รีวิวซีรีส์
เรื่องที่ 215 Melo Movie มี 10 EP EP ละประมาณ 60 นาที / Netflix
ตั้งแต่เห็นข่าวว่านักเขียน อีนาอึน ผู้เขียนเรื่อง Our Beloved Summer กำลังจะมีซีรีส์เรื่องใหม่ ผมก็เฝ้ารอ วันแล้ว วันเล่า เพราะคาดหวังว่าเราจะได้ดูซีรีส์ Rom-Com ระดับท็อปอีกครั้ง เหมือนดั่งตอนที่ประทับใจและอินสุดๆ กับ Our Beloved Summer อีกทั้งพระเอกยังเป็น ชเวอูชิก เหมือนเดิม แถมยังได้นางเอกเจ้าแม่ Rom-Com อย่าง พักโบยอง มาเล่น ความคาดหวังนั้นสูงลิ่วเลยล่ะครับ
แต่มันมีอะไรตะหงิดๆ อยู่หน่อยตอนที่เห็นชื่อเรื่อง Melo Movie เพราะคำว่า Melo นั้น ถึงแม้ตัวอย่างจะแปลว่า หนังรัก แต่ในความเข้าใจของผม คำว่า Melo มักจะไม่มาเดี่ยวๆ แต่จะไปรวมกับคำว่า Drama เป็น Melodrama ซึ่งมันจะกลายเป็น ละครประโลมโลก?? (คืออะไร???) เอาเป็นว่าจริงๆ Melo มันควรจะสื่อมาจาก Melody ซึ่งหมายถึงเพลง ผมไม่แน่ใจว่าที่เกาหลีเขาใช้คำนี้ในความหมายแบบไหน แต่สำหรับผม อะไรที่มีคำว่า Melo มักจะต้องมีการเสียน้ำตาเสมอๆ เหอะๆ
Melo Movie เป็นเรื่องราวของความรักต้องห้าม(มั้ง) ระหว่าง 2 อาชีพ ที่เป็นคู่กรณีกันเสมอๆ ก็คือผู้กำกับหนัง กับนักวิจารณ์หนัง ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ในเรื่องนี้มีการพูดถึงขั้นตอนการทำหนัง รวมถึงอาชีพนักวิจารณ์หนังที่มีรายละเอียดพอสมควรด้วย
ส่วนตัว ผมเคยทำอาชีพนักวิจารณ์หนังครับ เขียนคอลัมน์ลงนิตยสารรายสัปดาห์อยู่หลายปี รวมถึงเขียนวิจารณ์หนังไทยลงในเวบพันทิพอยู่ตลอด รู้จักผู้กำกับหนังไทยก็หลายคน เคยสัมภาษณ์ผู้กำกับหนังไทย รวมถึงนักแสดงมาหลายคนเช่นกัน จึงเข้าใจอาชีพของพระเอกในเรื่องได้อย่างดีเป็นพิเศษ และผมก็เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้กำกับหนังและนักวิจารณ์หนัง ตัวผมเองอาจไม่ใช่นักวิจารณ์สาย Hardcore ที่วิจารณ์อย่างรุนแรง แต่ในวงการนักวิจารณ์ ก็มีหลายท่านที่วิจารณ์อย่างเข้มข้นเช่นกัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างในเรื่อง จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ การวิจารณ์ใดๆ สำหรับผมจะยึดถือหลักสำคัญว่า ถ้าเขียนอะไรลงไป ต้องกล้าพูดสิ่งที่เขียนเหล่านั้นต่อหน้าผู้กำกับหนังเรื่องนั้นได้ หากไม่เช่นนั้น ก็เหมือนการไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง ซึ่งมีจุดหนึ่งที่ผมชอบที่พระเอกพูดคือ คำเขียนของเขาอาจไม่ได้สื่อถึงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน จึงขอวิจารณ์ให้ฟังต่อหน้า ตรงนี้ทำดีมากครับ
ต่อมาเรื่องประเด็นของการมาเป็นผู้กำกับของนางเอก จะเห็นได้ว่านางเอกนั้นซึมซับเอาความชอบหนังมาโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ในใจจะปฏิเสธและบอกว่า ทำหนังเพื่อพิสูจน์ว่า ไม่ต้องทุ่มเท บ้าคลั่ง ก็ทำหนังได้ แต่ในความจริงแล้ว ตัวนางเอกก็เป็นหนึ่งในคนรักหนังมากกว่าใครเช่นกัน
ส่วนตัวพระเอกนั้น แน่นอนว่าความชอบดูหนัง และประสบการณ์การดูหนังมาทั้งชีวิต ทำให้เขามีอยากเป็นส่วนหนึ่งของหนัง ไม่ว่าจะฉากหน้า เบื้องหลัง แต่สุดท้ายเราจะเห็นได้ว่าเขามักจะถูกให้วิจารณ์หนัง เพราะเขาวิจารณ์ได้ดีมาตั้งแต่แรกๆ อาชีพนักวิจารณ์หนัง จึงเป็นความลงตัวของเขาอยู่แล้ว
เมื่อทั้งสองคนมาพบกัน พระเอกก็คงชอบนางเอกจากความน่ารัก แน่นอนว่าคุณไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า พักโบยองไม่น่ารัก55 และความแปลกที่แตกต่าง แต่ที่แน่ๆ นางเอกไม่ชอบพระเอก เพราะให้ความรู้สึกคล้ายพ่อของตนเอง แต่สุดท้ายก็ไม่รอด เพราะในใจลึกๆ ก็รักพ่อเหมือนกัน
คู่พระเอกนางเอกนั้น จะถือว่าเป็น Rom-Com ได้เลย เพราะมีท้งตลกน่ารัก และมิได้มีการขยี้ประเด็นเรื่องที่พระเอกหายตัวไปมากมายเท่าไหร่ แต่ที่ดราม่าจัดๆ นั้น ไปอยู่ที่คู่รอง ที่จอนโซนี เล่นคู่กับ อีจุนยอง ปกติจอนโซนีก็เล่นเป็นนางเอกนะครับ แต่เรื่องนี้มารับเป็นนางรอง คู่นี้หลายคนก็คงสงสัยว่า มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่ารักกัน แล้วเลิกกันทำไม ทำไมไม่กลับมาคบกัน เรื่องราวของคู่นี้เนื้อหาดีมากนะครับ มันแสดงถึงกระบวนการก้าวผ่านความเจ็บปวด ซึ่งดูเหมือนนางรองจะทำใจได้นานแล้ว มีแค่พระรองที่ทำใจไม่ได้ แต่ผมว่ามันไม่จริงหรอกครับ ทำใจได้ไม่ออกมาทรงนี้แน่ๆ เรื่องของคู่นี้อยากให้ดูจนจบ มีเรื่องราวสอนใจมากมาย
อีกคนที่เป็นระดับพระเอก แต่เรื่องนี้มาเล่นเป็นพี่ชายพระเอก นั่นคือ คิมแจวุค ตอนแรกผมนึกว่ามารับเชิญ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ และตอนที่เขาเล่าเรื่องราวของตัวเอง ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม ต้องใช้ระดับเขามาแสดง บอกเลยว่ายากที่จะไม่เสียน้ำตากับเรื่องราวของเขา
เรื่องนี้แทบทุกตัวละครหลักมีเรื่องราวของการก้าวผ่านความเจ็บปวด ซึ่งอันนี้มันไม่ใช่ Rom-Com แล้วล่ะ จัดหนักเบอร์นี้ มันคือ Melodrama ด้วยซ้ำ แน่นอนว่า ผมไม่ได้คาดคิดไว้ และแอบรู้สึกเสียดาย เพราะอยากดู Rom-Com ระดับเดียวกับ Our Beloved Summer อีกครั้ง เหมือนนักเขียนคนนี้ มีอะไรอยากเล่าเพิ่มขึ้น แต่คนดูอย่างผม ดันหวังเรื่องราวแบบเดิมๆ ซะงั้น
พระเอก - ชเวอูชิก พระเอกที่ผมชื่นชอบ และเป็นหนึ่งในคนที่หน้าเด็กมากพอที่จะปะทะกับพักโบยองได้ การแสดงคล้ายๆใน Our Beloved Summer อยู่บ้าง
นางเอก - พักโบยอง เรื่องนี้เธอแสดงได้เริ่ดมากครับ ลองดูการใช้สายตาสื่อความหมายในหลายๆซีน สายตาตอนมานั่งดูหนังนอกชานนั้น สื่อออกมาหมดเลยว่าเธอคิดอะไร การแสดงโหดครับ
Love Line - คู่หลัก Rom-Com สวยงามตลกน่ารัก คู่รอง ดราม่าจัดๆ
เพลงประกอบ - ดีอยู่หลายเพลง แต่ไม่ได้ติดหูแบบสุดๆ เหมือน Our Beloved Summer
เรื่องนี้ผมว่ามีหลายอย่างที่จงใจทำขึ้นมาเพื่อคาราวะหนังหลายๆ เรื่อง หรือแม้แต่ซีรีส์ที่นักแสดงเคยเล่นมากก่อน ฉากม้าหมุนนั่นยังไงก็มาจาก โดบองซุน แน่นอน รถที่พระเอกใช้ SAAB 93 เปิดประทุนสีแดง ถ้าจะบอกว่าเอามาเพื่อให้นึกถึงหนังเรื่อง Drive My Car ที่ใช้ SAAB 900S สีแดงก็คงไม่ผิด แต่ที่ผมฮามาก ก็เห็นจะเป็น "นั่งเหม่อกระทำความหว่องอยู่นั่น" ประโยคนี้ผมถึงกับต้องลองย้อนไปเปลี่ยนซับเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อดูว่ามีอะไรเกี่ยวกับหว่องกาไว บ้างไหม แต่ไม่เห็นมี ดังนั้นผมขอให้เครดิตกับคนแปลซับไทยครับประโยค "กระทำความหว่อง" นั้นเหมาะกับซีรีส์เรื่องนี้สุดๆ
ถ้าถามว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างไรในภาพรวม ผมก็ต้องตอบว่า มันอาจไม่โดนใจคนได้ทุกคน แม้กระทั่งผมที่คาดหวัง Rom-Com ไลน์เรื่องสวยๆ เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นดังหวัง แต่ถามว่าดีไหม ดีอยู่ครับ ดีมากๆ ด้วย ซีรีส์เรื่องนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบดูหนัง ชอบ Melodrama จำนวนตอน 10 EP นั้น ลงตัวและไม่มีอะไรฟุ่มเฟือย แต่เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ซับน้ำตาบ้างก็ดีนะครับ
[CR] [Mr. Coffee รีวิว] Melo Movie ซีรีส์สำหรับคนรักหนัง
เรื่องที่ 215 Melo Movie มี 10 EP EP ละประมาณ 60 นาที / Netflix
ตั้งแต่เห็นข่าวว่านักเขียน อีนาอึน ผู้เขียนเรื่อง Our Beloved Summer กำลังจะมีซีรีส์เรื่องใหม่ ผมก็เฝ้ารอ วันแล้ว วันเล่า เพราะคาดหวังว่าเราจะได้ดูซีรีส์ Rom-Com ระดับท็อปอีกครั้ง เหมือนดั่งตอนที่ประทับใจและอินสุดๆ กับ Our Beloved Summer อีกทั้งพระเอกยังเป็น ชเวอูชิก เหมือนเดิม แถมยังได้นางเอกเจ้าแม่ Rom-Com อย่าง พักโบยอง มาเล่น ความคาดหวังนั้นสูงลิ่วเลยล่ะครับ
แต่มันมีอะไรตะหงิดๆ อยู่หน่อยตอนที่เห็นชื่อเรื่อง Melo Movie เพราะคำว่า Melo นั้น ถึงแม้ตัวอย่างจะแปลว่า หนังรัก แต่ในความเข้าใจของผม คำว่า Melo มักจะไม่มาเดี่ยวๆ แต่จะไปรวมกับคำว่า Drama เป็น Melodrama ซึ่งมันจะกลายเป็น ละครประโลมโลก?? (คืออะไร???) เอาเป็นว่าจริงๆ Melo มันควรจะสื่อมาจาก Melody ซึ่งหมายถึงเพลง ผมไม่แน่ใจว่าที่เกาหลีเขาใช้คำนี้ในความหมายแบบไหน แต่สำหรับผม อะไรที่มีคำว่า Melo มักจะต้องมีการเสียน้ำตาเสมอๆ เหอะๆ
Melo Movie เป็นเรื่องราวของความรักต้องห้าม(มั้ง) ระหว่าง 2 อาชีพ ที่เป็นคู่กรณีกันเสมอๆ ก็คือผู้กำกับหนัง กับนักวิจารณ์หนัง ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ในเรื่องนี้มีการพูดถึงขั้นตอนการทำหนัง รวมถึงอาชีพนักวิจารณ์หนังที่มีรายละเอียดพอสมควรด้วย
ส่วนตัว ผมเคยทำอาชีพนักวิจารณ์หนังครับ เขียนคอลัมน์ลงนิตยสารรายสัปดาห์อยู่หลายปี รวมถึงเขียนวิจารณ์หนังไทยลงในเวบพันทิพอยู่ตลอด รู้จักผู้กำกับหนังไทยก็หลายคน เคยสัมภาษณ์ผู้กำกับหนังไทย รวมถึงนักแสดงมาหลายคนเช่นกัน จึงเข้าใจอาชีพของพระเอกในเรื่องได้อย่างดีเป็นพิเศษ และผมก็เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้กำกับหนังและนักวิจารณ์หนัง ตัวผมเองอาจไม่ใช่นักวิจารณ์สาย Hardcore ที่วิจารณ์อย่างรุนแรง แต่ในวงการนักวิจารณ์ ก็มีหลายท่านที่วิจารณ์อย่างเข้มข้นเช่นกัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างในเรื่อง จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ การวิจารณ์ใดๆ สำหรับผมจะยึดถือหลักสำคัญว่า ถ้าเขียนอะไรลงไป ต้องกล้าพูดสิ่งที่เขียนเหล่านั้นต่อหน้าผู้กำกับหนังเรื่องนั้นได้ หากไม่เช่นนั้น ก็เหมือนการไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง ซึ่งมีจุดหนึ่งที่ผมชอบที่พระเอกพูดคือ คำเขียนของเขาอาจไม่ได้สื่อถึงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน จึงขอวิจารณ์ให้ฟังต่อหน้า ตรงนี้ทำดีมากครับ
ต่อมาเรื่องประเด็นของการมาเป็นผู้กำกับของนางเอก จะเห็นได้ว่านางเอกนั้นซึมซับเอาความชอบหนังมาโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ในใจจะปฏิเสธและบอกว่า ทำหนังเพื่อพิสูจน์ว่า ไม่ต้องทุ่มเท บ้าคลั่ง ก็ทำหนังได้ แต่ในความจริงแล้ว ตัวนางเอกก็เป็นหนึ่งในคนรักหนังมากกว่าใครเช่นกัน
ส่วนตัวพระเอกนั้น แน่นอนว่าความชอบดูหนัง และประสบการณ์การดูหนังมาทั้งชีวิต ทำให้เขามีอยากเป็นส่วนหนึ่งของหนัง ไม่ว่าจะฉากหน้า เบื้องหลัง แต่สุดท้ายเราจะเห็นได้ว่าเขามักจะถูกให้วิจารณ์หนัง เพราะเขาวิจารณ์ได้ดีมาตั้งแต่แรกๆ อาชีพนักวิจารณ์หนัง จึงเป็นความลงตัวของเขาอยู่แล้ว
เมื่อทั้งสองคนมาพบกัน พระเอกก็คงชอบนางเอกจากความน่ารัก แน่นอนว่าคุณไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า พักโบยองไม่น่ารัก55 และความแปลกที่แตกต่าง แต่ที่แน่ๆ นางเอกไม่ชอบพระเอก เพราะให้ความรู้สึกคล้ายพ่อของตนเอง แต่สุดท้ายก็ไม่รอด เพราะในใจลึกๆ ก็รักพ่อเหมือนกัน
คู่พระเอกนางเอกนั้น จะถือว่าเป็น Rom-Com ได้เลย เพราะมีท้งตลกน่ารัก และมิได้มีการขยี้ประเด็นเรื่องที่พระเอกหายตัวไปมากมายเท่าไหร่ แต่ที่ดราม่าจัดๆ นั้น ไปอยู่ที่คู่รอง ที่จอนโซนี เล่นคู่กับ อีจุนยอง ปกติจอนโซนีก็เล่นเป็นนางเอกนะครับ แต่เรื่องนี้มารับเป็นนางรอง คู่นี้หลายคนก็คงสงสัยว่า มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่ารักกัน แล้วเลิกกันทำไม ทำไมไม่กลับมาคบกัน เรื่องราวของคู่นี้เนื้อหาดีมากนะครับ มันแสดงถึงกระบวนการก้าวผ่านความเจ็บปวด ซึ่งดูเหมือนนางรองจะทำใจได้นานแล้ว มีแค่พระรองที่ทำใจไม่ได้ แต่ผมว่ามันไม่จริงหรอกครับ ทำใจได้ไม่ออกมาทรงนี้แน่ๆ เรื่องของคู่นี้อยากให้ดูจนจบ มีเรื่องราวสอนใจมากมาย
อีกคนที่เป็นระดับพระเอก แต่เรื่องนี้มาเล่นเป็นพี่ชายพระเอก นั่นคือ คิมแจวุค ตอนแรกผมนึกว่ามารับเชิญ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ และตอนที่เขาเล่าเรื่องราวของตัวเอง ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม ต้องใช้ระดับเขามาแสดง บอกเลยว่ายากที่จะไม่เสียน้ำตากับเรื่องราวของเขา
เรื่องนี้แทบทุกตัวละครหลักมีเรื่องราวของการก้าวผ่านความเจ็บปวด ซึ่งอันนี้มันไม่ใช่ Rom-Com แล้วล่ะ จัดหนักเบอร์นี้ มันคือ Melodrama ด้วยซ้ำ แน่นอนว่า ผมไม่ได้คาดคิดไว้ และแอบรู้สึกเสียดาย เพราะอยากดู Rom-Com ระดับเดียวกับ Our Beloved Summer อีกครั้ง เหมือนนักเขียนคนนี้ มีอะไรอยากเล่าเพิ่มขึ้น แต่คนดูอย่างผม ดันหวังเรื่องราวแบบเดิมๆ ซะงั้น
พระเอก - ชเวอูชิก พระเอกที่ผมชื่นชอบ และเป็นหนึ่งในคนที่หน้าเด็กมากพอที่จะปะทะกับพักโบยองได้ การแสดงคล้ายๆใน Our Beloved Summer อยู่บ้าง
นางเอก - พักโบยอง เรื่องนี้เธอแสดงได้เริ่ดมากครับ ลองดูการใช้สายตาสื่อความหมายในหลายๆซีน สายตาตอนมานั่งดูหนังนอกชานนั้น สื่อออกมาหมดเลยว่าเธอคิดอะไร การแสดงโหดครับ
Love Line - คู่หลัก Rom-Com สวยงามตลกน่ารัก คู่รอง ดราม่าจัดๆ
เพลงประกอบ - ดีอยู่หลายเพลง แต่ไม่ได้ติดหูแบบสุดๆ เหมือน Our Beloved Summer
เรื่องนี้ผมว่ามีหลายอย่างที่จงใจทำขึ้นมาเพื่อคาราวะหนังหลายๆ เรื่อง หรือแม้แต่ซีรีส์ที่นักแสดงเคยเล่นมากก่อน ฉากม้าหมุนนั่นยังไงก็มาจาก โดบองซุน แน่นอน รถที่พระเอกใช้ SAAB 93 เปิดประทุนสีแดง ถ้าจะบอกว่าเอามาเพื่อให้นึกถึงหนังเรื่อง Drive My Car ที่ใช้ SAAB 900S สีแดงก็คงไม่ผิด แต่ที่ผมฮามาก ก็เห็นจะเป็น "นั่งเหม่อกระทำความหว่องอยู่นั่น" ประโยคนี้ผมถึงกับต้องลองย้อนไปเปลี่ยนซับเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อดูว่ามีอะไรเกี่ยวกับหว่องกาไว บ้างไหม แต่ไม่เห็นมี ดังนั้นผมขอให้เครดิตกับคนแปลซับไทยครับประโยค "กระทำความหว่อง" นั้นเหมาะกับซีรีส์เรื่องนี้สุดๆ
ถ้าถามว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างไรในภาพรวม ผมก็ต้องตอบว่า มันอาจไม่โดนใจคนได้ทุกคน แม้กระทั่งผมที่คาดหวัง Rom-Com ไลน์เรื่องสวยๆ เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นดังหวัง แต่ถามว่าดีไหม ดีอยู่ครับ ดีมากๆ ด้วย ซีรีส์เรื่องนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบดูหนัง ชอบ Melodrama จำนวนตอน 10 EP นั้น ลงตัวและไม่มีอะไรฟุ่มเฟือย แต่เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ซับน้ำตาบ้างก็ดีนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้