์ชากงฟูทั้งหมดที่ใช้ในร้านนี้สั่งทำขึ้นเฉพาะ โดยจะมีโลโก้ตราประทับชื่อร้านติดอยู่ทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็น จอกชา เหยือกพักชา แม้แต่ป้านชาดินเผาก็ยังแกะเป็นตราประทับชื่อร้านสวยงาม

แอบเห็นโมเดลจากเรื่อง Spirited Away วางอยู่ด้วย เพราะร้านนี้มีความเชื่อมโยงกับการ์ตูนดังเรื่องดังกล่าวของ Studio Ghibli

หลังจากละเลียดชากะขนมของร้านอาเหม่ยเสร็จ ก็ออกมาถ่ายรูปมุมในตำนานกับเขามั่ง นี่เป็นบรรยากาศยามค่ำคืน เปรียบเทียบให้ดูกับบรรยากาศยามเช้าที่ตื่นมาถ่ายในอีกวัน


(มีต่อ)
ชื่อสินค้า:   ไต้หวัน ไทเป จิ่วเฟิ่น เมาคง ชาอูหลง ร้านชา
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่