คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เป็นกำลังใจให้ จขกท. นะคะ
เรารับรู้ได้ถึงอารมณ์ หรือความรู้สึกของผู้ป่วยค่ะ
เพราะเราก็เป็นมะเร็งค่ะ ผ่าตัดครั้งแรกเอาก้อนเนื้อไปตรวจ
ตอนไปฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ หมอบอกว่าเราเป็นมะเร็งเต้านมขวา ระยะที่ 1
เราไปคนเดียวค่ะ เรารู้สึกถึงคำว่า ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เป็นอย่างไรเลยค่ะ
ตัวเราชาไปหมด เดินออกจากห้องตรวจหมอ แบบชาๆ งงๆ ลอยๆ
หมอบอกว่าจะนัดผ่าตัดด่วนให้ค่ะ (โดยผ่าตัดเอาก้อนเต้านมขวา+ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ออก)
เราคิดแต่ว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป เราจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ไปยังไง เราจะบอกแม่กับพ่อเราว่าอย่างไร
รู้สึกตัวอีกทีก็นั่งรถถึงบ้านละ เราต้องกลั้นน้ำตาไม่ให้พ่อรู้ (เพราะพ่อป่วยอยู่)
ไปบอกแม่ แม่ก็นิ่งถึงนิ่งมาก แล้วก็พูดว่า มันเป็นแล้วจะทำยังไงได้ แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
นอกจากต้องรักษาดูแลกันต่อไป
น้องมาพูดต่อว่า ผ่าตัดครั้งแรกคิดซะว่าเป็นการผ่าตัดเล็ก แล้วก็หัวเราะ
ทำให้เราคิดได้ว่า ใช่ มันเกิดขึ้นแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มันเป็นไปแล้ว ก็ต้องรักษาและดูแลกันต่อไป
หลังการผ่าตัดผ่านไป เราต้องไปรักษาต่อเนื่องที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติต่อ
พอไปถึงที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เราถึงได้รู้ว่าคนเป็นกันเยอะมาก เราไม่ได้เป็นคนเดียวที่ป่วยโรคนี้
บางคนเพิ่งผ่าตัดมาเหมือนเรา บางคนเป็นมาสิบกว่าปีละก็ยังมีลามเป็นที่อื่นอีก บางคนก็ไม่มีเกิดขึ้นอีก
บางคนเป็นใหม่แต่หนักกว่าเดิมก็มี
คนเป็นกันเยอะมาก เหมือนเป็นไข้หวัดเลย เราเลยทำใจยอมรับสภาพได้ ยิ้มได้อย่างสบายใจ
และพร้อมที่จะรับการรักษาต่อไป
ปล.ที่เล่ามานี้ เราไม่รู้ว่าจะแนะนำอย่างไร แต่เล่าความรู้สึกให้อ่านได้
อยากให้ จขกท. นำไปปรับใช้กับ ผู้ป่วย ค่ะ
ขอเป็นอีก 1 กำลังใจให้ผู้ป่วย และ จขกท. ค่ะ สู้ๆ ค่ะ
เรารับรู้ได้ถึงอารมณ์ หรือความรู้สึกของผู้ป่วยค่ะ
เพราะเราก็เป็นมะเร็งค่ะ ผ่าตัดครั้งแรกเอาก้อนเนื้อไปตรวจ
ตอนไปฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ หมอบอกว่าเราเป็นมะเร็งเต้านมขวา ระยะที่ 1
เราไปคนเดียวค่ะ เรารู้สึกถึงคำว่า ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เป็นอย่างไรเลยค่ะ
ตัวเราชาไปหมด เดินออกจากห้องตรวจหมอ แบบชาๆ งงๆ ลอยๆ
หมอบอกว่าจะนัดผ่าตัดด่วนให้ค่ะ (โดยผ่าตัดเอาก้อนเต้านมขวา+ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ออก)
เราคิดแต่ว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป เราจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ไปยังไง เราจะบอกแม่กับพ่อเราว่าอย่างไร
รู้สึกตัวอีกทีก็นั่งรถถึงบ้านละ เราต้องกลั้นน้ำตาไม่ให้พ่อรู้ (เพราะพ่อป่วยอยู่)
ไปบอกแม่ แม่ก็นิ่งถึงนิ่งมาก แล้วก็พูดว่า มันเป็นแล้วจะทำยังไงได้ แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
นอกจากต้องรักษาดูแลกันต่อไป
น้องมาพูดต่อว่า ผ่าตัดครั้งแรกคิดซะว่าเป็นการผ่าตัดเล็ก แล้วก็หัวเราะ
ทำให้เราคิดได้ว่า ใช่ มันเกิดขึ้นแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มันเป็นไปแล้ว ก็ต้องรักษาและดูแลกันต่อไป
หลังการผ่าตัดผ่านไป เราต้องไปรักษาต่อเนื่องที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติต่อ
พอไปถึงที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เราถึงได้รู้ว่าคนเป็นกันเยอะมาก เราไม่ได้เป็นคนเดียวที่ป่วยโรคนี้
บางคนเพิ่งผ่าตัดมาเหมือนเรา บางคนเป็นมาสิบกว่าปีละก็ยังมีลามเป็นที่อื่นอีก บางคนก็ไม่มีเกิดขึ้นอีก
บางคนเป็นใหม่แต่หนักกว่าเดิมก็มี
คนเป็นกันเยอะมาก เหมือนเป็นไข้หวัดเลย เราเลยทำใจยอมรับสภาพได้ ยิ้มได้อย่างสบายใจ
และพร้อมที่จะรับการรักษาต่อไป
ปล.ที่เล่ามานี้ เราไม่รู้ว่าจะแนะนำอย่างไร แต่เล่าความรู้สึกให้อ่านได้
อยากให้ จขกท. นำไปปรับใช้กับ ผู้ป่วย ค่ะ
ขอเป็นอีก 1 กำลังใจให้ผู้ป่วย และ จขกท. ค่ะ สู้ๆ ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
จะบอกญาติยังไงถ้าเค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
ถ้าบอกไปตรงๆ กลัวว่าคนป่วยจะรับไม่ได้ แล้วจะหมดกำลังใจ
จะบอกกล่าวยังไงให้ดูซอฟท์ ดูไม่น่ากลัว ให้ค่อยๆรับสภาพไปแบบค่อยเป็นค่อยไปคะ