ญี่ปุ่นเขาสุดยอดจริงๆ เอาคนหูหนวกมาแสดงเป็นนางเอก (Orange Day เธอ ฉัน กับวันฟ้าใส)


 Orange Day เธอ ฉัน กับวันฟ้าใส

ขอโทษที่หัวกระทู้อาจจะดู Clickbait ไปหน่อยแต่นี้คือความรู้สึกของผมจริงๆกับครั้งแรกเมื่อได้ดูละครเรื่องนี้เมื่อ 13 ปีก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกอึ้งกับทุกสิ่งในเรื่องนี้ไม่จางหาย

“อึ้งที่ 1 นักแสดงทุกคนในเรื่อง”
ขอสารภาพตามตรง ตอนที่ดูครั้งแรกผมไม่รู้จักเธอ ตอนนั้นรู้สึกว่าญี่ปุ่นเขาสุดยอดจริงๆเนอะ เอาผู้พิการทางการได้ยินมาแสดงเป็นนางเอกทุ่มเทกันสุดๆไปเลย พอดูจบตอนแรก เริ่มชอบนางเอก เริ่มมีความสงสัยในตัวเธอ ฮ่าๆ ถึงเธอจะเป็นผู้พิการทางหูตูก็จะเป็นแฟนคลับคนนี้ละวะ เลยเริ่มค้นหาในอินเตอร์เน็ตอ้าว… เธอไม่ได้หูหนวกเธอคือนักแสดงชื่อ Ko Shibasaki รับบท ฮากิโอะ ซาเอะ
อึ่ง..หนักกว่าเดิมเลยทีนี้ เพราะการแสดงของโค มันยอดเยี่ยมมากจนเราจับไม่ได้และคิดว่าเธอหูหนวกจริงๆ การใช้ภาษามือภาษากายมันสอดคล้องกันจนแยกไม่ออกเวลาที่ซาเอะ พูดเรื่องเศร้า มือช้า หน้าเศร้าตาเศร้า เวลาดีใจจังหวะมือสีหน้าการแสดงออกก็เปลี่ยนไป โคเธอเป็นนักแสดงที่เก่งจริงๆ

แต่มันคือละครอ่ะเนอะ มันต้องมีโป๊ะแตกมีหลุดมีไม่เนียนกันมั่งแหละ แต่เรื่องเหล้านั้นไม่เกิดกับชายคนนี้ Satoshi tsumabuki พระเอกของเรื่องผู้รับบท ยูกิ ไค ซีรี่ส์เรื่องนี้สารตั้งต้นอยู่ที่บทนางเอกมันทั่งยากและหนัก แต่การแสดงของซาโตชิกลับทำให้บทของ ยูกิ ไค โดดเด่นและเป็นหนึ่งตัวละครช่วยเข้ามาแบกซีรีส์ทั่งเรื่องไปพร้อมๆกับบทของนางเอง อย่างที่รู้กันนางเอกเป็นผู้พิการทางการได้ยิน เวลาที่คุยกับนางเอก ภาษามือภาษากาย สีหน้าสายตาทุกอย่างมันต้องมาเต็ม ซาโตชิทำได้ดีจนรู้สึกว่า ยูกิ ไค มีตัวตนจริงๆไม่ใช้แค่การแสดง แต่ที่อึ่งมากกว่านั้นคือเวลาอยู่กับแก๊งส้ม ยูกิ ไค ต้องค่อยแปลภาษาพูดเป็นภาษามือเวลาเพื่อนๆคุยกันให้ซาเอะเข้าใจ การแสดงคือเขาจะฟังเพื่อนในแก๊งส้มพูดแล้วค่อยแปล ทำได้ดีจนรู้สึกว่าเขาเข้าใจภาษามืออย่างถ่องแท้จริงๆ ยอดเยี่ยมครับสำหรับชายคนนี้

ขอแวะพูดเรื่องแก๊งส้มและนักแสดงท่านอื่นๆสักหน่อยนะครับ สำหรับแก๊งส้มผู้ชมหลายคนอาจมองว่าช่วยเข้ามาเติมสีสันในเรื่องได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับผม ผมมองว่าแก๊งส้มนี้แหละที่เข้ามาช่วยให้เนื้อเรื่องมันสมบูรณ์ การแสดงของทุกคนมันลงตัวในบริบทของตนเองอย่างมาก เช่น โชเฮ (รับบทโดย Hiroki Narimiya) และ เคอิตะ (รับบทโดย Eita Nagayama) สองคนนี้เป็นเพื่อนของไค ที่ไม่รู้ภาษามือเลย ก็จะมีเรื่องราวให้สองคนนี้ได้เรียนรู้ภาษามืออยู่เรื่อยๆ ซึ่งวิธีใช้มือของทั่งสองก็จะเก้ๆกังๆ ซึ่งมันดูตลกดูเป็นธรรมชาติดีมากอ่ะ ฮ่าๆ และอีกคนเพื่อนคนสำคัญของนางเอก อย่าง อากาเนะ (รับบทโดย Miho Shiraishi) เธอจะเป็นที่พึ่งทางใจให้ซาเอะ การใช้ภาษามือมือภาษากายก็ต้องไม่แพ้ใครซึ่งเธอก็ทำได้แบบไร้ที่ติ ตัวละครอื่นๆ เช่น แฟนของไค อาจารย์ที่ปรึกษา แม่ซาเอะ หรือคนอื่นๆ ก็แสดงได้เป็นธรรมชาติอย่างมาก เข้ามาเติมเต็มซีรีส์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“อึ้งที่ 2 บทละคร”
ภาพปกเรื่องย่อๆ “ชีวิตวัยรุ่นในมหาวิทยาลัย พระเอกเจอนางเอก ผ่านเรื่องราว รักกันหวานแหวว?“ แต่พอได้ดูจริงๆ มันมีอะไรที่มากกว่านั้น ซีรีส์พยายามสอดแทรก การรับผิดชอบในหน้าที่ตนเอง ความรับผิดชอบในวัยเรียน วัยเรียนที่ใกล้จะจบและเข้าสู่วัยทำงาน สอดแทรกได้อย่างพอดีและไปในทิศทางบวกและไม่ได้รู้สึกว่าถูกยัดเยียด 

ในบทของแต่ละตัวละครก็มีลุ่มลึกจนเป็นเสน่ห์ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ทรงคุณค่า
เริ่มกันที่ “ฮากิโอะ ซาเอะ” นางเอกของเรื่อง เธอเป็นนักดนตรีพรสวรรค์สูงอนาคตไกล ที่อยู่ดีๆต้องสูญเสียการได้ยิน ในช่วงแรกเธอรับไม่ได้พยายามสร้างเกราะกำบังร้ายๆขึ้นมาปกป้องตนเองต่อต้านแปลกแยกจากสังคม จนในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ว่าการกระทำแบบนั้นมันไม่มีประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่นๆเลย สิ่งที่เธอต้องทำคือยอมรับความจริงและเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ดี 

“ยูกิ ไค” พระเอกของเรื่อง เขาจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีจริงจังกับหน้าที่ตนเอง ช่วยเหลือคนอื่นอย่างบริสุทธิ์ใจ เวลาทำผิดกล้ากล่าวคำว่าขอโทษ เวลาได้รับความช่วยเหลือกล้ากล่าวคำว่าขอบคุณ
ขอพูดเรื่องตนเองนิดหนึ่งครับ ทุกคนรู้ดีเนาะว่าการใช้ชีวิตในปัจจุบันมันไม่ง่าย ทั้งปัญหาเรื่องเงิน เรื่องการ Toxic ในที่ทำงาน หรือปัญหาอื่นๆ จนบางครั้งผมก็ถูกกลืนไปกับกระแสสังคม จนพึ่งมาตระหนักได้ว่า เฮ้ย..เมื่อก่อนเราเป็นคนแบบ ยูกิ ไค นะเฟ้ย ทบทวนตัวเองซะแล้วกลับมาเป็นเราคนเดิม (อ้าววว..ดึงดราม่าซะงั้น ฮ่าๆ ขออภัยครับ)

“โชเฮ” แก๊งส้มเพื่อนพระเอก คนนี้จะสะท้อนถึงคนที่หาตนเองไม่เจอดีที่สุดคือใช้ชีวิตไปวันต่อวัน จนในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าเราไม่สามารถทำตัวแบบนี้ไปได้ตลอดชีวิต ถึงเราจะหาตัวเองไม่เจอแต่มันต้องมีแน่ๆ อะไรบ้างอย่างที่เราชอบที่เราเป็น พยายามต่อไป ค้นหาต่อไป

“เคอิตะ” แก๊งส้มเพื่อนพระเอก คนนี้จะสะท้อนถึงคนที่เป็นความคาดหวังของครอบครัว เป็นพี่ใหญ่ เป็นที่คาดหวังสืบกิจการของธุรกิจครอบครัว ซึ่งเจ้าตัวคงอยากมีชีวิตเป็นของตนเองแต่ด้วยหน้าที่เราก็ต้องทำ

”อากาเนะ“ เพื่อนคนสำคัญของนางเอก คนนี้จะสะท้อนถึงคนที่รู้ว่าตนเองอยากทำงานอะไรหวังสิ่งไหน แต่เราไม่สามารถเลือกงานที่เราหวังไว้ได้ตลอดหรอก มีงานไหนที่ทำได้ก็ต้องทำไปก่อน มันก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบในวัยผู้ใหญ่เช่นกัน

“อึ้งที่ 3 เพลงประกอบ”
จริงๆผมมองข้ามเรื่องนี้มาโดยตลอดครับ เพราะเพลงมันดึงอารมณ์มาก ดูจบแล้วพยายามที่จะ Move on แต่ครั้งนี้กลับไล่ฟังเพลงประกอบทุกเพลง เลยพบว่าแต่ละเพลงที่เลือกมาหรือประพันธ์ขึ้นมาส่งเสริมซีนต่างๆ ไม่ว่าจะตอนสนุก เศร้า มีความหวัง ได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ถ้าจะให้รีวิว ให้คะแนนสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ผมให้ไม่ได้ครับ เพราะรสนิยมของการชมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ผมบอกได้เพียงว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ดีที่สุดสำหรับผม

สุดท้ายอยากจะบอกว่า “สำหรับใครที่ตื่นขึ้นมาและมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าแล้วรู้สึกว่าทำใมท้องฟ้าของเรามันหม่นหมองจัง ขอให้สู้ไปด้วยกันผมเชื่อว่าในสักวันท้องฟ้าของเรามันจะสดใสขึ้นมาแน่นอน“

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่