ค่ำคืนวันศุกร์ วันเสาร์ ใครกำลังหาร้านนั่งชิลล์ มีอาหาร มีดนตรีสดดี ๆ ฟัง มีเครื่องดื่มเจ๋ง ๆ ให้ดื่มกันสบาย ๆ ต้องลองดูรีวิวนี้ เพราะวันนี้จะพามาร้าน MYST เป็นร้านสไตล์ Pub & Restaurant ที่มีคอนเซ็ปร้านเก๋ ๆ ทั้งเรื่องบรรยากาศร้าน เมนูอาหาร และเครื่องดื่ม เก๋อย่างไรเดี๋ยวไปดูกัน
ชื่อร้าน MYST มาจากคำว่า Mist ที่แปลว่า หมอกควัน และ Mystery ที่แปลว่า ความลึกลับ ซึ่งทั้ง 2 ความหมาย คือ Concept ของร้าน ที่เน้นเครื่องดื่ม Cocktail ที่แปลกใหม่ลึกลับไม่เหมือนใคร และมีหมอกควันมาเกี่ยวข้องกับเมนูเครื่องดื่มในสไตล์ Molecular Gastronomy หรือศาสตร์การทำอาหารเครื่องดื่มแนววิทยาศสาตร์ เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจการนำเสนอ Cocktail ของร้าน MYST เลย
ร้าน MYST ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 10 ที่เชื่อมกับถนนเอกมัย อยู่ใกล้ ๆ Muse กับ Arena 10 เลยครับ แต่ร้านไม่มีที่จอดให้นะน่าเสียดายมากต้องหาจอดเอาตามข้างถนน หรือไม่ก็ไปจอดในบริเวณพื้นที่ตรงข้าม เห็นว่าเป็นที่จอดรถของบริษัทอะไรสักบริษัท ซึ่งจะเสียค่าจอดประมาณ 100 บาทต่อคืน
บรรยากาศในร้านก็มีให้เลือกนั่งด้วยกัน 3 โซน คือ outdoor ด้านหน้าร้าน, เขยิบเข้าไปจะเป็นโซน indoor หน้าเวทีดนตรีสด และสุดท้ายคือขึ้นไปชั้น 2 จะมีโซฟาและเก้าอี้สูงห้อยขาให้เลือกนั่งกัน ก็เลือกได้ตามชอบ สไตล์การตกแต่งก็จะเป็นอะไรที่ผสมผสานเดายากหน่อย จะว่า Modern ก็ Modern จะว่าย้อนยุคก็ได้นิดหน่อย ต้องลองไปกันดูแล้วช่วยบอกผมหน่อยว่าเป็นสไตล์ไหนครับ


พูดมาถึงตรงนี้คงมีหลาย ๆ คนนึกภาพบรรยากาศตามได้ แต่เรื่องหน้าตาของเมนูอาหารและเครื่องดื่มนี่น่าจะเดากันยาก จะเป็นสไตล์ไหน หน้าตาของเมนูแต่ละอย่างจะเป็นอย่างไร ต้องลองไปดูกันเลยครับ ขอเริ่มจากเมนูอาหาร แล้วปิดด้วยไฮไลท์เครื่องดื่มแล้วกันนะครับ

แซลมอนสดใหม่สีสวย นำเข้าจากนอร์เวย์ นำมา sear ให้ผิวข้างนอกสุก ส่วนข้างในก็ให้พอสุก นุ่มและไม่แข็งกระด้าง ใช้ซอสพล่าที่เป็นสูตรเฉพาะของร้านรสชาติจัดจ้านกลมกล่อมราดลงไปบนชิ้นปลานั้นพร้อมกับสมุนไพรนานาชนิด ถูกปากคนไทยแน่นอน




เป็นรูปแบบการนำเสนอเมนูนาโช่สมัยใหม่ ที่จะนำแผ่นแป้งนาโช่กรอบ ๆ ที่ทอดสุกแล้วมาวาง แล้วประโคมเครื่องต่าง ๆ ลงไปบนแผ่นแป้งที่กองไว้ ส่วนผสมไม่แน่ใจนัก แต่ก็เป็นพวกหมูสับมาผัดกับซอสและพริกในสไตล์แม็กซิกัน แล้วมีพวก Sour cream และชีสโรยด้านบน กินกับมะเขือเทศ, pickle ดอง และไข่กุ้ง ก็อร่อยมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครดี
แต่ผมว่ารสชาติเค็มและเข้มข้นไปหน่อย ถ้ารสชาติอ่อนกว่านี้สักหน่อย มีรสเปรี้ยวที่สดชื่นกว่านี้สักนิด จะอร่อยมาก จะเป็นจานเรียกน้ำย่อยที่ดีอีกจานเลย




เมนูบอกเลยว่าอร่อยครับ ไม่ถึงกับสดชื่นมากเพราะไม่มีพวกผลไม้ แต่การผสมซอสของทางร้านที่รสชาติจะกลมกล่อมออกเปรี้ยว ๆ หน่อย กับผักและส่วนประกอบต่าง ๆ เข้ากันและลงตัวมาก โดยเฉพาะตัวชูโรงอย่างอกเป็ดที่ทางร้านหมักไว้ 24 ชั่วโมง แล้วนำมาสไลด์บางๆ คลุกเคล้าเดรชซิ่งกินคู่กับผักสลัดสดกรอบก็เข้ากันดีมาก และยังมีวอลนัทเป็นตัวที่ช่วยเพิ่มความมันและความกรุบกรอบได้ด้วย




เมนูนี้ดูหน้าตาก็รู้สึกว่าไม่เท่าไหร่ แต่เป็นอีกเมนูที่สอนให้รู้ว่าอย่าตัดสินอะไรที่เปลือกนอก เพราะรสชาติเข้มข้นถึงเครื่องมาก เส้น Fettuccini ที่ลวกมาสุกกำลังดี คลุกเคล้ากับครีมซอสสีขาวข้น เคลือบเส้นมาแบบไม่ชุ่มเกินไป แต่พอกินเข้าไปในปากรสชาติความเข้มข้นของซอสก็เฉิดฉายเปร่งประกายขึ้น ผสานกับกลิ่นของพาร์เมซานชีส พาร์มาแฮมสไลด์บาง และทรัฟเฟิลออย มันยิ่งทำให้ต่อมรับรู้อาหารดิตาเลี่ยนยิ่งทำงานดีขึ้นเลย อร่อยครับ




การตกแต่ง การให้สีสัน การนำเสนอของเมนูนี้ ทำได้ดีมาก และเรื่องรสชาติความรู้สึกของเมนูนี้นั้นก็ไม่แพ้การนำเสนอเลย เนื้อปลาแซลมอนสดใหม่ เท่าที่ผมได้ลองผมถือว่าสดใช้ได้เลย เมื่อนำมาทำ Steak เนื้อปลามีความนุ่มอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ราดด้วยซอสเพสโต้ที่มีรสชาติออกเผ็ดร้อนนิดหน่อย ทำให้เนื้อปลาและซอสเข้ากันลงตัวดี ก่อนกินก็อาจจะบีบเลม่อนเพิ่มควาเปรี้ยวตัดเลี่ยนของน้ำมันที่ออกมาจากปลาสักหน่อย แค่นี้ก็อร่อยเลิศแล้วครับ




เมนูนี้ก็น่าจะเป็นอีกบททดสอบสำหรับร้านสมัยใหม่ ที่เอาเมนูสไตล์อเมริกันนี้ มาเป็นส่วนหนึ่งของเมนูในร้าน ซึ่งที่นี่ก็ทำออกมาได้ดีในระดับนึง ความนุ่มของเนื้อซี่โครงเอาไปเต็ม เพราะเนื้อนุ่มมาก ล่อนออกจากกระดูกอย่างง่ายดาย แต่เรื่องความหอมและรสชาติผมว่ายังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อร่อยนะไม่ใช่ไม่อร่อยแต่ยังไม่มีอะไรที่โดดเด่น แต่ก็ถือว่ายังดีที่ไม่มีกลิ่นเครื่องเทศที่เป็นกลิ่นแขก ๆ อ่ะครับ เพราะบางร้านกลิ่นเครื่องเทศจะแรงมาก รับไม่ได้ แต่ที่นี่เป็นสไตล์กินง่ายครับ ต้องลอง

พูดถึงอาหารกันไปแล้วคราวนี้เรามาลองรีวิวอีกหนึ่งไฮไลท์ของร้าน นั่นก็คือในเรื่องของเครื่องดื่มที่ทำออกมาได้อลังการน่าสนใจ บางเมนูก็ใหญ่โตมโหราฬ บางเมนูก็ใช้เทคนิคต่าง ๆ มาปรุงแต่งให้เก๋ไก๋ สุดชิคเลย บาร์เทนเดอร์ของที่นี่เค้าก็มีดีกรีพอสมควร ได้ถ้วยรางวัล Worldclass มาด้วย


เป็นการรวมกันระหว่าง Classic Cocktail กับ Molecular Cocktail โดยการใช้บรั่นดีที่แต่งกลิ่นด้วย Maraschino, น้ำมะนาวสด, ไซรัป และน้ำผึ้ง ผ่านขั้นตอนให้เย็นจัด เสิร์ฟคู่กับคาเวียร์เสาวรส เครื่องเคียงที่แตกในปาก เป็นการแยกองค์ประกอบของ Cocktail เพื่อให้ส่วนผสมต่าง ๆ กลับไปรวมกันใหม่ในปากอีกครั้ง




เป็นการนำบิกเกอร์หรือหลอดทดลองวิทยาศาสตร์มาเป็นภาชนะในการใส่ Cocktail ให้ลูกค้าได้รู้สึกเหมือนเป็นนักวิทยาศาสตร์ ส่วนผสมในหลอดมีทั้ง Infused Vanilla Vodka, Sweet Basil Spring, น้ำสับปะรด ส่วนด้านล่างเป็น Apple cider วิธีการดื่มคือ สลับกัน พอดื่มในหลอดบิกเกอร์เสร็จ ก็ดรอปด้วยด้านล่าง แก้วนี้ดื่มง่ายเหมาะกับสาว ๆ ครับ




เป็นการนำ Molecular Gastronomy Passion Fruit Syrup ซึ่งแตกในปากให้เพิ่มรสชาติของกลิ่นสาเกญีปุ่น เรียกได้ว่าเป็น cocktail กลิ่นอายญี่ป่นและมีความหอมอมเปรี้ยวของเสารส เหมาะกับเมืองร้อนที่เมื่อได้ชิมแก้วนี้แล้วสดชื่น





ค็อกเทลชนเผ่าโบราณเสิร์ฟมาในแก้วรูปปั้นคนป่าสีเขียว ด้านในประกอบด้วยเหล้าดาร์กรัม ไวน์แดง ชาเบอร์รี น้ำสตรอเบอร์รีและน้ำองุ่นครับ เมนูนี้รสชาติจะออกนุ่มนวลๆ มีหลายรสชาติและกลิ่นที่หอมชวนดื่มจากไวน์แดง




ค็อกเทลสุดอลังการที่คุณบาร์เทนเดอร์จะทำการโชว์การทำแบบสด ๆ ทั้งควันไนโตรเจนเหลวโพยพุ่งและการผลักแก้วชอร์ตให้ล้มลงใส่แก้วใบใหญ่แบบโดมิโน่ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ตัวค็อกเทลเป็นลิเคียวสีสันสดใสพร้อมด้วยว้อดก้าและสไปรท์ มีหลายรสชาติที่แตกต่างกันเหมาะกับสาวๆ




เป็น cocktail สำหรับ Gang Girl ทุกคินวันจันทร์สาวๆที่มาตั้งแต่ 4 คนขึ้นไปรับพรี Cocktail แก้วนี้ เป็นแก้วที่มีรสชาติหนักแน่นแต่นุ่มนวล ด้วย Rum และผลไม้สดที่คั้นเอาแต่น้ำเพิ่มความสดหอมของมะม่วง ทำให้รสชาติลงตัว