เรากับเพื่อนเป็นอีกคนที่เห็นว่าไต้หวันเป็นอีกประเทศที่ควรไปซักครั้งเลยวางแพลนมากันเดือนพฤศจิกาค่ะ ส่วนตัวตอนเด็กๆ เราโตมากับคัลเจอร์ไต้หวันเยอะ ทั้งเพลง เกม นิยาย เลยอยากมา แต่สิ่งที่เราเจอที่ไต้หวันแต่ละอย่าง บอกเลยว่าเราต้องสมัครพันทิพเข้ามาแชร์ ทริปเรา 6 วัน จะขอมาเล่าในแต่ละวันนะคะว่าเราเจออะไรบ้าง ใครไม่อยากอ่านดีเทลข้ามไปพาร์ทสรุปได้เลยค่ะ
วันแรกที่ถึงไต้หวัน
รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตรวจคนเข้าเมืองกับตม. เขาไม่พูดอิ้งเลยค่ะ พูดแต่จีนใส่เรา ส่วนตม.ไม่พูดเลย ทำท่าเอา หน้าก็ตึง บอกก่อนว่าเรากับเพื่อนหน้าไม่จีนเลยนะคะ แต่เราก็ไม่ได้อะไร ก็นั่งรถไฟเข้าไทเปกับเพื่อน
ถึงที่พักย่านซีเมินติง เช็คอินรร.ก็แปลกอีกรอบค่ะ ฟรอนต์ดูเฉยๆ ไม่ยิ้มแย้ม อิ้งไม่แข็งแรง แต่ยังสื่อสารได้ พอขึ้นไปบนห้องเหวอค่ะ ห้องน้ำเป็นกระจกซีลฝ้าขุ่นๆ แต่เขาเว้นตรงพื้นไว้ ถ้ามีใครนั่งจัดกระเป๋าตรงพื้นคือเห็นหมดอะค่ะว่าเพื่อนทำธุระอะไร ฝักบัวกับก็อกอยู่นอกห้องอาบน้ำ คือถ้าจะเปิดปิดก็ต้องเดินออกมาข้างนอกแล้วลากฝักบัวเข้าไปอาบน้ำข้างในอะค่ะ งงมาก ห้องก็ไม่สะอาด พื้นยังมีเศษๆ แถมในห้องน้ำเพื่อนเราเจอขนตรงนั้นของคนพักคนก่อนอยู่ตรงท่อด้วย
ที่พักเราอยู่ติดกับเซเว่น แล้วตรงข้ามเป็นแฟมิลี่ การเอ๊ะคนไต้หวันครั้งแรกมาจากที่นี่ค่ะ เราลงไปซื้อของ พนง.พูดกับเราเป็นภาษาจีนมา พอเราพูดอิ้งสวนไป พนง.ก็ยังพูดจีนต่อค่ะ แถมตึงด้วย ก็เลยเออๆออๆไป สรุปสามวันที่มาซื้อของ แต่ตอนต่อแถวอยู่มีกลุ่มคนข้างหน้าหน้าจีนๆ แต่พูดอิ้ง พนง.คนเดิมก็พูดอิ้งนะคะ งงมากว่าแล้วทำไมไม่พูดกับเรา แล้วเป็นยังงี้กับพนง.ทุกคนค่ะ ไม่สนว่าเราพูดอิ้งสวน จนวันสุดท้ายเราช่าง
จะเอาไรพูดไทยไปเลยค่ะ แต่แฟมิลี่ฝั่งตรงข้ามพนง.ใจดีกับเรานะ ก็เลยยังไม่เท่าไหร่
วันที่ 2
เราเริ่มด้วยไปเที่ยวในเมืองกับเพื่อน ไปวัดหลงชานที่ดังๆ ที่หน้าวัดหลงชานมันจะมีสวนสาธารณะ คนแก่เยอะมากกกกกกก เยอะแบบ นั่งๆ นอนๆ ทุกที่ เรามองจากทรงคือคนจรจัดใช่มั้ยนะ คืออยากจะคิดว่าผู้สูงอายุมานั่งแอนจอยอากาศรึเปล่า แต่เราเห็นถุงเห็นกระเป๋าใหญ่ๆ แล้วตอนที่มาเห็นคนมาแจกข้าวฟรี คนพวกนี้มาต่อแถวเอาด้วย เลยงงรีวิวที่ว่าไม่ค่อยมีคนจรจัด อันนี้คือเยอะมากนะ เยอะกว่าสนามหลวงอีก
ต่อมาเราไปฮวาชาน ครีเอทีฟพาร์ค ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรค่ะ ของโอเค พนง.พูดอิ้งได้ ต้อนรับดี
ที่สุดท้ายของวันนี้กอนโดล่า กระเช้าขึ้นเขาค่ะ วิวเมืองสวยมากกกกกกกกกกกก อากาศดี เพื่อนเราพาไปกินร้านน้ำชาบนเขาที่ดังๆ สั่งซุปที่เป็นเมนูแนะนำ ชานมไข่มุก แล้วก็ชาร้อนมา อห คัลเจอร์ช็อค ไม่อร่อยซักอย่างค่ะ ซุปจืด มีไก่คาวๆ ตักขึ้นมา อาจจะเป็นวิธีทำไก่บ้านเขาแต่ขาไ่ก่มาเป็นเกล็ดๆเหมือนกินขาทีเร็กซ์ แล้วก็มีสมุนไพร ใส่อะไรซักอย่างที่กินแล้วเหมือนมันแกว ชาไข่มุกรสเหมือนชานมที่เราพยายามชงเองที่บ้าน เป็นนมที่มีชา ไม่มันเลย แต่ไข่มุกหนึบๆดี ส่วนชาร้อนที่มาเป็นกาหอมดีค่ะ พยายามกิน แต่สุดท้ายไม่ไหวจริงๆ ซุปจืดมาก ไก่น่ากลัว เพื่อนเราบอกว่าอย่าฝืนเลยก็เลยออกกันไปซื้อของฝากร้านไอติมแมว พนง.ดีค่ะ เดินมาแนะนำ น่ารักดี พูดอิ้งได้ด้วย ตอนกลับเรากับเพื่อนงงว่าทางเข้ากอนโดล่ากลับอยู่ตรงไหน เลยไปถามพนง.ตรงทางเข้า เรียบร้อยค่ะ โดนวีน แล้วก็เป็นภาษาจีนเหมือนเดิม บอกทางชี้ๆ เป็นภาษาจีน พูดอิ้งเป็นคำถามนะ เหมือนฟังออกแต่วีนอยู่ดี
วันที่ 3
วันนี้คือวันที่พีคที่สุด
เราอยากไปเที่ยว jiufen แต่ด้วยความที่เราเป็นวัยรุ่น มันไปยากมาก พี่ที่ทำงานเราเลยแนะนำให้ซื้อทัวร์กับแอพนึงที่จะได้ไปที่อื่นด้วย อะ โอเคค่ะ เราไปดูมาไปกับทัวร์ก็คุ้มจริง
แต่พอถึงวันจริงไปกับทัวร์คือประสบการณ์ที่เลวร้ายมากค่ะ ยืนกินอาหารเวฟรองท้องอยู่มีลุงไต้หวันเดินผ่านแล้ว
น้ำลายตรงหน้า เขาไม่ได้ตั้งใจ
น้ำลายใส่เรานะคะ เดินผ่านเราแล้ว
เฉยๆ แต่มันตรงหน้าเลย แล้วตั้งแต่เริ่มทัวร์มีคนมาแล้วแต่ไม่บอกไกด์ตอนเช็คชื่อ ทัวร์เลยเลทไป 15 นาที ไกด์เลยไปดุคนนั้น บรรยากาศมันเลยแย่ตั้งแต่เริ่ม พอไกด์เริ่มถามว่ามีใครอยากให้แปลจีนด้วยมั้ย ก็มีพี่สาวจีนหลังรถแย้งขึ้นมาว่าทำไมไม่พูดจีนด้วย ไกด์ก็เลยอธิบายแบบเถียงกับพี่สาวคนนั้นว่านี่มันทัวร์ภาษาอังกฤษนะ แต่ขึ้นเสียง เขาบอกว่าไม่ได้จะทะเลาะด้วยแต่แค่บอกเฉยๆ พี่สาวคนนั้นก็ไม่ฟัง เถียงไกด์ ไกด์ก็พูดว่า พูดอะไรไม่ได้ยิน มาพูดข้างหน้านี่ สุดท้ายเขาก็ลุกเดินแล้วก็ไปยืนเถียงกันเสียงดังอยู่หลังรถ เสียงมันดังขึ้นเรื่อยๆ จนในรถเริ่มกระอักกระอ่วนละ พี่สาวคนจีนก็เถียงเสียงสั่น ซักพักคนสิงคโปร์หน้ารถลุกยืนขึ้นผสมโรง เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่เราได้ยินประโยคเช่าหนี่มาในสถานการณ์จริง แล้วมีคุณพ่อคนไต้หวันห้ามคนสิงคโปร์คนนั้นให้ใจเย็นๆ (เพื่อนเราพอฟังคำจีนออก) ในทริปมันมีเด็กสามสี่คน สถานการณ์ในรถแย่มากค่ะ สุดท้ายไกด์ยอมพูดอิ้งด้วยจีนด้วย แต่ก็จะวนแซะเรื่องเวลากับเรื่องทัวร์ภาษาอังกฤษ
ด้วยความที่ทัวร์เลท ไกด์เลยพยายามรีบๆเดิน พวกน้ำตกอะไรงี้ ได้เดินๆแปปเดียวแล้วรีบไปค่ะ ด้วยความซวยของเรา เราใส่เสื้อสีเหลืองสด ผึ้งบินมาตอมค่ะ ตัวแรกตอมๆ ตัวที่สองเกาะแล้ว เพื่อนเห็นเลยรีบดีดออกให้ เราหน้าเสียเลย เพราะต้องเดินผ่านตรงนี้อีก แต่ตอนออกไม่เจออะไรค่ะ โชคดีไป เจอแต่เรื่องจริงๆ
ไปหมู่บ้านที่ให้ปล่อยโคม ตรงนี้ไม่มีอะไรค่ะ แต่ไกด์พาไปต่อคิวซื้อตั๋วหน้าเครียดๆ คุยกับพนง.ขายตั๋วแปปนึงก็บอกให้รีบๆ ขึ้นรถไฟ ไกด์เฉลยบนรถไฟว่านี่เป็นทัวร์แรกในชีวิตเขาที่ทำมาที่ขึ้นรถไฟโดยที่ไ่ม่มีตั๋วเพราะพนง.ออกตั๋วให้ไม่ทัน อห แบบใด เราต้องดีใจมั้ยที่เป็นทัวร์พิเศษ คือไกด์ไม่ได้ซื้อตั๋วไว้ก่อนเหรอ เพราะมันรวมในทริปอยู่แล้วค่ารถไฟ หรืออาจจะจองล่วงหน้าไม่ได้ อันนี้เราไม่แน่ใจ แต่แพลนไกด์แน่นมาก เราว่ามาซื้อตั๋วหน้างานเสียเวลามากนะ
นั่งรถไฟไปถึงหมู่บ้านแมว หมู่บ้านแมวเป็นที่ที่เราตั้งความหวังมาก เพราะแค่มีแมวทุกอย่างก็จะดีเอง สรุป แมวมีจริงค่ะ แต่ประมาณห้าหกตัว อ้วนมากๆ ทุกตัว แมวส้ม ส้มเว่อร์แบบไม่เจอในไทย แต่หน้าหน้าฮาไม่รับแขกมาก เหนื่อย วีน แต่จับได้นะ หมู่บ้านก็หมู่บ้านร้างๆ ผีหลอกหน่อยๆ มีคาเฟ่ ของที่ขายก็เป็นของทุกอย่างที่เกี่ยวกับแมวเฉยๆ ซึ่งไทยก็มี อีกฝั่งเป็นพิพิธภัณฑ์ถ่านหินกับร้านของกินหน่อยๆ เราก็เดินดูกับเพื่อนไปเจอคุณป้าร้านนึง หน้าร้านเขียนว่า Thai tea ด้วยความอยากลองชาไทยในไต้หวัน ก็เลยเดินเข้าไปดู มีคุณป้าที่พยายามคุยกับเราเป็นภาษาจีนแล้วก็พยายามสื่อสารกับเรา กลายเป็นว่าวันนั้นไม่มีชาไทยเลยได้แต่สั่งอย่างอื่น แต่สั่งของไปไม่ได้ตามออร์เดอร์ค่ะ ขนาดเพื่อนเราสั่งเป็นภาษาจีน แล้วแพงใช้ได้ 140 บาทไทย เหมือนเคยค่ะ เพื่อนสั่งชาลาเวนเดอร์มาคือลาเวนเดอร์จริงใจมาก ไกด์บอกว่าแพนเค้กฝั่งตรงข้ามอร่อยมากนะ ต้องซื้อ เรากับเพื่อนไปยืนดูหน้าร้าน มันเป็นแพนเค้กไส้ต้นหอมค่ะ แบบใด ปกติคือไม่กินอยู่แล้วเลยผ่านดีกว่า อันนี้เป็นเอ๊ะแรกว่าทำไมไกด์เชียร์บางร้านจัง ส่วนวิวยังสวยมากเหมือนเดิม เป็นหมู่บ้านบนเขาที่มีรถไฟผ่าน มีธารน้ำสีฟ้าสวยมาก
เรากับเพื่อนท้อแล้ว แต่ก็ยังคาดหวังกับ Jiufen พอทัวร์พามาถึงวิวสวยมากๆ ค่ะเป็นตลาดบนเขาที่ฝั่งซ้ายเป็นเมืองท่าชายทะเล ฝั่งขวาเป็นหมู่บ้านที่อยู่บนเขา แต่ตอนไกด์พาเดินขึ้นนี่สับมาก ไกด์รีบเดินแล้วเรารีบเดินตามขึ้นเขาไม่พักเลย จะได้พักแค่ตอนคนสวนที่เดินไม่ได้ พอไปถึงจุดรวมตัวสุดท้าย ไกด์ก็ตะโกนคุยกับลูกทัวร์แข่งกับเด็กในทริปที่ร้องไห้งอแง แล้วตรงนั้นคนเดินขวั่กไขว่มาก ซีนวุ่นวายสุดๆ ไกด์บอกให้เดินตามมาเพราะมีที่เราต้องไปกินก่อน ไกด์พูดแบบนี้จริงๆนะคะ เราเรียนเอกอิ้ง ความหมายมันยังงี้จริงๆ เรากับเพื่อนเข้าใจว่ามีจุดหมายที่จะต้องไปก่อนปล่อยเดินเอง เลยรีบเดินตาม ไกด์ก็พาแวะชิมขนมน้ำที่เขารู้จัก แล้วก็พาเดินต่อเลย เร็วมาก เราหันไปถามเพื่อนว่า ถ้าสมมติขนมมันอร่อยขึ้นมา จะซื้อยังไง เพราะไกด์เดินเร็วมาก เดินตามไป 30 นาทีก็ยังไม่ปล่อย จนเราหันไปคุยกับเพื่อนอีกทีว่า เขาจะปล่อยเราตอนไหน เพราะเห็นร้านข้างทางน่าซื้อเยอะมาก แต่เราหยุดเดินไม่ได้ พอมาถึงร้านน้ำชาที่เขาบอกให้เราต้องไปกิน เป็นร้านน้ำชาดังๆ ที่เรฟจิบลิอะค่ะ ข้างหน้าตอนต่อแถวก็เป็นกรุ๊ปเดียวกับเรา เลยคิดว่าต้องมาถูกแล้ว สรุปพอขึ้นไป ร้านล็อคให้เราสั่งได้แต่ขนมกับเซ็ทชาค่ะ ซึ่งเเหวอ แพง แล้วเรากับเพื่อนตลอดทริปนี้ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย ไกด์บอกเราว่าจะไปกินอะไรกันที่นี่ แล้วพูดด้วยว่า ไอที่พาเดินชิมๆ นี่น่าจะประหยัดข้าวกลางวันได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าเราได้กินแต่ขนมเซ็ทเล็กๆ กับชา ซึ่งพนักงานก็วีน เหวี่ยง สอนไวๆ ดึงแก้วชาไปจากมือเรา ถามเราว่าจะเอากี่เซ็ท แต่พอบอกว่าเอาเซ็ทเดียวบอกว่าไม่ได้ มาสองคนต้องสั่งสองเซ็ท สรุปกลายเป็นว่า กินชานี้เสร็จเวลาหมดเลยค่ะ ไม่ได้เดินอะไรเลย
แล้วขากลับก็ยังมีเรื่อง น้องคนเดิมที่ร้องไห้งอแง ร้องไห้อ้อนพ่อเขาต่อในรถชั่วโมงนึงค่ะ ร้องแบบร้องกรี๊ด ดังมาก ไกด์ก็นั่งเฉยไม่ได้ทำอะไร แต่ไม่แน่ใจตรงนี้อาจจะไม่ใช่หน้าที่เขา แต่ประสบการณ์เราแย่มาก ไม่ได้พักเลยกับทัวร์นี้
ถ้าคิดว่าเรื่องซวยทริปนี้จบแล้ว มันจบแค่ทริปค่ะ เรากับเพื่อนจะไปตลาด Shilin ต่อ เพราะคิดกันว่า ไม่มีอะไรมันจะแย่ได้กว่านี้แล้ว ตอนยืนอยู่ที่สถานี มีคนพิการสไลด์รถมาหาเรากับเพื่อนค่ะ เหมือนจะมาไถเงิน เรากับเพื่อนเลยรีบเดินออกเลย ตอนไปหาข้าวกินที่ตลาด Shilin เรากับเพื่อนเลือกร้านราเมง เพราะไม่อยากสุ่มโดนอาหารลอคอลไม่อร่อยแล้ว ตอนสั่งมันต้องไปยืนกดที่ตู้สั่ง เป็นภาษาจีนล้วน มีพนง.หญิงยืนอยู่ข้างตู้ เขาก็ยืนเท้าเอวมองเรากับเพื่อนใช้แปลภาษาใช้ตู้ แล้วตอนจะจ่ายเเงิน เพื่อนเราก็เช็คว่ามันทอนมั้ย แต่ไม่มีป้ายเขียน เราเลยหันไปถามพนง. แล้วพอหันมาใส่เงิน พนง.หญิงหัวเราะใส่เราค่ะ สุดมาก ตอนกินนี่คืออึนแล้ว พอกินเสร็จกำลังกินน้ำ พนง.ชายที่เหมือนเดินเคลียร์โต๊ะเข้ามาถามเราเป็นภาษาจีนอะไรซักอย่าง เพื่อนเราบอกว่า ขอโทษที พวกเราเข้าใจแต่ภาษาอังกฤษ เขาก็เงียบ แล้วก็ถอยไปเลย ไม่พูดอะไรต่อ เราเลยบอกให้เพื่อนลุกเลย เขาน่าจะไล่แล้ว โต๊ะไม่ได้ไม่ว่างนะคะ มีโต๊ะว่างเยอะ เพื่อนบอกว่ามีคนนั่งแช่กว่าเราทำไมเขาถึงมารีบเก็บโต๊ะเรา
ต่อข้างล่าง
v
v
v
[CR] เมื่อทริปไต้หวันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด รีวิวไต้หวันฉบับคนเจอแทบทุกเรื่องแย่ๆที่จะเกิดขึ้นได้ที่ไต้หวัน
วันแรกที่ถึงไต้หวัน
รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตรวจคนเข้าเมืองกับตม. เขาไม่พูดอิ้งเลยค่ะ พูดแต่จีนใส่เรา ส่วนตม.ไม่พูดเลย ทำท่าเอา หน้าก็ตึง บอกก่อนว่าเรากับเพื่อนหน้าไม่จีนเลยนะคะ แต่เราก็ไม่ได้อะไร ก็นั่งรถไฟเข้าไทเปกับเพื่อน
ถึงที่พักย่านซีเมินติง เช็คอินรร.ก็แปลกอีกรอบค่ะ ฟรอนต์ดูเฉยๆ ไม่ยิ้มแย้ม อิ้งไม่แข็งแรง แต่ยังสื่อสารได้ พอขึ้นไปบนห้องเหวอค่ะ ห้องน้ำเป็นกระจกซีลฝ้าขุ่นๆ แต่เขาเว้นตรงพื้นไว้ ถ้ามีใครนั่งจัดกระเป๋าตรงพื้นคือเห็นหมดอะค่ะว่าเพื่อนทำธุระอะไร ฝักบัวกับก็อกอยู่นอกห้องอาบน้ำ คือถ้าจะเปิดปิดก็ต้องเดินออกมาข้างนอกแล้วลากฝักบัวเข้าไปอาบน้ำข้างในอะค่ะ งงมาก ห้องก็ไม่สะอาด พื้นยังมีเศษๆ แถมในห้องน้ำเพื่อนเราเจอขนตรงนั้นของคนพักคนก่อนอยู่ตรงท่อด้วย
ที่พักเราอยู่ติดกับเซเว่น แล้วตรงข้ามเป็นแฟมิลี่ การเอ๊ะคนไต้หวันครั้งแรกมาจากที่นี่ค่ะ เราลงไปซื้อของ พนง.พูดกับเราเป็นภาษาจีนมา พอเราพูดอิ้งสวนไป พนง.ก็ยังพูดจีนต่อค่ะ แถมตึงด้วย ก็เลยเออๆออๆไป สรุปสามวันที่มาซื้อของ แต่ตอนต่อแถวอยู่มีกลุ่มคนข้างหน้าหน้าจีนๆ แต่พูดอิ้ง พนง.คนเดิมก็พูดอิ้งนะคะ งงมากว่าแล้วทำไมไม่พูดกับเรา แล้วเป็นยังงี้กับพนง.ทุกคนค่ะ ไม่สนว่าเราพูดอิ้งสวน จนวันสุดท้ายเราช่างจะเอาไรพูดไทยไปเลยค่ะ แต่แฟมิลี่ฝั่งตรงข้ามพนง.ใจดีกับเรานะ ก็เลยยังไม่เท่าไหร่
วันที่ 2
เราเริ่มด้วยไปเที่ยวในเมืองกับเพื่อน ไปวัดหลงชานที่ดังๆ ที่หน้าวัดหลงชานมันจะมีสวนสาธารณะ คนแก่เยอะมากกกกกกก เยอะแบบ นั่งๆ นอนๆ ทุกที่ เรามองจากทรงคือคนจรจัดใช่มั้ยนะ คืออยากจะคิดว่าผู้สูงอายุมานั่งแอนจอยอากาศรึเปล่า แต่เราเห็นถุงเห็นกระเป๋าใหญ่ๆ แล้วตอนที่มาเห็นคนมาแจกข้าวฟรี คนพวกนี้มาต่อแถวเอาด้วย เลยงงรีวิวที่ว่าไม่ค่อยมีคนจรจัด อันนี้คือเยอะมากนะ เยอะกว่าสนามหลวงอีก
ต่อมาเราไปฮวาชาน ครีเอทีฟพาร์ค ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรค่ะ ของโอเค พนง.พูดอิ้งได้ ต้อนรับดี
ที่สุดท้ายของวันนี้กอนโดล่า กระเช้าขึ้นเขาค่ะ วิวเมืองสวยมากกกกกกกกกกกก อากาศดี เพื่อนเราพาไปกินร้านน้ำชาบนเขาที่ดังๆ สั่งซุปที่เป็นเมนูแนะนำ ชานมไข่มุก แล้วก็ชาร้อนมา อห คัลเจอร์ช็อค ไม่อร่อยซักอย่างค่ะ ซุปจืด มีไก่คาวๆ ตักขึ้นมา อาจจะเป็นวิธีทำไก่บ้านเขาแต่ขาไ่ก่มาเป็นเกล็ดๆเหมือนกินขาทีเร็กซ์ แล้วก็มีสมุนไพร ใส่อะไรซักอย่างที่กินแล้วเหมือนมันแกว ชาไข่มุกรสเหมือนชานมที่เราพยายามชงเองที่บ้าน เป็นนมที่มีชา ไม่มันเลย แต่ไข่มุกหนึบๆดี ส่วนชาร้อนที่มาเป็นกาหอมดีค่ะ พยายามกิน แต่สุดท้ายไม่ไหวจริงๆ ซุปจืดมาก ไก่น่ากลัว เพื่อนเราบอกว่าอย่าฝืนเลยก็เลยออกกันไปซื้อของฝากร้านไอติมแมว พนง.ดีค่ะ เดินมาแนะนำ น่ารักดี พูดอิ้งได้ด้วย ตอนกลับเรากับเพื่อนงงว่าทางเข้ากอนโดล่ากลับอยู่ตรงไหน เลยไปถามพนง.ตรงทางเข้า เรียบร้อยค่ะ โดนวีน แล้วก็เป็นภาษาจีนเหมือนเดิม บอกทางชี้ๆ เป็นภาษาจีน พูดอิ้งเป็นคำถามนะ เหมือนฟังออกแต่วีนอยู่ดี
วันที่ 3
วันนี้คือวันที่พีคที่สุด
เราอยากไปเที่ยว jiufen แต่ด้วยความที่เราเป็นวัยรุ่น มันไปยากมาก พี่ที่ทำงานเราเลยแนะนำให้ซื้อทัวร์กับแอพนึงที่จะได้ไปที่อื่นด้วย อะ โอเคค่ะ เราไปดูมาไปกับทัวร์ก็คุ้มจริง
แต่พอถึงวันจริงไปกับทัวร์คือประสบการณ์ที่เลวร้ายมากค่ะ ยืนกินอาหารเวฟรองท้องอยู่มีลุงไต้หวันเดินผ่านแล้วน้ำลายตรงหน้า เขาไม่ได้ตั้งใจน้ำลายใส่เรานะคะ เดินผ่านเราแล้วเฉยๆ แต่มันตรงหน้าเลย แล้วตั้งแต่เริ่มทัวร์มีคนมาแล้วแต่ไม่บอกไกด์ตอนเช็คชื่อ ทัวร์เลยเลทไป 15 นาที ไกด์เลยไปดุคนนั้น บรรยากาศมันเลยแย่ตั้งแต่เริ่ม พอไกด์เริ่มถามว่ามีใครอยากให้แปลจีนด้วยมั้ย ก็มีพี่สาวจีนหลังรถแย้งขึ้นมาว่าทำไมไม่พูดจีนด้วย ไกด์ก็เลยอธิบายแบบเถียงกับพี่สาวคนนั้นว่านี่มันทัวร์ภาษาอังกฤษนะ แต่ขึ้นเสียง เขาบอกว่าไม่ได้จะทะเลาะด้วยแต่แค่บอกเฉยๆ พี่สาวคนนั้นก็ไม่ฟัง เถียงไกด์ ไกด์ก็พูดว่า พูดอะไรไม่ได้ยิน มาพูดข้างหน้านี่ สุดท้ายเขาก็ลุกเดินแล้วก็ไปยืนเถียงกันเสียงดังอยู่หลังรถ เสียงมันดังขึ้นเรื่อยๆ จนในรถเริ่มกระอักกระอ่วนละ พี่สาวคนจีนก็เถียงเสียงสั่น ซักพักคนสิงคโปร์หน้ารถลุกยืนขึ้นผสมโรง เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่เราได้ยินประโยคเช่าหนี่มาในสถานการณ์จริง แล้วมีคุณพ่อคนไต้หวันห้ามคนสิงคโปร์คนนั้นให้ใจเย็นๆ (เพื่อนเราพอฟังคำจีนออก) ในทริปมันมีเด็กสามสี่คน สถานการณ์ในรถแย่มากค่ะ สุดท้ายไกด์ยอมพูดอิ้งด้วยจีนด้วย แต่ก็จะวนแซะเรื่องเวลากับเรื่องทัวร์ภาษาอังกฤษ
ด้วยความที่ทัวร์เลท ไกด์เลยพยายามรีบๆเดิน พวกน้ำตกอะไรงี้ ได้เดินๆแปปเดียวแล้วรีบไปค่ะ ด้วยความซวยของเรา เราใส่เสื้อสีเหลืองสด ผึ้งบินมาตอมค่ะ ตัวแรกตอมๆ ตัวที่สองเกาะแล้ว เพื่อนเห็นเลยรีบดีดออกให้ เราหน้าเสียเลย เพราะต้องเดินผ่านตรงนี้อีก แต่ตอนออกไม่เจออะไรค่ะ โชคดีไป เจอแต่เรื่องจริงๆ
ไปหมู่บ้านที่ให้ปล่อยโคม ตรงนี้ไม่มีอะไรค่ะ แต่ไกด์พาไปต่อคิวซื้อตั๋วหน้าเครียดๆ คุยกับพนง.ขายตั๋วแปปนึงก็บอกให้รีบๆ ขึ้นรถไฟ ไกด์เฉลยบนรถไฟว่านี่เป็นทัวร์แรกในชีวิตเขาที่ทำมาที่ขึ้นรถไฟโดยที่ไ่ม่มีตั๋วเพราะพนง.ออกตั๋วให้ไม่ทัน อห แบบใด เราต้องดีใจมั้ยที่เป็นทัวร์พิเศษ คือไกด์ไม่ได้ซื้อตั๋วไว้ก่อนเหรอ เพราะมันรวมในทริปอยู่แล้วค่ารถไฟ หรืออาจจะจองล่วงหน้าไม่ได้ อันนี้เราไม่แน่ใจ แต่แพลนไกด์แน่นมาก เราว่ามาซื้อตั๋วหน้างานเสียเวลามากนะ
นั่งรถไฟไปถึงหมู่บ้านแมว หมู่บ้านแมวเป็นที่ที่เราตั้งความหวังมาก เพราะแค่มีแมวทุกอย่างก็จะดีเอง สรุป แมวมีจริงค่ะ แต่ประมาณห้าหกตัว อ้วนมากๆ ทุกตัว แมวส้ม ส้มเว่อร์แบบไม่เจอในไทย แต่หน้าหน้าฮาไม่รับแขกมาก เหนื่อย วีน แต่จับได้นะ หมู่บ้านก็หมู่บ้านร้างๆ ผีหลอกหน่อยๆ มีคาเฟ่ ของที่ขายก็เป็นของทุกอย่างที่เกี่ยวกับแมวเฉยๆ ซึ่งไทยก็มี อีกฝั่งเป็นพิพิธภัณฑ์ถ่านหินกับร้านของกินหน่อยๆ เราก็เดินดูกับเพื่อนไปเจอคุณป้าร้านนึง หน้าร้านเขียนว่า Thai tea ด้วยความอยากลองชาไทยในไต้หวัน ก็เลยเดินเข้าไปดู มีคุณป้าที่พยายามคุยกับเราเป็นภาษาจีนแล้วก็พยายามสื่อสารกับเรา กลายเป็นว่าวันนั้นไม่มีชาไทยเลยได้แต่สั่งอย่างอื่น แต่สั่งของไปไม่ได้ตามออร์เดอร์ค่ะ ขนาดเพื่อนเราสั่งเป็นภาษาจีน แล้วแพงใช้ได้ 140 บาทไทย เหมือนเคยค่ะ เพื่อนสั่งชาลาเวนเดอร์มาคือลาเวนเดอร์จริงใจมาก ไกด์บอกว่าแพนเค้กฝั่งตรงข้ามอร่อยมากนะ ต้องซื้อ เรากับเพื่อนไปยืนดูหน้าร้าน มันเป็นแพนเค้กไส้ต้นหอมค่ะ แบบใด ปกติคือไม่กินอยู่แล้วเลยผ่านดีกว่า อันนี้เป็นเอ๊ะแรกว่าทำไมไกด์เชียร์บางร้านจัง ส่วนวิวยังสวยมากเหมือนเดิม เป็นหมู่บ้านบนเขาที่มีรถไฟผ่าน มีธารน้ำสีฟ้าสวยมาก
เรากับเพื่อนท้อแล้ว แต่ก็ยังคาดหวังกับ Jiufen พอทัวร์พามาถึงวิวสวยมากๆ ค่ะเป็นตลาดบนเขาที่ฝั่งซ้ายเป็นเมืองท่าชายทะเล ฝั่งขวาเป็นหมู่บ้านที่อยู่บนเขา แต่ตอนไกด์พาเดินขึ้นนี่สับมาก ไกด์รีบเดินแล้วเรารีบเดินตามขึ้นเขาไม่พักเลย จะได้พักแค่ตอนคนสวนที่เดินไม่ได้ พอไปถึงจุดรวมตัวสุดท้าย ไกด์ก็ตะโกนคุยกับลูกทัวร์แข่งกับเด็กในทริปที่ร้องไห้งอแง แล้วตรงนั้นคนเดินขวั่กไขว่มาก ซีนวุ่นวายสุดๆ ไกด์บอกให้เดินตามมาเพราะมีที่เราต้องไปกินก่อน ไกด์พูดแบบนี้จริงๆนะคะ เราเรียนเอกอิ้ง ความหมายมันยังงี้จริงๆ เรากับเพื่อนเข้าใจว่ามีจุดหมายที่จะต้องไปก่อนปล่อยเดินเอง เลยรีบเดินตาม ไกด์ก็พาแวะชิมขนมน้ำที่เขารู้จัก แล้วก็พาเดินต่อเลย เร็วมาก เราหันไปถามเพื่อนว่า ถ้าสมมติขนมมันอร่อยขึ้นมา จะซื้อยังไง เพราะไกด์เดินเร็วมาก เดินตามไป 30 นาทีก็ยังไม่ปล่อย จนเราหันไปคุยกับเพื่อนอีกทีว่า เขาจะปล่อยเราตอนไหน เพราะเห็นร้านข้างทางน่าซื้อเยอะมาก แต่เราหยุดเดินไม่ได้ พอมาถึงร้านน้ำชาที่เขาบอกให้เราต้องไปกิน เป็นร้านน้ำชาดังๆ ที่เรฟจิบลิอะค่ะ ข้างหน้าตอนต่อแถวก็เป็นกรุ๊ปเดียวกับเรา เลยคิดว่าต้องมาถูกแล้ว สรุปพอขึ้นไป ร้านล็อคให้เราสั่งได้แต่ขนมกับเซ็ทชาค่ะ ซึ่งเเหวอ แพง แล้วเรากับเพื่อนตลอดทริปนี้ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย ไกด์บอกเราว่าจะไปกินอะไรกันที่นี่ แล้วพูดด้วยว่า ไอที่พาเดินชิมๆ นี่น่าจะประหยัดข้าวกลางวันได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าเราได้กินแต่ขนมเซ็ทเล็กๆ กับชา ซึ่งพนักงานก็วีน เหวี่ยง สอนไวๆ ดึงแก้วชาไปจากมือเรา ถามเราว่าจะเอากี่เซ็ท แต่พอบอกว่าเอาเซ็ทเดียวบอกว่าไม่ได้ มาสองคนต้องสั่งสองเซ็ท สรุปกลายเป็นว่า กินชานี้เสร็จเวลาหมดเลยค่ะ ไม่ได้เดินอะไรเลย
แล้วขากลับก็ยังมีเรื่อง น้องคนเดิมที่ร้องไห้งอแง ร้องไห้อ้อนพ่อเขาต่อในรถชั่วโมงนึงค่ะ ร้องแบบร้องกรี๊ด ดังมาก ไกด์ก็นั่งเฉยไม่ได้ทำอะไร แต่ไม่แน่ใจตรงนี้อาจจะไม่ใช่หน้าที่เขา แต่ประสบการณ์เราแย่มาก ไม่ได้พักเลยกับทัวร์นี้
ถ้าคิดว่าเรื่องซวยทริปนี้จบแล้ว มันจบแค่ทริปค่ะ เรากับเพื่อนจะไปตลาด Shilin ต่อ เพราะคิดกันว่า ไม่มีอะไรมันจะแย่ได้กว่านี้แล้ว ตอนยืนอยู่ที่สถานี มีคนพิการสไลด์รถมาหาเรากับเพื่อนค่ะ เหมือนจะมาไถเงิน เรากับเพื่อนเลยรีบเดินออกเลย ตอนไปหาข้าวกินที่ตลาด Shilin เรากับเพื่อนเลือกร้านราเมง เพราะไม่อยากสุ่มโดนอาหารลอคอลไม่อร่อยแล้ว ตอนสั่งมันต้องไปยืนกดที่ตู้สั่ง เป็นภาษาจีนล้วน มีพนง.หญิงยืนอยู่ข้างตู้ เขาก็ยืนเท้าเอวมองเรากับเพื่อนใช้แปลภาษาใช้ตู้ แล้วตอนจะจ่ายเเงิน เพื่อนเราก็เช็คว่ามันทอนมั้ย แต่ไม่มีป้ายเขียน เราเลยหันไปถามพนง. แล้วพอหันมาใส่เงิน พนง.หญิงหัวเราะใส่เราค่ะ สุดมาก ตอนกินนี่คืออึนแล้ว พอกินเสร็จกำลังกินน้ำ พนง.ชายที่เหมือนเดินเคลียร์โต๊ะเข้ามาถามเราเป็นภาษาจีนอะไรซักอย่าง เพื่อนเราบอกว่า ขอโทษที พวกเราเข้าใจแต่ภาษาอังกฤษ เขาก็เงียบ แล้วก็ถอยไปเลย ไม่พูดอะไรต่อ เราเลยบอกให้เพื่อนลุกเลย เขาน่าจะไล่แล้ว โต๊ะไม่ได้ไม่ว่างนะคะ มีโต๊ะว่างเยอะ เพื่อนบอกว่ามีคนนั่งแช่กว่าเราทำไมเขาถึงมารีบเก็บโต๊ะเรา
ต่อข้างล่าง
v
v
v
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น