สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ตั้งใจมารีวิวมากเนื่องจากการได้ไปน่านครั้งนี้มีความประทับใจมาก   ซึ่งตอนแรกๆ ก็ไม่ได้คาดหวังกับเมืองน่านมากเท่าไร  แต่พอได้ ไปจริงๆมันเกินที่ความคาดหวังมาก แบบว่าตกหลุมรักเลยครับ ^^  ที่จริงผมไปตั้งแต่ 4-6 มีนาคม 59 ที่ผ่านมา แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้มารีวิวเนื่องจากกระทู้ผมมีปัญหานิดหน่อยครับ



กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่มารีวิว ภาษาหรือสำนวนอาจจะไม่ค่อยเป๊ะเท่าไร แต่ก็จะพยามเขียนให้เข้าใจมากที่สุด เริ่มจากที่ผมอยากเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เลยคุยกับเพื่อนอยากไปในที่ที่คนไปไม่เยอะไม่วุ่นวายแบบได้ไปเที่ยวจริงๆ  ไม่ได้ไปแย่งกันกินกันใช้  ที่สำคัญคือใช้งบน้อย ผมเคยอ่านทั้งรีวิว และที่เที่ยวต่างๆผมว่าน่านเป็นอะไรที่ลงตัวมาก น่าจะใช้งบไม่เยอะตรงจุดดี   เพื่อนก็เห็นดีเห็นงามด้วยเข้าท่า  เดินทางง่ายด้วย คือผมกับเพื่อนเป็นคนเชียงราย แต่ผมมาทำงานที่กรุงเทพ  ส่วนเพื่อนผมอยู่ที่อยู่เชียงรายพอเห็นด้วยเริ่มหาข้อมูล ทั้งที่พัก ที่เทียว  ที่คิด ไว้คร่าวๆคือจะไปไหว้พระในเมืองน่าน แล้วก็จะไปกางเต็นท์นอนที่ดอยเสมอดาว เราจึงตกลงกันตั้งชื่อทริปนี้ว่า “กระซิบรัก เสมอดาว ณ น่าน “ ในทริปนี้มีทั้งหมด 3 คนครับ K สาวเจียงฮาย W ผมเองครับ และ G เพื่อนที่ทำงานครับ

4/3/59
เริ่มต้นเดินทาง
K ออกมาจากเชียงรายช่วงสายๆครับ โดยขึ้นรถตู้หนานคำจากบขส.ใหม่มาลงที่แพร่ และต่อรถตู้จากแพร่มาน่านอีกที K ถึงน่านช่วงเย็นพอดี เลยเข้าที่พักเลย K บอกว่าเที่ยวพร้อมกันดีกว่า ส่วนผมเลิกงาน5โมงเย็นรีบอาบน้ำแบกกระเป๋าขึ้นบีทีเอสไปหมอชิต  ผมเดินทางออกจากกทม โดยรถทัวร์ของสมบัติทัวร์รอบ 20.30  ขึ้นรถที่หมอชิตครับ G เกือบตกรถเนื่องจากงานเข้าและงานยุ่งมาก แต่ยังดีที่มาทัน เกือบได้เดินทางคนเดียวแล้วไงละ หึหึ

5/3/59
ถึงน่านแล้ว



ผมถึงน่านเวลาประมาณ 6โมงเช้าครับ อากาศดีเย็นๆมีหมอกด้วยครับ ผมให้เพื่อนส่ง location เพื่อที่จะไปกินอาหารเช้ากันที่นั่น ดูระยะทางแล้วไม่ไกลครับ เดินดีกว่าอากาศก็ไม่ร้อน เกสเฮ้าส์ที่ K พักอยู่คือ Sudrit Arts Gallery Cafe & Guesthouse ครับ เปิดแต่เช้าเลยครับ ผมสั่งอาหารเช้าไปอร่อยดีครับ สำหรับคอกาแฟผมแนะนำที่นี่เลยครับ เพื่อนผมบอกว่ากาแฟอร่อยดี  กาแฟเข้มข้นและหอมมาก มีกาแฟดริปด้วยครับ ผมไม่ใช่คอกาแฟเลยไม่รู้ว่ารสชาติกาแฟแบบไหนที่อร่อย บรรยากาศที่นี้ถือว่าดีมาก รอบๆบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ มีงานศิลปะให้ชมด้วยครับ





ก่อนที่จะไปไหนต่อไหนอันดับแรกต้องมียานพาหนะ ซึ่งเราอยากจะเช่าจักรยานกัน เลยถามที่เกสเฮ้าส์ว่ามีให้เช่าไหม พี่เค้าบอกให้เราไปยืมที่ อพท.น่าน  (สำนักงานพื่นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน) ซึ่งยืมฟรี อยู่หน้าปากซอยเกสเฮ้าส์เลยครับ  ใช้แค่บัตรประชาชาชนใบเดียว เราก็ได้จักรยานมาคนละคัน ขอแผนที่จากอพท.มาด้วยครับ  ถึงเวลาปั่นแล้วลุย!!!



วัดมิ่งเมือง ศาลหลักเมือง
ที่แรกของเราคือ วัดมิ่งเมืองครับ มีศาลหลักเมืองด้วยครับ ตัววัดเป็นสีขาวสะอาดตาสวยครับ ด้วยความที่เราเพิ่งงงๆกับการใช้กล้องเลยเก็บรูปที่นี่มานิดเดียว









วัดภูมินทร์
ใครที่มาเมืองน่านจะพลาดวัดภูมินทร์ไม่ได้ครับ ด้วยจิตรกรรมฝาผนังของทางล้านนาที่ขึ้นชื่อ “ ปู่ม่าน ย่าม่าน” หรือกระซิบรักบรรลือโลก ครับ ผู้ชายสมัยก่อนจะนิยมสักยันต์ดังที่เห็นในภาพครับ และยังมีภาพอื่นๆที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมของชาวล้านนาในอดีต นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์หันหน้าออก













พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
อยู่ตรงข้ามกับวัดภูมินทร์ ข้างในพิพิธภัณฑ์ก็จะมีพวกโบราณวัตถุครับ ตอนที่เข้าไปอยู่ในช่วงปรับปรุงซ่อมแซมอาคารชั้นบนครับ เลยทำให้ไม่เสียค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ เราเลยออกมาถ่ายรูปเล่นกันข้างหน้าพิพิธภัณฑ์ตรงทางเดินต้นลีลาวดี มีคนมาถ่ายทั้งพรีเวดดิ้งและถ่ายรูปรับปริญญาครับ





จากนั้นพวกเราก็ปั่นจักรยานรอบๆบริเวณตัวเมืองน่านครับ ผมชอบเมืองน่านมากครับเต็มไปด้วยวัดวาอาราม มีหลายวัดที่พวกเราไปแต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ครับ จากนั้นไปสะดุดตาที่ข้างๆบ้านหลังหนึ่ง เห็นวิวสวยดีเลยแวะถ่ายรูปกันอีกเช่นเคย







มารู้ทีหลังว่าตรงนี้คือคุ้มเจ้าราชบุตรครับ ^^


พอช่วงบ่ายฤกษ์งามยามดีที่จะเดินทางต่อไปที่ดอยเสมอดาวครับ พวกเรากลับไปที่เกสเฮ้าส์ที่ K พักอยู่เพื่อเช่ามอเตอร์ไซค์ครับ ได้มา 1 คัน และเช่าฝั่งตรงข้ามอีก 1 คันครับ เรามุ่งหน้าสู่ดอยเสมอดาวครับ ช่วงบ่ายอากาศร้อนดีครับ เราแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มเวียงสา และต่อขี่มอเตอร์ไซค์ไปจนถึงดอยเสมอดาว ถามว่ารู้ทางมั้ย ไม่ครับ เปิด GPS ดูตลอดทางครับ ระยะทางถือว่าไกลพอสมควรครับ สองฝั่งทางต้นไม้เต็มไปหมด อากาศดีครับ พอถึงดอยเสมอดาวเราติดต่อเช่าเต็นท์ ถุงนอน และเตาครับ เราจะกินหมูกระทะกัน 55 เรามีเวลาเหลือเยอะเนื่องจากมาถึงไว เจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำให้ไปที่ "ผาชู้" ครับ ซึ่งไม่ไกลจากดอยเสมอดาว งั้นเราไปกันเถอะ









ดอยเสมอดาว
กลับมาที่ดอยเสมอดาวมาดูพระอาทิตย์ตกดินครับ อากาศยามเย็นและแสงแดดอ่อนๆรำไร ไปถ่ายรูปเล่นกันเถอะ















มาดอยเสมอดาวต้องกินหมูกระทะ นะครับ 55
เริ่มต้นด้วยการก่อไฟ นี่ก่อไฟหรือกำลังเผาตัวเองครับ





แล้วดาวอยู่ไหนละ ไหนละดาว 555 ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งช่วงนั้นเองทางภาคเหนือกำลังเริ่มมีปัญหาหมอกควัน ทำให้อาจมองไม่เห็นดาวได้สักเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรครับ ตอนกลางคืนอากาศเย็นสบายไม่หนาวมากครับ หลังจากที่กินหมูกระทะเสร็จกันก็ไปอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนครับ พรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่


6/3/59
พวกเรารีบตื่นกันแต่เช้าตรู่ครับเพื่อนที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ อากาศช่วงเช้าดีมากกครับหมองบางๆ ไม่หนาวมาก













เวลาก็สายมากแล้ว แต่ด้วยหมอกควันที่ปกคลุมทำให้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นช้า พวกเราตัดสินใจเก็บของและเดินทางกลับเมืองน่านกันครับ ต้องรีบทำเวลาครับเนื่องจาก K ต้องกลับเชียงรายซึ่งรถรอบสุดท้ายที่ไปแพร่คือบ่ายสอง แล้วต้องต่อจากแพร่กลับเชียงรายอีกรอบ ขากลับพวกเราแวะที่ เสาดินนาน้อย ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี





วัดพระธาตุเขาน้อย
วัดพระธาตุเขาน้อยตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย สามารถมองเห็นวิวรอบตัวเมืองน่าน ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน เป็นพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ครับ







Sudrit Arts Gallery Cafe & Guesthouse
ทีแรกตั้งใจจะไปร้านกาแฟที่กาดน่าน แต่พอไปถึงแล้วปิดเราก็กลับมาที่เดิมครับที่สุดฤทธิ์ อย่างที่ได้บอกไว้ว่าที่นี่บรรยากาศดีเลยเก็บภาพรอบๆร้านมาฝากครับ





















เวลาประมาณบ่ายโมงกว่าผมไปส่ง K ที่บขสเพื่อขึ้นรถไปแพร่ ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายครับ ผมกลับมาที่เกสเฮ้าส์เหมือนเดิม น้องโอ๊คซึ่งอยู่ที่ร้านชวนผมเล่นหุ่นยนต์ด้วย เอาไงเอากันเล่นก็เล่น 555 ก่อนที่ผมจะกลับกรุงเทพซึ่งได้รถรอบทุ่มกว่า จึงได้บอกลาน้อง น้องมองด้วยสายตาละห้อยเหมือนจะร้องไห้ ผมเลยบอกน้องว่าเอางี้เดี๋ยวไว้คราวหน้าพี่จะมาใหม่แล้วจำพี่ให้ได้ด้วยนะ น้องบอกใส่หมวกใส่เสื้อกระเหรี่ยงมาเหมือนเดิมต้องจำได้แน่นอน 555 งั้นพี่ไปกลับกรุงเทพก่อนะครับ บ๊าย บาย

ก่อนกลับเราไปเดินถนนคนเดินกันดีกว่า พิกัดอยู่หน้าวัดภูมินทร์ครับ มาช่วงนี้ต้องกินผลไม้ของภาคเหนือ นั่นคือมะหลอดนั่นเอง รสชาติเปรี้ยวอร่อยดีครับ เพื่อนผมติดใจเพราะที่บ้านเค้าไม่มี  เราซื้ออาหารมาก็เยอะพอสมควรครับ ตรงลานหน้าวัดจะมีขันโตกตั้งไว เราก็ซื้ออาหารไปนั่งกินกันได้ครับ ที่นี่รณรงค์ไม่ใช้โฟมครับ