เรื่องราว
- เราสองคนอายุรุ่นเดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน มีเงินเดือนพอกัน
- เรามีรถ มีบ้านอยู่ แต่แฟนไม่มีทั้งรถทั้งบ้าน
- แฟนเราชอบกลับบ้านพร้อมเรา ให้เราไปรับที่อีกตึกนึง (วนไปรับ3กิโลได้)
แล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านเรา (ตัวเองมีหอค่ะ แต่เป็นหอเก่าๆ ซึ่งถูกสุดในแถวนั้นแล้ว)
- แฟนเรามาอยู่ด้วย มาค้างกับเราเกือบทุกคืน มากิน มาใช้ของของเราทุกอย่าง (ไม่เคยจ่ายเลย)
- เวลาไปกินข้าวของนอก ก็จะผลัดกันจ่าย แต่เราสังเกตได้ว่า
เค้าจะไม่ค่อยมีความสุข เวลาที่กินของแพง (เหมือนไม่อยากจ่ายค่าอาหารที่ราคาสูงขนาดนั้น)
- หลังๆ เริ่มไม่ค่อยออกไปไหน อยู่แต่บ้านเรา ทำอาหารในบ้านกิน (ไม่เคยช่วยจ่ายค่าอะไรเลย?)
- ตอนเช้าไปทำงานก็มักจะต้องให้เราส่ง ซึ่งเนื้องานเค้าจะเข้าเร็วกว่าเรา
- ค่าน้ำมันไม่เคยช่วยค่ะ
- เวลาออกไปกินข้าวกับเพื่อนๆที่ทำงาน จะทำโชว์ว่าเลี้ยง (ป๋า) แต่จริงๆแล้ว คือผลัดกันเลี้ยง
ครั้งหน้า คือเราก็ต้องจ่ายอยู่ดี ซึ่งเค้าก็ไม่ได้เลี้ยง ไม่ได้เปย์เราเหมือนที่แสดงออกต่อหน้าคนอื่นค่ะ
ตัวเรา
- ไม่มีภาระอะไร
- เงินเดือนใช้อย่างเดียว เก็บบ้าง (มีรายได้จากการลงทุนอีกส่วนนึง)
คำถาม คือ
1. การที่เรามีทุกอย่าง บ้าน รถ มันเป็นข้ออ้างที่เราจะต้องซัพพอร์ตอีกฝ่ายที่มีน้อยกว่าเราหรอคะ???
-ในความเห็นเรา เราคิดว่า การที่เรามีบ้าน มีรถเนี่ย มันก็ทำให้เงินเดือน ที่เหลือในแต่ละเดือนน้อยลง เราใช้จ่ายอย่างอื่นได้น้อยลง
ในขณะที่อีกฝ่าย ไม่มีอะไรเลย ก็จะมีเงินเก็บเต็มๆ อยากจะใช้ทำอะไรก็ได้ ซึ่งมันไม่แฟร์รึป่าวคะที่มาเรียกร้องให้เราทำอะไรเพื่อเค้าขนาดนี้
2. พอเราเริ่มรำคาญ ไม่ไปรับไปส่งเค้า โดยให้เหตุผลไปแล้วว่า เราก็ต้องการสบาย มีเวลาส่วนตัวของเราบ้าง
กลายเป็นว่า เราเห็นแก่ตัว????
- เมื่อก่อนไม่มีเค้า ชีวิตเราสบายกว่านี้มากค่ะ
- เราคิดว่า ชีวิตเราตอนนี้เหมือนเป็นความสัมพันธ์แบบบวกกับลบค่ะ (แบบปรสิตที่ไปเกาะแย่งอาหารไรงี้)
เค้าเป็นบวก มีแต่ได้กับได้ เลยเคยชินและเคยตัว ถ้าไม่ได้รับการทรีตแบบเดิมก็จะหาว่าเราเห็นแก่ตัว
แต่เรานี่สิ เป็นลบ คือมีแต่เสียกับเสีย เพื่อให้เค้าสบายขึ้น เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา
3. เราบอกเลิกเค้าด้วยความจริงที่เกิดขึ้น แต่เค้าดูจะรับไม่ได้ แล้วเอาไปเล่าให้คนที่ทำงานฟัง จนตอนนี้ทุกคนมองเราแย่หมดแล้วค่ะ
ซึ่งเราไม่รู้เค้าไปเล่าอะไรบ้าง แต่ที่รู้ๆคือ คนอื่นเค้ามองเราไม่ดีแล้ว จะทำยังไงดีคะ
ตอนนี้ได้แต่เงียบ ไม่ตอบโต้ใดๆ ไม่อยากให้มากความ
4. การที่เราไม่อยากได้แฟนที่เป็นภาระเรา หรือแฟนที่แม้กระทั่งพึ่งพาตัวเองไม่ได้นี่ เราก็เห็นแก่ตัวมากหรอคะ?
- ทุกอย่างที่เรามี (มีมาก่อนมีแฟนนะคะ) แล้วเราจำเป็นต้องนำสินทรัพย์เหล่านั้นไปใช้เพื่อให้เค้าขนาดนี้หรอคะ
เห้ออ เซ็งค่ะ เจอคนแบบนี้ รบกวนทั้งเวลา ทั้งทรัพยากร และอะไรทุกๆอย่างของเรา
แต่พอสุดท้ายไม่ได้อะไรๆเหมือนเดิม ก็ดีแต่ว่าคนอื่น
ทำไมไม่รู้จักพัฒนาตัวเองบ้าง แค่ไม่เป็นภาระใคร และพึ่งพาตัวเองได้ก็น่าจะดีพอแล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โอโห ไม่คิดว่าจะได้เป็นกระทู้แนะนำที่ติดชาจอยู่บนห้องบางรัก
สำหรับบางคำถามเราก็ตอบผ่านคอมเม้นย่อยๆไปแล้ว
บางคำถามเดี๋ยวจะตอบรวมๆในโพสนี้เลยละกันนะคะ
เราเจอกันได้อย่างไร
- เราทั้งสองคนทำงานที่เดียวกันค่ะ ทำงานที่ต้องซัพพอร์ตกัน เป็นฟังก์ชั่นงานคล้ายกัน แต่ต้องทำงานร่วมกันเกือบตลอด
- เรารู้จักกันมาตั้งแต่เราเข้ามาทำงานแรกๆแล้วค่ะ
- ตอนแรก พวกเราก็ไม่ได้มีใครสนใจใคร เพราะเค้ามีแฟน และเราก็เฉยๆ ไม่ได้สนใจอะไร
- ช่วงหลัง เราทั้งสองทำงานร่วมกันมากขึ้น มีโอกาสเจอกันมากขึ้น จึงลองคุยๆกัน
- จากภายนอก หน้าตา รูปร่าง การศึกษา และตำแหน่งงานของเราทั้งสอง ถือว่าใกล้เคียงกันค่ะ
ก็เลยคิดว่า คนระดับเดียวกัน น่าจะพูดคุยกันได้ มีชีวิต ทัศนคติต่างๆที่คล้ายกัน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
-
เรารู้ค่ะ ว่าผู้ชายบ้านไม่ได้รวย ไม่มีรถและบ้านเป็นของตัวเอง ตอนนั้นคิดว่าไม่ใช่ปัญหาอะไร
ไม่มีบ้าน ไม่มีรถแล้วทำไม หน้าที่การงานเค้าก็ยังดี โตได้เรื่อยๆ วันนึงเดี๋ยวก็มีเองแหละ...แต่ใครจะรู้ล่ะคะว่า แท้จริงแล้วจะเป็นคนแบบนี้
คบกันได้ไง
- ก็จากการลองคุยมาซักพัก คิดว่าเค้าน่าจะโอเคบ้างแหละ
- คุยกัน คือ คุยแค่ในที่ทำงานบ้าง (ถ้าเจอกัน) คุยกันในไลน์ซะส่วนใหญ่
- ไปทานข้าวกันบ้าง หลายๆครั้ง ก็ดูโอเค เพราะก็ผลัดๆกันจ่าย ไม่ได้มาเกาะอะไรเรา
- ก็มีความเป็นห่วงเป็นใยอะไรกันบ้าง ดูเหมือนจะใส่ใจกัน
- สุดท้ายก็เลยลองๆคบดูละกัน
หลังจากคบกันแบบจิงจังขึ้นมาหน่อย
- ก็ตามที่เล่าไปข้างต้นเลย
- เริ่มจากให้เราไปรับที่บ้านบ่อยครั้ง ไปส่งตลอด และรถติดมากกกก็ยังเรียกให้ไป เราก็เริ่มติดลบในใจ
- ให้ไปส่งที่ทำงาน ไปรับ พาไปกินข้าวโน่นนี่ตลอด
เราเริ่มมาติดลบมากๆครั้งนึงตอนที่เราบอกให้เค้ามาเอง เพราะเราไม่ว่างไปรีบ ติดธุระอื่นค่ะ
เค้าก็ตอบว่าไม่เป็นไร รอได้ ซึ่งถ้าเราวนไปรับเนี่ย ก็ประมาณสามสิบโลค่ะ วนกลับมาที่ที่จะเจอกันอีก สิบห้าโล
เราก็ถามเค้าว่า มันอ้อมไปมั้ย ก็เจอกันครึ่งทางสิ ไม่งั้นก็ไม่ต้องเจอ จะเจอก็ออกมาเองละกัน
สุกท้ายเค้าก็ออกมาค่ะ นั่งแท็กซี่มา มาถึงก็บ่นค่ะว่าค่าแท็กซี่ตั้งร้อยกว่าบาท...
(เราก็คิดในใจ อืมม ให้กรูไปรับนี่ค่าน้ำมันกรูเท่าไหร่วะ อ้อมไปอ้อมมาเสียเวลาอีก แม่มม)
ตั้งแต่นั้นมาคือติดลบหนักมากจริงๆ สะสมอยู่ในใจเรื่อยมา
- ตอนแรกชอบว่า เราใช้ของแพง แต่พอมาเห็นของที่เราใช้ในบ้านก็อยากได้บ้างค่ะ
เริ่มพูดลอยๆว่าอยากได้ของแบรนเนม (ซึ่งเราใช้เป็นปกติอยู่แล้ว..เห็นเรามีเลยอยากมีบ้าง)
แต่ปัจจุบันตัวผู้ชายเองก็ใช้ของปลอมอยู่ แล้วพูดเหมือนจะให้เราซื้อของแท้ให้ เราก็เฉยๆ รับฟังแต่ไม่ใส่ใจ
- เราเป็นของชอบออกไปทานข้าวนอกบ้านค่ะ แต่ท่าทางเค้าจะไม่ค่อยชอบ หลังๆเลยไม่ค่อยไปไหน
เราก็เบื่อค่ะ เพราะมันคนละไลฟ์สไลต์จริงๆ คงคบกันไม่ได้นานแน่ๆ
(แต่ตอนแรกๆที่ยังไม่คบกันก็ตามใจเรานะคะ เราอยากไปก็ไปตลอด)
- ถ้าเราไม่ออกไปไหน เราจะชอบอ่านหนังสือของเราไปเรื่อยเปื่อย
แต่พอเค้ามาอยู่กับเรา จะชอบเปิดทีวีเสียงดัง ซึ่งเราไม่ชอบเลยค่ะ บอกแล้วก็ยังทำอีก เลยรับไม่ได้อีกเรื่อง
เรื่องอนาคตของเขา
- ตัวเค้าก็มีอนาคตตาม career path ที่ชัดเจนค่ะ มาทำงานสายนี้ โตไวอยู่แล้ว
ไม่ใช่คนไม่มีอนาคตค่ะ อนาคตมี แต่แค่...มีแล้วเก็บคนเดียวค่ะ ไม่คิดจะแชร์อะไร
- อีกไม่นานคงจะซื้อบ้าน ซื้อรถมั้งคะ
- เงินคงมีเก็บเยอะมาก เพราะเดือนๆนึงใช้ไม่ถึงหมื่นบาทเลยค่ะ ห้าพันก็ไม่รู้ถึงรึป่าว (ตอนที่อยู่กับเรา)
เงินเดือน70k+นะคะ โบนัสอีกค่ะ เก็บเต็มๆนาจาาาาา
ร่ำรวยเงินทองตัวเอง แต่เบียดเบียนคนอื่นคงมีความสุขดีสินะ
ก็นั่นแหละค่ะ เราว่าเค้าก็งกเกินไป เรารับไม่ได้ เราเลยบอกเลิกตรงๆ
เราเหนื่อย เราชีวิตแย่ลง เราไม่มีความสุข เราจะคบทำไม
เค้าก็ว่าเราเห็นแก่ตัว
แล้วยังไปเล่าให้คนอื่นฟังว่า เราเห็นแก่ตัว ไม่เคยช่วยเค้าจ่ายค่าอาหารเลย? เค้าเลี้ยงเราตลอด!?
(อันนี้มีพี่คนนึงมาบอก คือ ก็งงว่า what?!)
ตอนนี้ถ้ามีใครมาถามเรา เราก็เล่าตามข้อเท็จจริง และมุมมองเราค่ะ
ใครจะเชือใคร ไม่เชื่อใคร เราก็บังคับอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แล้วแต่ค่ะ
เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอกค่ะ
มองภายนอกมันดูไม่ออกจริงๆ
ถ่าเรื่องนี้เปลี่ยนจากเราเป็นผู้ชายแล้วอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง
ก็คงแตกเป็นสองความเห็นจริงๆอย่างอย่างที่บางความเห็นว่าไว้
1. เรื่องปกติ
2. แย่
ซึ่งเราเองก็มองว่าแย่นะคะ ถ้าผู้หญิงที่มีงานมีการทำ แต่คิดจะเอาเปรียบผู้ชายแบบนี้
แต่ถ้าไปรับส่งอะไรแบบนี้ ก็อาจจะยังพอเข้าใจได้ว่า เป็นผู้ชายต้องดูแลผู้หญิงนิดนึง
แต่ถ้าต้องเลี้ยงข้าวตลอด หรือจ่ายทุกอย่างเลย ทั้งๆที่เงินเดือนเท่าๆกัน คงไม่โอเคมั้งคะ
เลิกกับแฟนเพราะปัญหาเรื่องเงิน: โดนประนามว่าเห็นแก่ตัว???
- เราสองคนอายุรุ่นเดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน มีเงินเดือนพอกัน
- เรามีรถ มีบ้านอยู่ แต่แฟนไม่มีทั้งรถทั้งบ้าน
- แฟนเราชอบกลับบ้านพร้อมเรา ให้เราไปรับที่อีกตึกนึง (วนไปรับ3กิโลได้)
แล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านเรา (ตัวเองมีหอค่ะ แต่เป็นหอเก่าๆ ซึ่งถูกสุดในแถวนั้นแล้ว)
- แฟนเรามาอยู่ด้วย มาค้างกับเราเกือบทุกคืน มากิน มาใช้ของของเราทุกอย่าง (ไม่เคยจ่ายเลย)
- เวลาไปกินข้าวของนอก ก็จะผลัดกันจ่าย แต่เราสังเกตได้ว่า
เค้าจะไม่ค่อยมีความสุข เวลาที่กินของแพง (เหมือนไม่อยากจ่ายค่าอาหารที่ราคาสูงขนาดนั้น)
- หลังๆ เริ่มไม่ค่อยออกไปไหน อยู่แต่บ้านเรา ทำอาหารในบ้านกิน (ไม่เคยช่วยจ่ายค่าอะไรเลย?)
- ตอนเช้าไปทำงานก็มักจะต้องให้เราส่ง ซึ่งเนื้องานเค้าจะเข้าเร็วกว่าเรา
- ค่าน้ำมันไม่เคยช่วยค่ะ
- เวลาออกไปกินข้าวกับเพื่อนๆที่ทำงาน จะทำโชว์ว่าเลี้ยง (ป๋า) แต่จริงๆแล้ว คือผลัดกันเลี้ยง
ครั้งหน้า คือเราก็ต้องจ่ายอยู่ดี ซึ่งเค้าก็ไม่ได้เลี้ยง ไม่ได้เปย์เราเหมือนที่แสดงออกต่อหน้าคนอื่นค่ะ
ตัวเรา
- ไม่มีภาระอะไร
- เงินเดือนใช้อย่างเดียว เก็บบ้าง (มีรายได้จากการลงทุนอีกส่วนนึง)
คำถาม คือ
1. การที่เรามีทุกอย่าง บ้าน รถ มันเป็นข้ออ้างที่เราจะต้องซัพพอร์ตอีกฝ่ายที่มีน้อยกว่าเราหรอคะ???
-ในความเห็นเรา เราคิดว่า การที่เรามีบ้าน มีรถเนี่ย มันก็ทำให้เงินเดือน ที่เหลือในแต่ละเดือนน้อยลง เราใช้จ่ายอย่างอื่นได้น้อยลง
ในขณะที่อีกฝ่าย ไม่มีอะไรเลย ก็จะมีเงินเก็บเต็มๆ อยากจะใช้ทำอะไรก็ได้ ซึ่งมันไม่แฟร์รึป่าวคะที่มาเรียกร้องให้เราทำอะไรเพื่อเค้าขนาดนี้
2. พอเราเริ่มรำคาญ ไม่ไปรับไปส่งเค้า โดยให้เหตุผลไปแล้วว่า เราก็ต้องการสบาย มีเวลาส่วนตัวของเราบ้าง
กลายเป็นว่า เราเห็นแก่ตัว????
- เมื่อก่อนไม่มีเค้า ชีวิตเราสบายกว่านี้มากค่ะ
- เราคิดว่า ชีวิตเราตอนนี้เหมือนเป็นความสัมพันธ์แบบบวกกับลบค่ะ (แบบปรสิตที่ไปเกาะแย่งอาหารไรงี้)
เค้าเป็นบวก มีแต่ได้กับได้ เลยเคยชินและเคยตัว ถ้าไม่ได้รับการทรีตแบบเดิมก็จะหาว่าเราเห็นแก่ตัว
แต่เรานี่สิ เป็นลบ คือมีแต่เสียกับเสีย เพื่อให้เค้าสบายขึ้น เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา
3. เราบอกเลิกเค้าด้วยความจริงที่เกิดขึ้น แต่เค้าดูจะรับไม่ได้ แล้วเอาไปเล่าให้คนที่ทำงานฟัง จนตอนนี้ทุกคนมองเราแย่หมดแล้วค่ะ
ซึ่งเราไม่รู้เค้าไปเล่าอะไรบ้าง แต่ที่รู้ๆคือ คนอื่นเค้ามองเราไม่ดีแล้ว จะทำยังไงดีคะ
ตอนนี้ได้แต่เงียบ ไม่ตอบโต้ใดๆ ไม่อยากให้มากความ
4. การที่เราไม่อยากได้แฟนที่เป็นภาระเรา หรือแฟนที่แม้กระทั่งพึ่งพาตัวเองไม่ได้นี่ เราก็เห็นแก่ตัวมากหรอคะ?
- ทุกอย่างที่เรามี (มีมาก่อนมีแฟนนะคะ) แล้วเราจำเป็นต้องนำสินทรัพย์เหล่านั้นไปใช้เพื่อให้เค้าขนาดนี้หรอคะ
เห้ออ เซ็งค่ะ เจอคนแบบนี้ รบกวนทั้งเวลา ทั้งทรัพยากร และอะไรทุกๆอย่างของเรา
แต่พอสุดท้ายไม่ได้อะไรๆเหมือนเดิม ก็ดีแต่ว่าคนอื่น
ทำไมไม่รู้จักพัฒนาตัวเองบ้าง แค่ไม่เป็นภาระใคร และพึ่งพาตัวเองได้ก็น่าจะดีพอแล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โอโห ไม่คิดว่าจะได้เป็นกระทู้แนะนำที่ติดชาจอยู่บนห้องบางรัก
สำหรับบางคำถามเราก็ตอบผ่านคอมเม้นย่อยๆไปแล้ว
บางคำถามเดี๋ยวจะตอบรวมๆในโพสนี้เลยละกันนะคะ
เราเจอกันได้อย่างไร
- เราทั้งสองคนทำงานที่เดียวกันค่ะ ทำงานที่ต้องซัพพอร์ตกัน เป็นฟังก์ชั่นงานคล้ายกัน แต่ต้องทำงานร่วมกันเกือบตลอด
- เรารู้จักกันมาตั้งแต่เราเข้ามาทำงานแรกๆแล้วค่ะ
- ตอนแรก พวกเราก็ไม่ได้มีใครสนใจใคร เพราะเค้ามีแฟน และเราก็เฉยๆ ไม่ได้สนใจอะไร
- ช่วงหลัง เราทั้งสองทำงานร่วมกันมากขึ้น มีโอกาสเจอกันมากขึ้น จึงลองคุยๆกัน
- จากภายนอก หน้าตา รูปร่าง การศึกษา และตำแหน่งงานของเราทั้งสอง ถือว่าใกล้เคียงกันค่ะ
ก็เลยคิดว่า คนระดับเดียวกัน น่าจะพูดคุยกันได้ มีชีวิต ทัศนคติต่างๆที่คล้ายกัน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
- เรารู้ค่ะ ว่าผู้ชายบ้านไม่ได้รวย ไม่มีรถและบ้านเป็นของตัวเอง ตอนนั้นคิดว่าไม่ใช่ปัญหาอะไร
ไม่มีบ้าน ไม่มีรถแล้วทำไม หน้าที่การงานเค้าก็ยังดี โตได้เรื่อยๆ วันนึงเดี๋ยวก็มีเองแหละ...แต่ใครจะรู้ล่ะคะว่า แท้จริงแล้วจะเป็นคนแบบนี้
คบกันได้ไง
- ก็จากการลองคุยมาซักพัก คิดว่าเค้าน่าจะโอเคบ้างแหละ
- คุยกัน คือ คุยแค่ในที่ทำงานบ้าง (ถ้าเจอกัน) คุยกันในไลน์ซะส่วนใหญ่
- ไปทานข้าวกันบ้าง หลายๆครั้ง ก็ดูโอเค เพราะก็ผลัดๆกันจ่าย ไม่ได้มาเกาะอะไรเรา
- ก็มีความเป็นห่วงเป็นใยอะไรกันบ้าง ดูเหมือนจะใส่ใจกัน
- สุดท้ายก็เลยลองๆคบดูละกัน
หลังจากคบกันแบบจิงจังขึ้นมาหน่อย
- ก็ตามที่เล่าไปข้างต้นเลย
- เริ่มจากให้เราไปรับที่บ้านบ่อยครั้ง ไปส่งตลอด และรถติดมากกกก็ยังเรียกให้ไป เราก็เริ่มติดลบในใจ
- ให้ไปส่งที่ทำงาน ไปรับ พาไปกินข้าวโน่นนี่ตลอด
เราเริ่มมาติดลบมากๆครั้งนึงตอนที่เราบอกให้เค้ามาเอง เพราะเราไม่ว่างไปรีบ ติดธุระอื่นค่ะ
เค้าก็ตอบว่าไม่เป็นไร รอได้ ซึ่งถ้าเราวนไปรับเนี่ย ก็ประมาณสามสิบโลค่ะ วนกลับมาที่ที่จะเจอกันอีก สิบห้าโล
เราก็ถามเค้าว่า มันอ้อมไปมั้ย ก็เจอกันครึ่งทางสิ ไม่งั้นก็ไม่ต้องเจอ จะเจอก็ออกมาเองละกัน
สุกท้ายเค้าก็ออกมาค่ะ นั่งแท็กซี่มา มาถึงก็บ่นค่ะว่าค่าแท็กซี่ตั้งร้อยกว่าบาท...
(เราก็คิดในใจ อืมม ให้กรูไปรับนี่ค่าน้ำมันกรูเท่าไหร่วะ อ้อมไปอ้อมมาเสียเวลาอีก แม่มม)
ตั้งแต่นั้นมาคือติดลบหนักมากจริงๆ สะสมอยู่ในใจเรื่อยมา
- ตอนแรกชอบว่า เราใช้ของแพง แต่พอมาเห็นของที่เราใช้ในบ้านก็อยากได้บ้างค่ะ
เริ่มพูดลอยๆว่าอยากได้ของแบรนเนม (ซึ่งเราใช้เป็นปกติอยู่แล้ว..เห็นเรามีเลยอยากมีบ้าง)
แต่ปัจจุบันตัวผู้ชายเองก็ใช้ของปลอมอยู่ แล้วพูดเหมือนจะให้เราซื้อของแท้ให้ เราก็เฉยๆ รับฟังแต่ไม่ใส่ใจ
- เราเป็นของชอบออกไปทานข้าวนอกบ้านค่ะ แต่ท่าทางเค้าจะไม่ค่อยชอบ หลังๆเลยไม่ค่อยไปไหน
เราก็เบื่อค่ะ เพราะมันคนละไลฟ์สไลต์จริงๆ คงคบกันไม่ได้นานแน่ๆ
(แต่ตอนแรกๆที่ยังไม่คบกันก็ตามใจเรานะคะ เราอยากไปก็ไปตลอด)
- ถ้าเราไม่ออกไปไหน เราจะชอบอ่านหนังสือของเราไปเรื่อยเปื่อย
แต่พอเค้ามาอยู่กับเรา จะชอบเปิดทีวีเสียงดัง ซึ่งเราไม่ชอบเลยค่ะ บอกแล้วก็ยังทำอีก เลยรับไม่ได้อีกเรื่อง
เรื่องอนาคตของเขา
- ตัวเค้าก็มีอนาคตตาม career path ที่ชัดเจนค่ะ มาทำงานสายนี้ โตไวอยู่แล้ว
ไม่ใช่คนไม่มีอนาคตค่ะ อนาคตมี แต่แค่...มีแล้วเก็บคนเดียวค่ะ ไม่คิดจะแชร์อะไร
- อีกไม่นานคงจะซื้อบ้าน ซื้อรถมั้งคะ
- เงินคงมีเก็บเยอะมาก เพราะเดือนๆนึงใช้ไม่ถึงหมื่นบาทเลยค่ะ ห้าพันก็ไม่รู้ถึงรึป่าว (ตอนที่อยู่กับเรา)
เงินเดือน70k+นะคะ โบนัสอีกค่ะ เก็บเต็มๆนาจาาาาา
ร่ำรวยเงินทองตัวเอง แต่เบียดเบียนคนอื่นคงมีความสุขดีสินะ
ก็นั่นแหละค่ะ เราว่าเค้าก็งกเกินไป เรารับไม่ได้ เราเลยบอกเลิกตรงๆ
เราเหนื่อย เราชีวิตแย่ลง เราไม่มีความสุข เราจะคบทำไม
เค้าก็ว่าเราเห็นแก่ตัว
แล้วยังไปเล่าให้คนอื่นฟังว่า เราเห็นแก่ตัว ไม่เคยช่วยเค้าจ่ายค่าอาหารเลย? เค้าเลี้ยงเราตลอด!?
(อันนี้มีพี่คนนึงมาบอก คือ ก็งงว่า what?!)
ตอนนี้ถ้ามีใครมาถามเรา เราก็เล่าตามข้อเท็จจริง และมุมมองเราค่ะ
ใครจะเชือใคร ไม่เชื่อใคร เราก็บังคับอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แล้วแต่ค่ะ
เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอกค่ะ
มองภายนอกมันดูไม่ออกจริงๆ
ถ่าเรื่องนี้เปลี่ยนจากเราเป็นผู้ชายแล้วอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง
ก็คงแตกเป็นสองความเห็นจริงๆอย่างอย่างที่บางความเห็นว่าไว้
1. เรื่องปกติ
2. แย่
ซึ่งเราเองก็มองว่าแย่นะคะ ถ้าผู้หญิงที่มีงานมีการทำ แต่คิดจะเอาเปรียบผู้ชายแบบนี้
แต่ถ้าไปรับส่งอะไรแบบนี้ ก็อาจจะยังพอเข้าใจได้ว่า เป็นผู้ชายต้องดูแลผู้หญิงนิดนึง
แต่ถ้าต้องเลี้ยงข้าวตลอด หรือจ่ายทุกอย่างเลย ทั้งๆที่เงินเดือนเท่าๆกัน คงไม่โอเคมั้งคะ