เดี๋ยวนี้คนสัมภาษณ์งานต้องพูดขนาดนี้เลยหรอ??

กระทู้คำถาม
พอดีเราเพิ่งเรียนจบ และก็กำลังอยู่ในช่วงหางานทำ ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านการทำงงานมาก่อน
เราก็ได้ฝากประวัติส่วนตัวของเราเอาไว้ตามเว็บหางานต่างๆ โดยเราก็เลือกสมัครบริษัทที่สนใจเองบ้าง บริษัทติดต่อมาเองบ้าง
แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ก็มีบริษัทหนึ่งติดต่อมา(ขอเซ็นเซอร์ชื่อนีสสนุง) ให้เราไปสัมภาษณ์ตำแหน่งนี้ๆๆๆ เราก็ตกใจนิดนึงว่า เอ๊ะ!! เราไม่ได้สมัครตำแหน่งนี้นิ
แต่เนื่องด้วยมันเป็นตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับที่เราสมัครไป เราก็เลยคิดว่า อืมม มันอาจจะเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่เราสมัครไปแหละ แต่แค่อาจจะเรียกชื่อไม่เหมือนกัน จนกระทั่งก็ได้พูดคุยและตกลงที่จะเข้ารับการสัมภาษณ์ ก็ได้มีการคอมเฟิร์มวัน
เวลากันเรียบร้อยพอถึงวันนั้นเราก็ไแก่อนเวลา เพื่อติดต่อ และเตรียมตัวก่อนการสัมภาษณ์ รอบแรกก็สัมภาษณ์กับพี่ HR ของบริษัท พูดคุยเรื่องทั่วไป
ถามทัศนคติต่างๆซึ่งเราขอบอกก่อนว่าเราเป็นคนที่พูดเก่ง เป็นคนยิ้มง่าย เราก็สัมภาษณ์ไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีอาการเกร็ง
หรือตื่นเต้นอะไรมาก(อาจะเป็นเพราะผ่านการสัมภาษณ์มาหลายที่ อิอิ) คุยไปยิ้มไป ก็ได้มีการพูดคุยกัน อาการตื่นเต้นเราก็ลดลงเรื่อยๆ
จนกระทั่งการสัมภาษณ์กับ HR ก็จบลงไปด้วยดี ละเขาก็บอก
"เดี๋ยวพี่เอาเรื่องไปเสนอกับทาต้นสังกัดก่อน น้องรอประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมงนะ"
เราก็นั่งรอไปเรื่อยๆในห้องสี่เหลี่ยมที่แสนจะเงียบเหงาและเล่าเปลี่ยว สักพักก็มีพี่จากทางต้นสังกัด หรือเรียกง่ายๆว่าหัวหน้าแผนก ก็ลงมากันสองคน
เป็นผู้ชายทั้งสองคน เราก็
เรา..."สวัสดีครับ"
พี่... นิ่งงง
การสัมภาษณ์รอบที่สองก็เริ่มขึ้น เริ่มจากการแนะนำตัวเองให้ฟังคร่าวๆ พอจบพี่เขาก็เริ่มถามคำถามเรา เราก็ตอบด้วยถ้อยคำที่สุภาพ
หน้าตายิ้มแย้มตลอดเวลา (ถามมาตอบไป ประมาณนี้) ก็พูดคุยเรื่องทั่วไปก่อน ถามเรื่องประวัติการศึกษา ครอบครัว พี่น้อง(บรรยากาศเริ่มตรึงเครียด)
แต่เราก็ตอบคามความเป็นจริงไปทั้งหมด ************จุดพีคคืออยู่ตรงเรื่องครอบครัว เราก็ตอบตามตรงไปว่าพ่อแม่เราแยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็ก
อาศัยอยู่กับพ่อ และก็แม่เลี้ยง มีพี่น้องทั้งหมดเท่านี้ๆๆๆๆ พี่ทำงานที่นี้ๆๆๆ น้องเรียนที่นี้ๆๆๆ (หน้าตายิ้มแย้ม) พี่เขาก็บอกว่า
พี่..."มีพี่น้องหลายคนเลยเนอะ อย่างนี้ก็มีภาระรออยู่ล่ะสิ"
เรา... "ครับ"
พี่... "อืมมม พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็ก ก็เลยอยู่กับแม่เลี้ยงสินะ"
เรา... "ใช่ครับ"
พี่... "แล้วงี้ พอจบปุ๊บก็เลยรีบหางานเลย หางานอะไรได้ก็ทำหมดเลยดิ"
เรา... "ผมก็หางานตามสายที่เรียนมาครับ"
พี่... "หรอ แล้วคิดว่าตัวเองเป็นความหลังของครอบครัวไหม"
เรา... "คิดครับ เพราะผมต้องช่วยเหลือทางบ้านด้วยครับ"
พี่... "ทำไมต้องทำหน้าจริงจังด้วย"
เอิ่มมมมม ด้วยความที่เราเป็นคนที่หน้าค่อนข้างนิ่ง เราจึงต้องพูดไปยิ้มไปเพื่อแสดงความเป็นตัวของตัวเอง แต่ด้วยเราเจอคำถามที่ค่อนข้างเสียดสีจิตใจของเราพอสมควร เราจึงพยายามตั้งใจฟังคำถามและก็ตอบเขาไป และด้วยความที่เราต้องตั้งใจฟังคำถามพี่เขาเราเลยหน้าเราเลยกลับโหมดเดิม คือนิ่ง และเราก็ตอบๆๆๆๆ พี่เขาก็พูดขึ้นว่า
พี่... "น้องจริงจังไปป่ะ"
เรา... "อ่อ ผมเป็นคนที่หน้าค่อนข้างนิ่งครับ สงสัยตื่นเต้นครับ หัวเราะ!!!"
พี่... "พี่ไม่ได้อยากได้คนจริงจังอ่ะ"
  แอบคิดในใจ เราจริงจังเพราะอยากให้เขาเห็นความตั้งใจจริงของเรา อยากให้เขาเชื่อมั่นในตัวเรา
  มีครั้งหนึ่ง เราไปสัมภาษณ์กับอีกที่หนึ่ง ก็ตามสเต็ปเดิม พูดไปยิ้มแย้มไป ตอบด้วยความมั่นใจ ก็โดนบอกว่า น้องดูเหยาะแหยะ ไม่จริงจังเลย
  จะทำงานได้หรอ
  ครั้งต่อมาก็มีการปรับตัว ตั้งใจฟังคำถามตอบ หน้าเลยจริงจังนิสนุง กลับโดนบอกว่า จริงจังเกินไป ไม่อยากได้
ต่อๆๆๆๆ คำถามก็ถามสลับกันไปมา
เรา... "ยิ้มมม จิงๆผมเป็นคนเฮฮาครับ แต่ผมอยากให้พี่มั่นใจ และเห็นความตั้งใจของผมครับ"
พี่... "อยากได้งานที่นี่มากสินะ"
เรา... "ครับ"
พี่... "ทำไงได้ ก็มีภาระรอยู่ข้างหลังนิ"
เรา... "ยิ้มมม ครับ" (แทบยิ้มทั้งน้ำตา)
พี่... "และถ้าไม่ได้ที่นี่ล่ะ"
เรา... "บลาๆๆๆๆๆ"
พี่... "แล้วเงินเดือนเนี่ย แค่เนี้ยรับได้หรอ" ถามย้ำหลายรอบมาก
เรา... "ตอนนี้ผมอยากหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆก่อนครับ (คือเราแทบไม่เสียค่าเดินทางเลย เราเลยไม่ซีเรียส)"
พี่... "ก็อย่างว่านะ หางานไรได้ก็ทำหมดแหละ" หันไปหัวเราะกับคนข้างๆ
และก็มีคำถามอีกมากมาย ซื่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาของงานเลย
เราแค่อยากถามว่า เอาเรื่องครอบครัวมาเล่น ใช่ครับคุณสนุก แต่คุณไม่นึกถึงจิตใจคนโดนบ้างหรอคับ
แค่พ่อแม่แยกทางกันมันก็เป็นอะไรที่หนักหนาสำหรับคนนั้นมากพอแล้ว
เราเข้าใจนะ ว่าการสัมภาษณ์ต้องมีการถามทัศนคติบ้าง ดูการควบคุมอารมณ์บ้าง ดูไหวพริบบ้าง
แต่เราว่าดูจากลักษณะแล้วไม่ใช่การทดสอบแน่ๆ ดูถูกเรายังไม่พอ หัวเราะใส่เรา ตอนนั้นเราอยากเดินออกจากห้องสัมภาษณ์เลย
แต่ก็ควบคุมอาการของตัวเองได้
อยากฝากครับ คนที่เขาประสบปัญหาแบบนี้ แต่สามารถรับมือกับมันมันได้ ต่อสู้มาได้จนทุกวันนี้ เขาก็เก่งมากพอแล้ว
อย่าเอาเพียงเพราะคำพูดที่คุณพูดกันอย่างสนุกสนานมาทำลายความตั้งใจของคนนั้นเลยครับ
ที่ผมพูด ผมอยากแชร์ไว้เป็นประสบการณ์ครับ ไม่ได้มีเจตนาเอามาประจาร หรือมาตำหนิอะไรเลยนะครับ
ถึงยังไงก็ยังต้องสู้กันต่อไปครับ อนาคตที่ดีอยู่ที่ความตั้งใจของเราครับ เราตั้งใจสักวันเราต้องได้ดี อิอิ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่