ขอตั้งกระทู้เล่าเรื่องราวนิดหนึ่งละกันนะคะ เหตุการณ์เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2559 หลังจากที่ไปเดินงานวันธรรมดาน่าเที่ยว ตอนเวลา 17.30 น. ซึ่งจะกลับบ้านโดยจะต้องนั่งรถ Shuttle Busไป ที่จอดรถหลังโรงงานยาสูบ ขณะที่เดินผ่านทางเดินที่เค้าทำพิเศษโดยทำเป็นพื้นไม้ยกขึ้นมาจากพื้นและมีพรมแดงปูเป็นทางเดิน
ทั้งนี้ ต้องขอบอกก่อนคดีพลิกกลายเป็นเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ครั้งนี้เราก็รีบเดินมากพราะเห็นรถ Shuttle Bus อยู่ข้างหน้า และเราเดินโดยไม่ระวังตัวเท่าไหร่เพราะเห็นมีพรมแดงปูเป็นทางเดินสวยงาม สิ่งที่เกิดขึ้น คือ แผ่นไม้ทางเดินไม่ได้ติดกันโดยเผยอออกไปทั้งส่วนหน้าและส่วนด้านขวาของมัน ทำให้ข้อเท้าขวาของเราไปตกหลุมด้านขวา ส่วนเท้าซ้ายก็ตกหลุมข้างหน้า โดยที่เข่าเราไปกระทบพื้นและเราเอาข้อมือขวากันไว้ เวลาล้มก็ดูไม่ได้ล้มหนักมาก ล้มเสร็จก็ยังเดินต่อไปขึ้นรถได้
กลับมาบ้านเราก็เอาถุง 3M Hot Pack Cold Pack ประคบข้อเท้าขวาและหัวเข่าซ้ายไว้ แต่ก็เจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆ เวลา 21.30 น. เราออกจากบ้านไปโรงบาลสมิติเวชสุขุมวิท ตอนนั้นแผลที่บวมออกมาก็คือหัวเข่าด้านซ้ายและข้อเท้าด้านขวา พอคุณหมอตรวจดูว่ากระดูกไม่น่ามีการแตกหักอะไร เราก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมากก็เลยไม่ได้เอ็กซเรย์กระดูก ประกอบกับมันดึกแล้ว ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดอยู่ที่ 2,671.34 บาท
วันจันทร์กับวันอังคารจึงได้หยุดลาป่วยอยู่กับบ้านตามคำแนะนำของคุณหมอ ประคบ 3M Hot Pack Cold Pack ทั้งวันทำให้แผลที่บวมลดลงอย่างรวดเร็ว ทานยาคลายกล้ามเนื้อและยาลดบวมซึ่งทำให้ง่วงนอน และเมื่อไม่ได้เดินก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร ส่วนวันพุธกับวันพฤหัสไปทำงาน แม้จะหลีกเลี่ยงการเดิน ก็ตามก็เจ็บมาก ข้อเท้าทั้งสองข้าง และมือขวาก็เริ่มปวด ได้คุยกับคนที่ทำงาน ซึ่งคนที่ทำงานล้มสามคนกระดูกหัก ส่วนน้องอีกคนมีมือข้อมือหัก ทีนี้แผลก็เจ็บมากจากการเดินและนั่งเลยเป็นกังวลมากๆ
วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559 ซึ่งเป็นวันหยุดเรากังวลมาก จึงไปหาหมออีกรอบที่ โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิทเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่ 6,262.88 บาท เพราะมีการเอ็กซเรย์ทั้งข้อเท้าขวาข้อเท้าซ้ายหัวเข่าซ้ายและข้อมือขวา เพื่อความมั่นใจ ซึ่งค่าเอกซเรย์ทั้งหมดเป็นจำนวนเงินถึง 4,320 บาท ค่าหมอ 1,000 บาท และเราได้มีการลดยาออกไปสองรายการ Arcoxia 970.40 บาท และ Reparil Gel 3,705.88 บาท เนื่องจากสามารถซื้อเองข้างนอกได้ถูกกว่า ถ้าไม่มีการเอายาออกค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็หลักหมื่น จริงๆครั้งแรกหมอก็อยากให้ยา Arcoxia ที่แรงที่สุด แต่เราไม่เอาเพราะเป็นกรดไหลย้อนอยู่ พอขอยาตัวรองเลยทำให้หายช้าด้วย ทั้งนี้ ค่ารักษาพยาบาลเบิกจากประกันของบริษัทกับประกันส่วนตัวค่ะ
อย่างไรก็ตาม วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2559 เราได้มีการโทรไปบอกที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ แจ้งให้เค้ารับผิดชอบ ทางพนักงานรับเรื่องและบอกว่าจะโทรกลับ ซึ่งก็ถือว่าโทรกลับมาเร็วเหมือนกัน แต่ ไม่ได้คุยเพราะประชุม พอวันพฤหัส จึงได้มีเวลาคุยกับพนักงานของศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ ซึ่งเค้าโทรมาอธิบายว่าเค้าไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายอะไรได้เนื่องจากสถานที่ที่เราล้มไม่ดีมีกล้องวงจรปิดและไม่ได้มีพยาน เค้าแจ้งว่าไม้ที่วางเอาไว้เป็นทางเดินติดกันแต่อาจจะเป็นเนื่องจากคนเดินเยอะทำให้ไม้มีการเคลื่อนออกและมีช่องว่างให้สะดุดได้
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือว่า อยากให้สถานที่ผู้จัดงานมีจิตสำนึกกับสังคมมากกว่านี้ ควรจะต้องมีการยึดไม้เอาไว้เพื่อไม่ให้มันเคลื่อนได้แม้จะมีคนเดินเยอะ และการที่ปูพรมแดง มันทำให้ไม่เห็นเลยว่ามันมีรอยหลุมอยู่ ซึ่งจริงๆไม่เข้าใจทำไมต้องยกพื้นสูง ถ้าจะยกพื้นสูงควรต้องยึดไม้ให้แน่น ถ้าไม่สามารถทำก็ไม่ควรปูพรมเพราะมันทำให้มองไม่เห็นและเข้าใจผิดว่าพื้นเรียบ
สิ่งที่เรียนรู้ได้จากการครั้งนี้
1. เวลาล้มใช้น้ำแข็งประคบจะทำให้รอยที่บวมลงยุบมาได้อย่างรวดเร็ว และอย่าพยายามยืนเดินหรือนั่งเอาเท้าลง พักเยอะเยอะตอนแรกจะหายเจ็บไวขึ้น เวลาที่จะออกไปข้างนอกให้พันข้อเท้าไว้ เราพันทั้ง 2 ข้อเท้ารวมถึงหัวเข่าซ้าย ดีขึ้นเยอะ
2. ให้ซื้อประกันอุบัติเหตุแบบที่มีค่ารักษายาบาลเอาไว้ เพราะค่าใช้จ่ายจากการล้มแพงมาก เพื่อความชัวร์คุณควรเอ็กซเรย์ เพราะไม่งั้นเสียค่าหมอ 2 ครั้ง หรือประกันแบบคนไข้ในสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากประกันอุบัติเหตุฉุกเฉินแบบผู้ป่วยนอกกรณีรักษาภายใน 24 ชั่วโมงได้
3. ถ้าไม่มีประกัน และจะเรียกร้องค่าเสียหายจากศูนย์ประชุมฯ ให้ล้มแล้วนั่งรอหาพยาน เพราะศุนย์ประชุมฯมีประกัน จริงๆ เราก็เสียใจ/รู้สึกผิดเหมือนกันที่ล้มแล้วไม่ได้ดึงพรมแดงออกเพื่อกันไม่ให้คนอื่นล้ม ถ้าดึงพรมแดงออก รับรองเรามีพยานเพียบ 555
4. เวลาเดินอะไรไม่ควรรีบเดินมาก อย่าไว้ใจพื้น ที่นี่ คือ เมืองไทย
5. เวลาล้มเจ็บ ไม่ควรฝืนเดินต่อ ซึ่งบางคนเฝืนเดิน กระดูกก็หักหรือแตกได้ (ยิ่งพวกใส่ส้นสูง) ควรเอกซเรย์ไปเลยเพื่อไม่ให้ต้องกังวลทีหลัง แม้เวลาล้มตอนแรกเหมือนจะรู้สึกไม่ได้แรง แต่พอมีน้ำหนักกดไปด้วย รวมทั้งอายุที่มากขึ้นกระดูกเราไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิม
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
ค่ารักษาพยาบาลเกือบหมื่น จากการหกล้มจากความมักง่ายของศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ
ทั้งนี้ ต้องขอบอกก่อนคดีพลิกกลายเป็นเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ครั้งนี้เราก็รีบเดินมากพราะเห็นรถ Shuttle Bus อยู่ข้างหน้า และเราเดินโดยไม่ระวังตัวเท่าไหร่เพราะเห็นมีพรมแดงปูเป็นทางเดินสวยงาม สิ่งที่เกิดขึ้น คือ แผ่นไม้ทางเดินไม่ได้ติดกันโดยเผยอออกไปทั้งส่วนหน้าและส่วนด้านขวาของมัน ทำให้ข้อเท้าขวาของเราไปตกหลุมด้านขวา ส่วนเท้าซ้ายก็ตกหลุมข้างหน้า โดยที่เข่าเราไปกระทบพื้นและเราเอาข้อมือขวากันไว้ เวลาล้มก็ดูไม่ได้ล้มหนักมาก ล้มเสร็จก็ยังเดินต่อไปขึ้นรถได้
กลับมาบ้านเราก็เอาถุง 3M Hot Pack Cold Pack ประคบข้อเท้าขวาและหัวเข่าซ้ายไว้ แต่ก็เจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆ เวลา 21.30 น. เราออกจากบ้านไปโรงบาลสมิติเวชสุขุมวิท ตอนนั้นแผลที่บวมออกมาก็คือหัวเข่าด้านซ้ายและข้อเท้าด้านขวา พอคุณหมอตรวจดูว่ากระดูกไม่น่ามีการแตกหักอะไร เราก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมากก็เลยไม่ได้เอ็กซเรย์กระดูก ประกอบกับมันดึกแล้ว ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดอยู่ที่ 2,671.34 บาท
วันจันทร์กับวันอังคารจึงได้หยุดลาป่วยอยู่กับบ้านตามคำแนะนำของคุณหมอ ประคบ 3M Hot Pack Cold Pack ทั้งวันทำให้แผลที่บวมลดลงอย่างรวดเร็ว ทานยาคลายกล้ามเนื้อและยาลดบวมซึ่งทำให้ง่วงนอน และเมื่อไม่ได้เดินก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร ส่วนวันพุธกับวันพฤหัสไปทำงาน แม้จะหลีกเลี่ยงการเดิน ก็ตามก็เจ็บมาก ข้อเท้าทั้งสองข้าง และมือขวาก็เริ่มปวด ได้คุยกับคนที่ทำงาน ซึ่งคนที่ทำงานล้มสามคนกระดูกหัก ส่วนน้องอีกคนมีมือข้อมือหัก ทีนี้แผลก็เจ็บมากจากการเดินและนั่งเลยเป็นกังวลมากๆ
วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559 ซึ่งเป็นวันหยุดเรากังวลมาก จึงไปหาหมออีกรอบที่ โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิทเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่ 6,262.88 บาท เพราะมีการเอ็กซเรย์ทั้งข้อเท้าขวาข้อเท้าซ้ายหัวเข่าซ้ายและข้อมือขวา เพื่อความมั่นใจ ซึ่งค่าเอกซเรย์ทั้งหมดเป็นจำนวนเงินถึง 4,320 บาท ค่าหมอ 1,000 บาท และเราได้มีการลดยาออกไปสองรายการ Arcoxia 970.40 บาท และ Reparil Gel 3,705.88 บาท เนื่องจากสามารถซื้อเองข้างนอกได้ถูกกว่า ถ้าไม่มีการเอายาออกค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็หลักหมื่น จริงๆครั้งแรกหมอก็อยากให้ยา Arcoxia ที่แรงที่สุด แต่เราไม่เอาเพราะเป็นกรดไหลย้อนอยู่ พอขอยาตัวรองเลยทำให้หายช้าด้วย ทั้งนี้ ค่ารักษาพยาบาลเบิกจากประกันของบริษัทกับประกันส่วนตัวค่ะ
อย่างไรก็ตาม วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2559 เราได้มีการโทรไปบอกที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ แจ้งให้เค้ารับผิดชอบ ทางพนักงานรับเรื่องและบอกว่าจะโทรกลับ ซึ่งก็ถือว่าโทรกลับมาเร็วเหมือนกัน แต่ ไม่ได้คุยเพราะประชุม พอวันพฤหัส จึงได้มีเวลาคุยกับพนักงานของศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ ซึ่งเค้าโทรมาอธิบายว่าเค้าไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายอะไรได้เนื่องจากสถานที่ที่เราล้มไม่ดีมีกล้องวงจรปิดและไม่ได้มีพยาน เค้าแจ้งว่าไม้ที่วางเอาไว้เป็นทางเดินติดกันแต่อาจจะเป็นเนื่องจากคนเดินเยอะทำให้ไม้มีการเคลื่อนออกและมีช่องว่างให้สะดุดได้
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือว่า อยากให้สถานที่ผู้จัดงานมีจิตสำนึกกับสังคมมากกว่านี้ ควรจะต้องมีการยึดไม้เอาไว้เพื่อไม่ให้มันเคลื่อนได้แม้จะมีคนเดินเยอะ และการที่ปูพรมแดง มันทำให้ไม่เห็นเลยว่ามันมีรอยหลุมอยู่ ซึ่งจริงๆไม่เข้าใจทำไมต้องยกพื้นสูง ถ้าจะยกพื้นสูงควรต้องยึดไม้ให้แน่น ถ้าไม่สามารถทำก็ไม่ควรปูพรมเพราะมันทำให้มองไม่เห็นและเข้าใจผิดว่าพื้นเรียบ
สิ่งที่เรียนรู้ได้จากการครั้งนี้
1. เวลาล้มใช้น้ำแข็งประคบจะทำให้รอยที่บวมลงยุบมาได้อย่างรวดเร็ว และอย่าพยายามยืนเดินหรือนั่งเอาเท้าลง พักเยอะเยอะตอนแรกจะหายเจ็บไวขึ้น เวลาที่จะออกไปข้างนอกให้พันข้อเท้าไว้ เราพันทั้ง 2 ข้อเท้ารวมถึงหัวเข่าซ้าย ดีขึ้นเยอะ
2. ให้ซื้อประกันอุบัติเหตุแบบที่มีค่ารักษายาบาลเอาไว้ เพราะค่าใช้จ่ายจากการล้มแพงมาก เพื่อความชัวร์คุณควรเอ็กซเรย์ เพราะไม่งั้นเสียค่าหมอ 2 ครั้ง หรือประกันแบบคนไข้ในสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากประกันอุบัติเหตุฉุกเฉินแบบผู้ป่วยนอกกรณีรักษาภายใน 24 ชั่วโมงได้
3. ถ้าไม่มีประกัน และจะเรียกร้องค่าเสียหายจากศูนย์ประชุมฯ ให้ล้มแล้วนั่งรอหาพยาน เพราะศุนย์ประชุมฯมีประกัน จริงๆ เราก็เสียใจ/รู้สึกผิดเหมือนกันที่ล้มแล้วไม่ได้ดึงพรมแดงออกเพื่อกันไม่ให้คนอื่นล้ม ถ้าดึงพรมแดงออก รับรองเรามีพยานเพียบ 555
4. เวลาเดินอะไรไม่ควรรีบเดินมาก อย่าไว้ใจพื้น ที่นี่ คือ เมืองไทย
5. เวลาล้มเจ็บ ไม่ควรฝืนเดินต่อ ซึ่งบางคนเฝืนเดิน กระดูกก็หักหรือแตกได้ (ยิ่งพวกใส่ส้นสูง) ควรเอกซเรย์ไปเลยเพื่อไม่ให้ต้องกังวลทีหลัง แม้เวลาล้มตอนแรกเหมือนจะรู้สึกไม่ได้แรง แต่พอมีน้ำหนักกดไปด้วย รวมทั้งอายุที่มากขึ้นกระดูกเราไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิม
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ