อบายมุข 6
เป็นหลักคำสอนที่จัดอยู่ในสมุทัย (ธรรมที่ควรละ) หมายถึง หนทางหรือช่องทางแห่งความเสื่อมและความพินาศของทรัพย์สมบัติและตนเอง พระพุทธศาสนาได้แสดงหนทางแห่งความเสื่อมและความพินาศไว้ 6 ประการ เรียกว่า อบายมุข 6 ได้แก่
1.การชอบเที่ยวกลางคืน หมายถึง การเที่ยวผับ บาร์ หรือสถายเริงอารมณ์อื่นๆในเวลาวิกาล หรือเวลากลางคืน การชอบเที่ยวกลางคืนมีโทษดังนี้
1.1 ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ขาดความอบอุ่น 1.2 สิ้นเปลืองเงินทอง
2.การชอบเที่ยวดูการละเล่น หมายถึง มีการละเล่นอะไร ที่ไหน เป็นต้องไปดูทุกครั้ง ดูอย่างพร่ำเพรื่อ เกินความจำเป็น มีโทษต่างๆดังนี้
2.1 รำที่ไหน ไปที่นั่น 2.2 ขับร้องที่ไหน ไปที่นั่น
3.การเป็นนักเลงสุรา หมายถึง การติดสุราและของมึนเมาต่างๆ ผู้ที่ติสิ่งเหล่านี้จะต้องดื่มและเสพเป็นประจำ ถือว่าเป็นภัยร้ายแรง เท่ากับตกนรกทั้งเป็น การเป็นนักเลงสุรา มีโทษดังนี้
3.1 ทำให้เสียทรัพย์สิน 3.2 ทำให้เสียสุขภาพและเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ เช่นมะเร็.ตับ พิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น
4.การเป็นนักเลงการพนัน หมายถึง การชอบเล่นการพนันขันต่อมีได้เสีย เช่น เล่นไพ่ เล่นหวย จนถึงขั้นที่เรียกว่า ผีพนันเข้าสิง การเป็นนักเลงการพนันมีโทษดังนี้
4.1 เป็นหนทางของการก่อเวรซึ่งกันและกัน 4.2 ทำให้เสียทรัพย์สิน
5.การเกียจคร้านทำการงาน หมายถึง การไม่ขยันทำงานตามเวลาและหน้าที่รับผิดชอบ ปล่อยการงานให้คั่งค้าง เหมือน ดินพอกหางหมู จะได้รับโทษดังนี้
5.1 หาความเจริญรุ่งเรืองไม่ได้ 5.2 เป็นคนที่หมดค่าของความเป็นคน ทั้งนี้เพราะ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน
6.การคบคนชั่วเป็นมิตร หมายถึง การร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมเที่ยว ร่วมพวกหรือไปหาสู่กับคนชั่ว ผู้ที่คบคนชั่วมิตรจึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย อีกทั้งอาจจะนำความเดือดร้อนอื่นๆมาสู่ตน เองและครอบครัวได้
อบายมุข 6 หนทางแห่งความเสื่อม
เป็นหลักคำสอนที่จัดอยู่ในสมุทัย (ธรรมที่ควรละ) หมายถึง หนทางหรือช่องทางแห่งความเสื่อมและความพินาศของทรัพย์สมบัติและตนเอง พระพุทธศาสนาได้แสดงหนทางแห่งความเสื่อมและความพินาศไว้ 6 ประการ เรียกว่า อบายมุข 6 ได้แก่
1.การชอบเที่ยวกลางคืน หมายถึง การเที่ยวผับ บาร์ หรือสถายเริงอารมณ์อื่นๆในเวลาวิกาล หรือเวลากลางคืน การชอบเที่ยวกลางคืนมีโทษดังนี้
1.1 ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ขาดความอบอุ่น 1.2 สิ้นเปลืองเงินทอง
2.การชอบเที่ยวดูการละเล่น หมายถึง มีการละเล่นอะไร ที่ไหน เป็นต้องไปดูทุกครั้ง ดูอย่างพร่ำเพรื่อ เกินความจำเป็น มีโทษต่างๆดังนี้
2.1 รำที่ไหน ไปที่นั่น 2.2 ขับร้องที่ไหน ไปที่นั่น
3.การเป็นนักเลงสุรา หมายถึง การติดสุราและของมึนเมาต่างๆ ผู้ที่ติสิ่งเหล่านี้จะต้องดื่มและเสพเป็นประจำ ถือว่าเป็นภัยร้ายแรง เท่ากับตกนรกทั้งเป็น การเป็นนักเลงสุรา มีโทษดังนี้
3.1 ทำให้เสียทรัพย์สิน 3.2 ทำให้เสียสุขภาพและเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ เช่นมะเร็.ตับ พิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น
4.การเป็นนักเลงการพนัน หมายถึง การชอบเล่นการพนันขันต่อมีได้เสีย เช่น เล่นไพ่ เล่นหวย จนถึงขั้นที่เรียกว่า ผีพนันเข้าสิง การเป็นนักเลงการพนันมีโทษดังนี้
4.1 เป็นหนทางของการก่อเวรซึ่งกันและกัน 4.2 ทำให้เสียทรัพย์สิน
5.การเกียจคร้านทำการงาน หมายถึง การไม่ขยันทำงานตามเวลาและหน้าที่รับผิดชอบ ปล่อยการงานให้คั่งค้าง เหมือน ดินพอกหางหมู จะได้รับโทษดังนี้
5.1 หาความเจริญรุ่งเรืองไม่ได้ 5.2 เป็นคนที่หมดค่าของความเป็นคน ทั้งนี้เพราะ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน
6.การคบคนชั่วเป็นมิตร หมายถึง การร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมเที่ยว ร่วมพวกหรือไปหาสู่กับคนชั่ว ผู้ที่คบคนชั่วมิตรจึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย อีกทั้งอาจจะนำความเดือดร้อนอื่นๆมาสู่ตน เองและครอบครัวได้