[Movie Review] (Spoil อย่างแรง) Me Before You - ฉันเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ด้วยเงินของคุณ by ตั๋วหนังมันแพง


[หนังโรงเรื่องที่ 140] (Spoil อย่างแรง) Me Before You - ฉันเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ด้วยเงินของคุณ ; (Thea Sharrock, 2016)

by ตั๋วหนังมันแพง

คะแนนความชอบ : C  (จากสเกล D-A)

**มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ

เรื่องย่อ : 'ลูอิซา คลาร์ก'(Emilia Clarke) นางเอกผู้มองโลกในแง่ดีที่กำลังตกงานได้ถูกจ้างวานให้ไปเป็นผู้ดูแล 'วิล เทรย์เนอร์' (Sam Claflin) หนุ่มหล่อมหาเศรษฐีอารมณ์ร้อนผู้เป็นอัมพาต ซึ่งต่อมาเธอก็ได้รู้ว่าวิลนั้นมีเจตจำนงค์ที่จะกระทำ 'การุณยฆาต' ตนเอง(อันที่จริงผมเริ่มเอียนๆคำนี้ ต่อไปนี้จะขออนุญาตใช้คำว่าจบชีวิตนะ) ตัวนางเอกเองก็เลยตัดสินใจที่จะใช้ความฉดใฉของตัวเองมาเปลี่ยนใจพระเอกให้เห็นคุณค่าของชีวิตต่อให้ได้!

จริงๆถือว่าเป็นหนังน้อยเรื่องที่ผู้เขียนจะรีวิวโดยมีการสปอยล์ประกอบไปด้วยนะ แต่เห็นว่ามันเป็นหนังกระแสที่มีคนพูดถึงเยอะกอปรกับรีวิวช้าด้วยก็เลยคิดว่ามันคงจะน่าสนุกกว่าถ้าเราจะได้พูดถึงหนังในแง่มุมภาพรวมของทั้งเรื่องกัน

สิ่งหนึ่งที่ชอบเกิดขึ้นตอนที่คลาร์กปรี๊ดแตกหลังจากโดนวิลดุด่าขณะที่เธอซ่อมกรอบรูปอยู่ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นครั้งแรกที่ 'วิล เทรย์เนอร์' ได้โดนพูดจาตอกหน้าแบบตรงไปตรงมาครั้งแรก หากมองในบริบทที่คนรอบตัวพระเอกของเรานั้นต่างก็พยายามพูดเรื่องดีๆเพื่อเชียร์อัพหรือให้กำลังใจเขาตลอดเวลานั้นมันกลับให้ผลที่น่าอึดอัดจากสิ่งที่เรียกว่า 'ความเห็นใจ' (pity) เสียมากกว่า, เช่นเดียวกับในชีวิตจริงที่เหล่าผู้พิการทั้งหลายต่างปราถนาที่จะถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันเหมือนบุคคลทั่วๆไปในสังคม ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าคลาร์กได้สร้างความประทับใจด้วยความซื่อตรงของเธอก็ได้

กระนั้นโดยส่วนตัวแล้วก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบการวางภาพ (portray)ตัวละครที่ออกมาในลักษณะเซอร์เรียล-เหนือความเป็นจริงเกินไปหน่อย อย่างเช่นนางเอกอย่างคลาร์กที่มีความโพซิทิฟสุดขั้วจนน่าอึดอัด, แฟชั่นหลุดโลก และรอยยิ้มแข็งๆของเธอที่มันให้ความรู้สึกแหม่งๆเหลือเกิน (โดยส่วนตัวคิดว่ามันขาดจิ๊กซอว์บางอย่างที่จะทำให้ตัวละครตัวนี้สมบูรณ์ไป ผกก.อาจจะลืมยกมาจากหนังสือมั้ง) หรือจะเป็นพ่อเนวิลล์ลองบัตท่อม เอ้ย แพทริค (Matthew Lewis) ที่ออกมาในบทที่แม๊นนนน แมน โถพ่อคุณจะ macho ไปไหน วันๆหมกมุ่นอยู่กับเรื่องวิ่งเรื่องแข่งกีฬาอยู่นั่น ซึ่งตัวละครมันถูกยกมาอยู่ในด้าน 'แบนราบ' มากเกินไปจนเรารู้สึกว่า เฮ้ย เอางี้จริงดิ?

หนังเดินเรื่องตามสูตรของรอมคอมเท่าที่มันจะเป็นได้ (โอเค อาจจะไม่คอเมดี้เท่าไหร่ เพราะมันเล่นมุกไม่สนุก)คือวิลอยากจะจบชีวิตตัวเองเนื่องจากรู้สึกอิ่มกับการดิ้นรนในการมีชีวิตแล้ว หลังจากเจ้าตัวนั้นได้พยายามดิ้นรนทำกายภาพบำบัดอย่างเต็มที่ในช่วงปีแรก ก่อนจะที่จะยอมรับว่า 'มันจะไม่ดีขึ้นไปกว่านี้แล้ว', ซึ่งตัววิลก่อนที่ประสบอุบัติเหตุนั้นก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน perfect man พอสมควรเลยล่ะ ทั้งเป็นนักธุรกิจตำแหน่งใหญ่โต, พิชิตกิจกรรมเสี่ยงตายมาแล้วนับไม่ถ้วน แถมยังมีแฟนเป็นสาวบลอนด์สุดสวยอีก (สวยจริง ปังมาก) ซึ่งจากคนที่เคยมีชีวิตดี๊ดีขนาดนั้นมานอนเป็นผักอยู่บนเตียงไปวันๆมันก็คงยากจะทานทน

แต่แน่นอน แม่สาวคลาร์กของเราก็ตั้งใจว่าจะใช้ความฉดใฉของตัวเองพาพระเอกของเราไปเที่ยวนู่นดูนี่เยอะๆ เพื่อให้เค้าได้เห็นความสวยงามของชีวิตจะได้เลิกความคิดฆ่าตัวตายซักที ปรากฏหลังจากถูลู่ถูกังไปกันทั่วโลกแล้วสุดท้ายพ่อวิลของเราก็ยังไม่เปลี่ยนใจอยู่ดี แน่นอนนางเอกสาวของเราก็ปรี๊ดพร้อมประนามพระเอกของเราว่า "คุณมันเห็นแก่ตัว คุณมันคิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง ไม่คิดถึงที่อยู่รอบตัวคุณบ้าง" แล้วก็วิ่งต่อมน้ำตาแตกกลับบ้านไปฟ้องแม่

ณ จุดนี้เองที่ข้าพเจ้าเริ่มตั้งคำถามขึ้นมากับหนังว่า 'ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว?', ในส่วนของแม่สาวโลกสวยเรนโบว์แลนด์อย่างคลาร์กนั้นก็ได้แต่มองจากมุมมองที่สวยของตัวเอง ว่าการมีชีวิตอยู่ช่างมีความหมาย แต่ก็ไม่หยุดคิดซักนิดว่าในบรรดาความสุขทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้นมันก็แค่ด้วย 'เม็ดเงิน' ของพระเอกมิใช่หรือ? การเดินทางจะแฮปปี้สุขสันต์ขนาดนี้มั้ยถ้าพวกทุกทริปของพวกเขาไม่ได้เดินทางบนตั๋วเฟิร์สคลาส? หรือไม่ได้บรรยากาศที่ดีจากรีสอร์ทส่วนตัว? หนังยังบิดเบี้ยวไปด้วยการปฏิเสธที่จะไม่นำเสนอด้านเลวร้ายของการดูแลผู้ป่วยที่ขยับตัวเองไม่ได้อย่างการ 'เช็ดอึ-เช็ดฉี่' ด้วยซ้ำ .. ซึ่งให้ถามว่าถ้าเราอยู่ในจุดเดียวกับวิลแล้ว เราจะเชื่อจริงๆหรือว่าชีวิตทุกอย่างมันจะดีขึ้นได้ด้วยลำพังความรักอย่างเดียว?

นอกเหนือไปจากนั้นหนังมีประเด็นการนอกใจที่ชอบธรรม(affair)เกิดขึ้นมาอีก ซึ่งตัวละคร 'แพทริค' เองก็ถือว่าเป็นตัวละครที่น่าสงสารเอามากๆกับการที่ตนต้องถูกนอกใจทั้งๆที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย ซึ่งถามว่าผิดมั้ยถ้าเขาจะหึงหวงแฟนสาวที่วันๆเอาแต่ไปเที่ยวเล่นกับชายหนุ่มอีกคนนึง (ซึ่งตัวคลาร์กก็ไม่คิดจะบอกถึงเงื่อนไขของชีวิตวิลด้วยซ้ำ) ซ้ำร้ายด้วยตัวบทก็ยังกลั่นแกล้งด้วยการใส่คาแร็กเตอร์สุดโต่งที่คนปกติเขาไม่เป็นกันอย่าง การวิ่งจ็อกกิ้งจนมางานวันเกิดแฟนสาย, การให้ของขวัญเป็นสร้อยคอสลักชื่อตัวเอง (อิ้วว ครีปปี้สิ้นดี) เป็นต้น คือบทหนังในส่วนนี้มันแบนราบมาก มันปูพรมไปด้วยกลีบกุหลาบเชียร์ให้นางเอกของเรานอกใจแฟนตัวเองที่คบกันมาเจ็ดปีไปหาพ่อหนุ่มรูปหล่อแสนอบอุ่นได้แบบสบายๆ

มาถึงตอนจบที่ค่อนข้างจะแฮปปี้เอนดิ้ง กับการที่วิลได้ฆ่าตัวตายซักทีพร้อมกับทิ้งเงินก้อนหนึ่งให้นางเอกไปเที่ยวปารีสที่ตัวเองเคยชอบไป ถึงแม้ตอนจบแบบนี้มันจะไม่ได้สร้างคุณค่าอะไรให้น่าจดจำก็เถอะ แต่อย่างน้อยผู้เขียนก็รู้สึกโอเคที่หนังเลือกที่จะจบเรื่องด้วยการ 'เคารพ' การตัดสินใจของผู้ป่วยเอง ซึ่งไม่ได้หมายความคนพิการทุกคนไม่ควรจะฝืนใช้ชีวิตอยู่ต่อไป แต่นั่นหมายถึงว่าอย่างน้อยวิล เทรย์เนอร์เองที่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่พ่อแม่ของตนต้องการมาตลอดแล้ว ก็คงจะไม่เสียหายอะไรหากใน 'การตัดสินใจครั้งสุดท้าย' ของเขาจะเกิดขึ้นจากเจตนาของตนเอง.

หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง"ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่