เหตุเกิดจากเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วผมกับภรรยาได้ตัดสินครั้งใหญ่โดยให้ภรรยาผมออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก ตอนนั้นผมมีลูกชาย 1 คนอายุ 3 ขวบกว่าๆ เราตัดสินใจเลือกที่จะดูแลลูกเพราะเป็นห่วงอนาคตลูก แต่ก็ต้องแลกกับรายได้ที่ลดลงไปครึ่งหนึ่ง โดยผมเป็นคนทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว ซึ่งเงินเดือนผมเองก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่และยังมีภาระผ่อนบ้านและรถอีก แต่เราก็คำนวณแล้วว่าถ้าผมทำโอทีรายได้ก็เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัวและมีโบนัสสำหรับจ่ายค่าเทอมลูก
หลังจากออกจากงานเราก็วางแผนว่าจะมีลูกอีกคน และ 6 เดือนต่อมาภรรยาผมก็ต้ังท้องลูกคนที่ 2 ระหว่างตั้งท้องภรรยาผมก็รับหน้าทีรับส่งลูกคนโตไปโรงเรียนและทำงานบ้าน ส่วนผมเองก็ต้องทำโอทีมากขึ้นและกับถึงบ้านก็ประมาณ 3 ทุ่มเกือบทุกวัน ซึ่งตัวผมเองก็แทบจะไม่ได้ช่วยภรรยาดูแลลูกและทำงานบ้านเลย จริงๆแล้วตัวผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากเลยไม่ค่อยอยากจะทำอะไร ถึงช่วงเวลาที่ภรรยาผมใกล้คลอดเธอก็ยังไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนตามปกติแต่เธอเหนื่อยมากขึ้นเพราะท้องแก่มากแล้ว ผมก็ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรนอกจากหาเงิน เธอเเองก็บอกว่ายังไหวอยู่โดยที่ผมเองก็ไม่เคยสังเกตว่าเธอไหวจริงหรือเปล่า จนกระทั่งถึงวันใกล้คลอดคุณหมอที่ฝากครรภ์ด้วยแจ้งผลตรวจว่าภรรยาผมเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ซึ่งตอนที่เจอคือสัปดาห์ที่ 37 แล้ว ก่อนหน้านี้ผลตรวจก็ปกติดี และคุณหมอยังแจ้งอีกว่าไม่สามารถคลอดเองได้ต้องทำการผ่าคลอดเท่านั้น ซึ่งภรรยาผมเครียดมากเพราะเธอไม่อยากผ่าคลอด เราไปสอบถามข้อมูลจากโรงพยาบาลหลายแห่งสรุปว่าคลอดเองไม่ได้เลยต้องผ่าคลอด
หลังจากคลอดเสร็จผมก็ไปรับส่งลูกแทนอยู่ประมาณ 2 เดือนลูกก็ปิดเทอม หลังจากนั้นภรรยาผมต้องรับหน้าทีหนักกว่าเดิมคือต้องดูทั้งลูกคนเล็กและคนโตและยังต้องทำงานบ้านอีก ผมก็แทบจะไม่ได้ช่วยเธอเลยเพราะผมสอนลูกไม่ค่อยเป็น ภรรยาผมเริ่มบ่นเหนื่อยแต่ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่
จนอยู่มาวันหนึ่งเธอทนไม่ไหวร้องไห้บอกเหนื่อยมากและผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลยแม้กระทั่งสอนการบ้านลูกผมก็ทำไม่ได้เพราะสอนลูกไม่ค่อยเป็น
ผมพึ่งรู้ว่าเธอเหนื่อยและทนไม่ได้ที่ผมไม่ใส่ใจเธอและลูกเท่าที่ควร ผมได้แต่บอกว่าผมจะทำให้ดีกว่านี้ใส่ใจเธอและลูกให้มากกว่านี้ แต่สุดท้ายผมก็ยังเป็นเหมือนเดิม จนเธอเริ่มจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดหรือให้สัญญาไว้ เธอเริ่มมองว่าพึ่งผมไม่ได้และเธอต้องเป็นเสาหลักให้ลูกๆ ผมก็ไม่คิดว่าเธอจะเริ่มเครียดและคิดมากกับเรื่องนี้จนเดือนที่แล้วเธอเริ่มมีอารมณ์โมโหง่าย ไม่มีสาเหตุ โมโหที่ลูกทำการบ้านไม่ได้และมีตีลูกด้วย ล่าสุดเธอมีอาการคิดอยากทำร้ายลูกคนเล็กเพราะไม่นอน และคิดจะทำร้ายตัวเธอเองด้วย. แต่ยังโชคดีที่เธอดึงสติกลับมาได้เลยยังไม่เกิดเหตุ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมกับภรรยาก็มาช่วยกันคิดว่าเป็นอะไร พบว่าน่าจะเป็นอาการป่วยเริ่มแรกของโรคซึมเศร้า
ผมอยากช่วยให้เธอหายจากโรคซึมเศร้านี้ให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งผมคิดว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากตัวผมเองส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้ภรรยาได้
จึงอยากรบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับว่าผมควรจะทำอย่างไรดี
ภรรยาผมเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด ผมอยากช่วยเธอช่วยแนะนำด้วยครับ
หลังจากออกจากงานเราก็วางแผนว่าจะมีลูกอีกคน และ 6 เดือนต่อมาภรรยาผมก็ต้ังท้องลูกคนที่ 2 ระหว่างตั้งท้องภรรยาผมก็รับหน้าทีรับส่งลูกคนโตไปโรงเรียนและทำงานบ้าน ส่วนผมเองก็ต้องทำโอทีมากขึ้นและกับถึงบ้านก็ประมาณ 3 ทุ่มเกือบทุกวัน ซึ่งตัวผมเองก็แทบจะไม่ได้ช่วยภรรยาดูแลลูกและทำงานบ้านเลย จริงๆแล้วตัวผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากเลยไม่ค่อยอยากจะทำอะไร ถึงช่วงเวลาที่ภรรยาผมใกล้คลอดเธอก็ยังไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนตามปกติแต่เธอเหนื่อยมากขึ้นเพราะท้องแก่มากแล้ว ผมก็ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรนอกจากหาเงิน เธอเเองก็บอกว่ายังไหวอยู่โดยที่ผมเองก็ไม่เคยสังเกตว่าเธอไหวจริงหรือเปล่า จนกระทั่งถึงวันใกล้คลอดคุณหมอที่ฝากครรภ์ด้วยแจ้งผลตรวจว่าภรรยาผมเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ซึ่งตอนที่เจอคือสัปดาห์ที่ 37 แล้ว ก่อนหน้านี้ผลตรวจก็ปกติดี และคุณหมอยังแจ้งอีกว่าไม่สามารถคลอดเองได้ต้องทำการผ่าคลอดเท่านั้น ซึ่งภรรยาผมเครียดมากเพราะเธอไม่อยากผ่าคลอด เราไปสอบถามข้อมูลจากโรงพยาบาลหลายแห่งสรุปว่าคลอดเองไม่ได้เลยต้องผ่าคลอด
หลังจากคลอดเสร็จผมก็ไปรับส่งลูกแทนอยู่ประมาณ 2 เดือนลูกก็ปิดเทอม หลังจากนั้นภรรยาผมต้องรับหน้าทีหนักกว่าเดิมคือต้องดูทั้งลูกคนเล็กและคนโตและยังต้องทำงานบ้านอีก ผมก็แทบจะไม่ได้ช่วยเธอเลยเพราะผมสอนลูกไม่ค่อยเป็น ภรรยาผมเริ่มบ่นเหนื่อยแต่ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่
จนอยู่มาวันหนึ่งเธอทนไม่ไหวร้องไห้บอกเหนื่อยมากและผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลยแม้กระทั่งสอนการบ้านลูกผมก็ทำไม่ได้เพราะสอนลูกไม่ค่อยเป็น
ผมพึ่งรู้ว่าเธอเหนื่อยและทนไม่ได้ที่ผมไม่ใส่ใจเธอและลูกเท่าที่ควร ผมได้แต่บอกว่าผมจะทำให้ดีกว่านี้ใส่ใจเธอและลูกให้มากกว่านี้ แต่สุดท้ายผมก็ยังเป็นเหมือนเดิม จนเธอเริ่มจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดหรือให้สัญญาไว้ เธอเริ่มมองว่าพึ่งผมไม่ได้และเธอต้องเป็นเสาหลักให้ลูกๆ ผมก็ไม่คิดว่าเธอจะเริ่มเครียดและคิดมากกับเรื่องนี้จนเดือนที่แล้วเธอเริ่มมีอารมณ์โมโหง่าย ไม่มีสาเหตุ โมโหที่ลูกทำการบ้านไม่ได้และมีตีลูกด้วย ล่าสุดเธอมีอาการคิดอยากทำร้ายลูกคนเล็กเพราะไม่นอน และคิดจะทำร้ายตัวเธอเองด้วย. แต่ยังโชคดีที่เธอดึงสติกลับมาได้เลยยังไม่เกิดเหตุ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมกับภรรยาก็มาช่วยกันคิดว่าเป็นอะไร พบว่าน่าจะเป็นอาการป่วยเริ่มแรกของโรคซึมเศร้า
ผมอยากช่วยให้เธอหายจากโรคซึมเศร้านี้ให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งผมคิดว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากตัวผมเองส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้ภรรยาได้
จึงอยากรบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับว่าผมควรจะทำอย่างไรดี