พี่ชายของผู้เสียหาย กล่าวว่า ขณะนี้น้องสาวอาการปลอดภัยแล้ว
ผลการตรวจร่างกายไม่พบสารพิษ มีเพียงแอลกอฮอล์เท่านั้น
ผู้ต้องหาทั้งหมดรวมถึงผู้ปกครองของทั้ง 4 คน ไม่เคยขอโทษใดๆ กับตนเลย
ซึ่งเป็นเรื่องที่แค้นใจมากยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
“ผมขอขอบคุณตำรวจและทุกคนที่ช่วยชีวิตน้อง
อยากฝากกระแสในโซเชียลที่บอกว่าสิ่งที่น้องเจอเพราะเอาตัวเองไปเสี่ยงเอง
ขอเรียนว่าน้องอายุ 18 ปี ครอบครัวไม่อนุญาตให้มีแฟนมาก่อนเลย น้องเหมือนผ้าขาว
เพิ่งเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งน้องอาจหลงผิดบ้างบางประการ
แต่ไม่ใช่ว่าใครจะมาทำอะไรแบบนี้ได้
ไม่ว่าเค้าจะอยู่ในจุดไหน ไม่วาเค้าจะแก้ผ้า ไม่ว่าเค้าจะแต่งตัวโป๊
ไม่ควรมีใครไปกระทำชำเรา ฉวยโอกาสกับผู้หญิงแบบนี้”
พี่ชายผู้เสียหาย กล่าว
โดยส่วนตัว คิดว่า ถูกแค่ครึ่งเดียว คือ เตือนแค่ฝ่ายชาย
แต่ที่ไม่พูดถูกพูดถึงคือ ต้องเตือนฝ่ายหญิงด้วย
ว่าอย่าเอาตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง
หรืออยู่กับคนที่ยังไม่คุ้นเคย และต้องระมัดระวังตัวเองด้วย
ถ้ามีตรรกะแบบว่า "ถึงเค้าจะแก้ผ้า ก็ไม่ควรไปข่มขืนเค้า"
แบบนี้ ก็จะมีตรรกะที่ว่า
"ถึงผมจะวางของมีค่าไว้ที่ไหน คุณก็ไม่มีสิทธิขโมยของผม"
(ไม่ระวังทรัพย์สินของตัวเอง)
"ถึงผมจะขับรถประมาทแค่ไหน คุณก็ไม่มีสิทธิมาชนผม"
(ไม่ระวังการขับรถของตัวเอง)
"ถึงผมจะกวนโมโหคุณแค่ไหน คุณก็ไม่มีสิทธิมาทำร้ายผม"
(ไม่ระวังการกระทำของตัวเอง)
"ถึงผมจะใส่ทองเยอะแค่ไหน เดินในซอยเปลี่ยวแค่ไหน
โจรก็ไม่มีสิทธิมากระชากสร้อยทองผม"
(ไม่ระวังของตัวเอง)
บลาบลาบลา ......................................................................
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตั้งอยู่ในความประมาท ไม่ระมัดระวังตัวเอง
มั่วแต่โทษไปให้คนอื่นดูแลตัวเองโดยอ้างสิทธิ
แต่ตัวเองไม่ดูแลตัวเอง
ซึ่งไม่มีกฏหมายข้อไหน อนุญาตให้ไปทำอะไรคนอื่นอยู่แล้ว
แต่โจร แต่คนไม่ดี เค้าไม่สนใจสิทธิคนอื่นหรอก
มันถึงทำผิดกฏหมายไง
และในเมื่อ มันมีคนทำผิดกฏหมาย ทำไมถึงไม่ระวังตัวเองให้ดี
มาตรา ๓๒ บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย
มาตรา ๓๓ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในเคหสถาน
ซึ่ง รองศาสตราจารย์มานิต จุมปาให้ความหมายของคำว่า สิทธิ (Right) หมายถึง
ประโยชน์ที่กฎหมายรับรองและคุ้มครองให้แก่บุคคลในอันที่จะกระทำการ
เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือบุคคลอื่น เช่น สิทธิในทรัพย์สิน สิทธิในชีวิตและร่างกาย เป็นต้น
........................................................................................................
คราวนี้ มาดูคำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับการเที่ยวกลางคืนและคบมิตรชั่ว กัน
อบายมุข ๖ (ทางเสื่อมแห่งทรัพย์ ๖ ทาง)
คหบดีบุตร ! อริยสาวก ไม่เสพทางเสื่อม
แห่งโภคทรัพย์ ๖ ทาง (อบายมุข ๖) คือ :-
(๑) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
(๒) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไป
ในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน
(๓) การเที่ยวไปในที่ชุมนุมแห่งความเมา
(สมชฺชาภิจรณ)
(๔) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนัน อันเป็น
ที่ตั้งแห่งความประมาท
(๕) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่ว
เป็นมิตร
(๖) การประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน
ปา. ที. ๑๑/๑๙๖-๑๙๘/๑๗๘-๑๘๔.
คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่ง การดื่มนํ้าเมา คือ สุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
(๒) ก่อการทะเลาะวิวาท
(๓) เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
(๔) เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
(๕) เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
(๖) เป็นเหตุทอนกำลังปัญญา
คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่ง การเที่ยวไปในตรอกต่างๆ
ในเวลากลางคืน มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว
(๒) ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา
(๓) ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาทรัพยสมบัติ
(๔) ผู้นั้นชื่อว่า เป็นที่ระแวงของคนอื่น
(๕) คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น
(๖) เหตุแห่งทุกข์เป็นอันมาก ย่อมแวดล้อมผู้นั้น
คหบดีบุตร ! โทษในการ เที่ยวไปในที่ชุมนุมแห่งความเมา
มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) รำที่ไหน ไปที่นั่น
(๒) ขับร้องที่ไหน ไปที่นั่น
(๓) ประโคมที่ไหน ไปที่นั่น
(๔) เสภาที่ไหน ไปที่นั่น
(๕) เพลงที่ไหน ไปที่นั่น
(๖) เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น
คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่ง
การคบคนชั่วเป็นมิตร มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) นำให้เป็นนักเลงการพนัน
(๒) นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
(๓) นำให้เป็นนักเลงเหล้า
(๔) นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม
(๕) นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า
(๖) นำให้เป็นคนหัวไม้
ปา. ที. ๑๑/๑๙๖-๑๙๘/๑๗๘-๑๘๔.
จากข่าวรุมโทรม ! คิดยังไง ? กับคำพูดของพี่ชาย ที่ว่า "ถึงน้องจะแก้ผ้า ก็ไม่มีสิทธิไปชำเราเค้า" ?!?!
ผลการตรวจร่างกายไม่พบสารพิษ มีเพียงแอลกอฮอล์เท่านั้น
ผู้ต้องหาทั้งหมดรวมถึงผู้ปกครองของทั้ง 4 คน ไม่เคยขอโทษใดๆ กับตนเลย
ซึ่งเป็นเรื่องที่แค้นใจมากยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
“ผมขอขอบคุณตำรวจและทุกคนที่ช่วยชีวิตน้อง
อยากฝากกระแสในโซเชียลที่บอกว่าสิ่งที่น้องเจอเพราะเอาตัวเองไปเสี่ยงเอง
ขอเรียนว่าน้องอายุ 18 ปี ครอบครัวไม่อนุญาตให้มีแฟนมาก่อนเลย น้องเหมือนผ้าขาว
เพิ่งเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งน้องอาจหลงผิดบ้างบางประการ
แต่ไม่ใช่ว่าใครจะมาทำอะไรแบบนี้ได้
ไม่ว่าเค้าจะอยู่ในจุดไหน ไม่วาเค้าจะแก้ผ้า ไม่ว่าเค้าจะแต่งตัวโป๊
ไม่ควรมีใครไปกระทำชำเรา ฉวยโอกาสกับผู้หญิงแบบนี้”
พี่ชายผู้เสียหาย กล่าว
โดยส่วนตัว คิดว่า ถูกแค่ครึ่งเดียว คือ เตือนแค่ฝ่ายชาย
แต่ที่ไม่พูดถูกพูดถึงคือ ต้องเตือนฝ่ายหญิงด้วย
ว่าอย่าเอาตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง
หรืออยู่กับคนที่ยังไม่คุ้นเคย และต้องระมัดระวังตัวเองด้วย
ถ้ามีตรรกะแบบว่า "ถึงเค้าจะแก้ผ้า ก็ไม่ควรไปข่มขืนเค้า"
แบบนี้ ก็จะมีตรรกะที่ว่า
"ถึงผมจะวางของมีค่าไว้ที่ไหน คุณก็ไม่มีสิทธิขโมยของผม"
(ไม่ระวังทรัพย์สินของตัวเอง)
"ถึงผมจะขับรถประมาทแค่ไหน คุณก็ไม่มีสิทธิมาชนผม"
(ไม่ระวังการขับรถของตัวเอง)
"ถึงผมจะกวนโมโหคุณแค่ไหน คุณก็ไม่มีสิทธิมาทำร้ายผม"
(ไม่ระวังการกระทำของตัวเอง)
"ถึงผมจะใส่ทองเยอะแค่ไหน เดินในซอยเปลี่ยวแค่ไหน
โจรก็ไม่มีสิทธิมากระชากสร้อยทองผม"
(ไม่ระวังของตัวเอง)
บลาบลาบลา ......................................................................
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตั้งอยู่ในความประมาท ไม่ระมัดระวังตัวเอง
มั่วแต่โทษไปให้คนอื่นดูแลตัวเองโดยอ้างสิทธิ
แต่ตัวเองไม่ดูแลตัวเอง
ซึ่งไม่มีกฏหมายข้อไหน อนุญาตให้ไปทำอะไรคนอื่นอยู่แล้ว
แต่โจร แต่คนไม่ดี เค้าไม่สนใจสิทธิคนอื่นหรอก
มันถึงทำผิดกฏหมายไง
และในเมื่อ มันมีคนทำผิดกฏหมาย ทำไมถึงไม่ระวังตัวเองให้ดี
มาตรา ๓๒ บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย
มาตรา ๓๓ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในเคหสถาน
ซึ่ง รองศาสตราจารย์มานิต จุมปาให้ความหมายของคำว่า สิทธิ (Right) หมายถึง
ประโยชน์ที่กฎหมายรับรองและคุ้มครองให้แก่บุคคลในอันที่จะกระทำการ
เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือบุคคลอื่น เช่น สิทธิในทรัพย์สิน สิทธิในชีวิตและร่างกาย เป็นต้น
........................................................................................................
คราวนี้ มาดูคำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับการเที่ยวกลางคืนและคบมิตรชั่ว กัน
อบายมุข ๖ (ทางเสื่อมแห่งทรัพย์ ๖ ทาง)
คหบดีบุตร ! อริยสาวก ไม่เสพทางเสื่อม
แห่งโภคทรัพย์ ๖ ทาง (อบายมุข ๖) คือ :-
(๑) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
(๒) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไป
ในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน
(๓) การเที่ยวไปในที่ชุมนุมแห่งความเมา
(สมชฺชาภิจรณ)
(๔) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนัน อันเป็น
ที่ตั้งแห่งความประมาท
(๕) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่ว
เป็นมิตร
(๖) การประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน
ปา. ที. ๑๑/๑๙๖-๑๙๘/๑๗๘-๑๘๔.
คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่ง การดื่มนํ้าเมา คือ สุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
(๒) ก่อการทะเลาะวิวาท
(๓) เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
(๔) เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
(๕) เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
(๖) เป็นเหตุทอนกำลังปัญญา
คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่ง การเที่ยวไปในตรอกต่างๆ
ในเวลากลางคืน มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว
(๒) ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา
(๓) ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาทรัพยสมบัติ
(๔) ผู้นั้นชื่อว่า เป็นที่ระแวงของคนอื่น
(๕) คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น
(๖) เหตุแห่งทุกข์เป็นอันมาก ย่อมแวดล้อมผู้นั้น
คหบดีบุตร ! โทษในการ เที่ยวไปในที่ชุมนุมแห่งความเมา
มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) รำที่ไหน ไปที่นั่น
(๒) ขับร้องที่ไหน ไปที่นั่น
(๓) ประโคมที่ไหน ไปที่นั่น
(๔) เสภาที่ไหน ไปที่นั่น
(๕) เพลงที่ไหน ไปที่นั่น
(๖) เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น
คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่ง
การคบคนชั่วเป็นมิตร มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) นำให้เป็นนักเลงการพนัน
(๒) นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
(๓) นำให้เป็นนักเลงเหล้า
(๔) นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม
(๕) นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า
(๖) นำให้เป็นคนหัวไม้
ปา. ที. ๑๑/๑๙๖-๑๙๘/๑๗๘-๑๘๔.