ชนะน็อก โรคซึมเศร้า ยกที่สาม ตอน เสื้อกิโมโนสีขาวตัวจิ๋วจากห้างรังนกใต้ 1

ชนะน็อก โรคซึมเศร้า ยกที่สาม ตอน เสื้อกิโมโนสีขาวตัวจิ๋วจากห้างรังนกใต้

ความคิดไม่ถูกต้อง ต้องเปลี่ยน สับสวิตซ์ สับสวิตซ์ ฉั้บบ!!!
ความคิดแว้บได้เข้ามาบอกฉันอีกแล้ว
ฉันเอาความคิดนี้มานั่งคิดไตร่ตรอง  คิดอะไรไม่ถูกต้อง  สับสวิตซ์ อะไร ทำไม แล้วก็ได้คำตอบกับตัวเองในเวลาต่อมาว่า
งั้นแสดงว่าความคิดของฉันคงไม่ถูกต้องในบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก  แสดงว่าฉันมักจะคิดเรื่องที่ทำให้เกิดอารมณ์เศร้า
เสียใจย้ำอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเมื่อความคิดไม่ถูกต้องนี้วนเวียนเข้ามา ฉันจะต้องสับสวิตซ์ทันที  อ๋อ เข้าใจแล้ว
วันต่อมา ความคิดแว้บมาอีกแล้ว

ควบคุมตัวเอง กายและจิต”
อะไร ยังไง ฉันถามตัวเองฉันยังหาคำตอบไม่ได้  และแล้วคืนนั้นเมื่อฉันออกไปสวดมนต์และไหว้ดวงดาวในตอนกลางคืนเสร็จ
กลับเข้ามาอาบน้ำและล้มตัวลงนอน เคลิ้มใกล้จะหลับ  ก็มีความคิดไหลเข้ามา

“เมื่ออยู่ในกรอบความคิดเดิมๆนี้ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า  ต้องสับสวิตซ์ทันทีที่ความคิดไม่ดีเข้ามา
จำไว้ว่าโรคซึมเศร้ากลัวคนที่ร่าเริง แจ่มใส กลัวเสียงหัวเราะ โรคซึมเศร้ากลัวการขยับร่างกาย
การออกกำลัง เดิน เดิน เดิน หาอะไรทำ  อย่าอยู่นิ่ง  โรคซึมเศร้าชอบเรื่องน่ากลัว น่าตกใจ เรื่องเศร้าเลวร้าย
ยิ่งมีมากโรคซึมเศร้ายิ่งชอบจะชักชวนกันมาฟังมารับความรู้สึกที่เป็นอาหารอันโอชะของมัน
และมันจะฝังอยู่กับคนที่จมปรักไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย  และอย่าได้ปล่อยให้ความคิดคร่ำครวญ
ทุกขเวทนาอยู่ในจิตใจต้องสลัดมันทิ้งไป จงอย่าได้คร่ำครวญว่ากำลังป่วย  หรือใจจดจ่อแต่ว่าตัวเองป่วย
อย่าโทษเพราะคนนั้น คนนี้ คนโน้น ทำให้ป่วย อย่าบอกว่าเหตุการณ์นั่น โน้น นี้ นี่ ทำให้ป่วย  
ไม่หรอก ที่ป่วยเพราะตัวเองทั้งสิ้น เพราะเอาความเสียใจ ท้อแท้สิ้นหวัง หมดคุณค่า ฝังลงในจิตของตัวเอง
และเฝ้าตอกย้ำมันบ่อยๆ เริ่มจากนานๆครั้ง ก็บ่อยขึ้น บ่อยขึ้น จนเกือบจะตลอดเวลา แล้วจะไม่ทำให้จิตบอบช้ำแสนสาหัสได้ยังไง”

ถ้าอย่างนั้น ฉันบอกตัวเอง ฉันต้องทำให้ได้  ฉันทำได้  ฉันมั่นใจว่าฉันทำได้  ฉันต้องหายป่วยแน่นอน  
ฉันบอกตัวเองซ้ำๆ แล้วฉันก็หลับไป

คืนต่อมาหลังจากฉันออกไปสวดมนต์และไหว้ดวงดาวตามปกติแล้วฉันก็เข้านอนปิดไฟมืดสนิท
ความคิดแว้บก็เข้ามาหาฉันอีกในเรื่องเดิมๆที่ฉันยังไม่สามารถจะเข้าใจและทำได้

“จิตสำนึกและจิตใต้สำนึก ความสามัคคีกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความคิดคล้อยตามกันอย่างเป็นกุศล
ความรัก ความเมตตากรุณา ใส่ลงไป เติมลงไปในจิตสำนึกและให้รู้สึกถึงความอิ่มเอิบใจจนตราตรึงถึงจิตใต้สำนึก
ย้ำๆบ่อยๆ เหมือนกับที่เคยย้ำเรื่องไม่เข้าเรื่องเหมือนแต่ก่อน ย้ำเรื่องความดีเข้าไป ย้ำเรื่องความรัก ความเอาใจใส่
ความเมตตาของใคร นึกถึงเพชรมณีแห่งจิตของพระพุทธองค์ว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน
คิดถึงความดีและบุญคุณที่พระองค์ท่านได้สร้างไว้ว่ายิ่งใหญ่มหาศาลอย่างไร  นึกถึงความดีของคนต่างๆที่มีข่าวไปทั่วโลก
ดีใจและปลื้มใจกับเค้า และคิดเอาเค้าเป็นแบบอย่าง เมื่อจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกเริ่มคล้อยตามกัน
ความรู้สึกป่วยโรคซึมเศร้าจะเริ่มค่อยๆหายและเมื่อไร ที่จิตทั้งสองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในด้านบวกอาการของโรคก็จะหายราวกับปาฏิหาริย์  
และถ้าสามารถพัฒนาขึ้นได้มากกว่านั้นก็จะหลอมพลังของจิตทั้งสองเกิดเป็น ดวงจิตขึ้นมาเป็นผลึกแก้ว  
เมื่อพัฒนาไปอีกขั้น ผลึกแก้วจะหลุดออกไปให้เห็น ดวงแก้วใสที่ยังไม่มีประกาย และเมื่อพัฒนาไปอีกจะเริ่มมีประกายขึ้นที่ละน้อย
จนเกิดเป็น ดวงแก้วใสมีประกาย และเมื่อฝึกจนเข้มแข็งมากจะทำให้เกิดพลังมหาศาล
และสามารถพัฒนาไปสู่ แก้วมณีแห่งจิต ดวงจิตนั้นมีหลายสี คือ แก้วมณีนี้จะมีดวงจิตเป็นทับทิมหรือ มรกต  หรือ บุษราคัม
เช่นเหล่าพวกที่เป็นอัจฉริยะ นักประดิษฐ์คิดค้น ผู้ค้นพบ อย่าง เอดิสัน หรือผู้ที่มีเมตตามากๆอย่าง แม่ชีเทเรซ่า
จะมีประกายที่เจิดจ้ามาก  แต่ขั้น เพชรมณีแห่งจิต  ค้นไม่พบจากคนทั่วไปนอกจากระดับพระศาสดา  
          
          เมื่อเกิดดวงแก้วแห่งจิตหรือแก้วมณีแห่งจิตแล้ว พลังงานจากดวงจิตนี้บวกกับ การภาวนา ภาวนา และภาวนา
สวดมนต์ สมาธิ  และศรัทธาอย่างสิ้นสงสัย  ศรัทธาอย่างถวายชีวิต จะเกิดพลังงาน คลื่นความสั่นสะเทือนแห่งจิต
ที่จะสามารถสื่อขึ้นไปกระทบกับคลื่นพลังงานในจักรวาล แล้วจักรวาลจะให้คำตอบในเรื่องที่ต้องการรู้
หรือประทานให้ในเรื่องที่วิงวอนด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย   และยังมีพลังงานของคลื่นอีกมากมาย
ในจักรวาลที่มนุษย์ยังไม่สามารถค้นพบ”
          
          เอ้าเร็ว คุณและฉันมาพัฒนาจิตกันให้เกิดดวงมณีแห่งจิตเพื่อจะให้โลกจารึกว่าเราผู้ค้นพบคลื่นพลังงานตัวใหม่
นอกเหนือจากคลื่นสัญญาณอินเตอร์เน็ท คลื่นสัญญาณมือถือที่ทั้งโทรทั้งไลน์กันทั่วบ้านทั่วเมือง 555
โลกจะเปลี่ยนจากยุคโลกาภิวัตน์โดยสิ้นเชิง  แต่ฉันคิดไปคิดมา เอาให้เราหายป่วยก่อนดีกว่านะคะ 555
เรื่องอื่นไว้ทีหลัง เรื่องซึมเศร้าเรื่องใหญ่

และในคืนต่อๆมา ความคิดก็ไหลเข้ามาอีกเช่นเคย
“ความสุขที่แบ่งบานจากภายใน เหมือนดอกไม้ที่ค่อยๆผลิก้านดอก
จากดอกตูมเล็กๆค่อยๆ ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น และเริ่มค่อยๆแย้มบานออก จนเบ่งบานสวยงาม เหมือนกับความสุข
ความสุขเกิดขึ้นจากภายในก่อนเสมอ จำไว้ว่าเกิดขึ้นจากภายในก่อนเสมอ จำไว้ จากภายในก่อนเสมอ  
เหมือนกุหลาบที่ค่อยๆผลิบาน ความสุขมันก็เหมือนเช่นเดียวกันจะค่อยๆผลิบานและออกสู่ภายนอกเอง
ไม่ต้องไปวิ่งหาที่ไหน มันอยู่ในตัวเรานี่เอง  มองลึกเข้ามาถึงจิตใจตัวเอง  มองลึกลงไป”

รุ่งเช้า ฉันเฝ้าครุ่นคิดเรื่องความคิดที่ไหลเข้ามาสู่สมองฉัน  ความคิดในใจเกิดแย้งกันขึ้นมา ใจนึงฉันเชื่อ
อีกใจนึงบอกตัวเองว่า สงสัยเราจะเพ้อแล้ว หรือเราเริ่มเป็นโรคจิต รึกินยามากไป ทำให้ ประสาทหลอน
นึกขำ แก้วมณีแห่งจิต  เอ่อคิดได้นะ    และแล้วความคิดแว้บเข้ามาทันที

“ถ้าไม่แน่ใจ  ลองค้นคว้าดูซิ  แล้วความจริงจะปรากฏ”

          ความคิดนี้เลยทำให้ฉันต้องค้นคว้าอย่างหนักเพื่อที่จะช่วยให้ฉันหายสงสัยและตอบคำถามเรื่องนี้ว่าจริงรึเปล่า
ฉันค้นทุกแหล่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ท ซึ่งก็ให้คำตอบกับฉันแต่ฉันคิดว่ามันก็ยังไม่เพียงพอ
ฉันไม่หยุดความพยายามที่จะหาข้อมูลมารองรับความเชื่อของฉัน
          
           แล้ววันนึงฉันไปที่ห้างสรรพสินค้าที่มีร้านขายหนังสือหลายๆร้าน  ค้นหาและได้หนังสือมาหลายเล่ม
         และเมื่อฉันกลับมาบ้าน ฉันเอาหนังสือทั้งหมดมารวมกัน และรื้อหนังสือออกมาดู แล้วฉันก็ประหลาดใจ
เอ๊ะ  ฉันซื้อมาทำไมหนังสือเล่มนี้ เล่มนี้มันไม่อยู่ในหัวข้อที่ฉันอยากจะรู้นี่นา   LAWS OF SUCCESS  
เฮ้อ... หนังสือเกี่ยวกับวิธีทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ การบริหารจัดการองค์กร การเป็นผู้นำ วิธีบริหาร
หนังสือประเภทนี้ฉันได้อ่านมามากแล้วเพราะเคยศึกษาด้านนี้ในขั้นปริญญาตรี และโท ตลอดจนพวก
ที่เป็น Best Sellerของหนังสือประเภทนี้ อารมณ์ตอนนี้ฉันไม่ต้องการจะประสบความสำเร็จ
ตอนนี้ฉันอยากรู้เรื่องที่ฉันสงสัย  ฉันไม่ได้อยากจะรู้ว่าทำยังไงฉันจะเป็นผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม
ตอนแรกคิดว่าพนักงานขายคงหยิบผิดตอนห่อปกหนังสือให้ลูกค้าหลายๆคน ฉันตั้งใจจะเอาไปคืน
ก็เลยดูในบิลว่าร้านไหนปรากฏว่าฉันซื้อมาเอง ฉันชำระเงินมาเรียบร้อยแล้วพร้อมหนังสือเล่มอื่นๆ
ฉันเซ็งมากเลยเอามันไปวางรวมเก็บไว้ที่ชั้นวางหนังสือที่อ่านแล้วในห้องนอนกะว่าพรุ่งนี้จะเอาเข้าไปเก็บ
ไว้ในตู้หนังสือในห้องหนังสือข้างล่าง  พอตกกลางคืนฉันออกไปสวดมนต์และไหว้ดาวตามปกติทุกวัน
(ถ้าคุณเป็นบ้านที่ไม่มีสนามหรือบริเวณ ฉันแนะนำให้คุณยืนที่ระเบียง หรือยืนใกล้หน้าต่างก็ได้
แค่ให้คุณสามารถมองเห็นท้องฟ้าก็พอแล้ว ได้รับพลังเท่าๆกันค่ะ ไม่ต้องดั้นด้นออกไปกลางค่ำกลางคืนเดี๋ยวจะไม่ปลอดภัย)
หลังจากนั้นฉันขึ้นบ้านมา เข้ามาในห้องแล้วอ่านหนังสือที่ฉันตั้งใจซื้อมาวันนี้ แต่สักพักฉันรู้สึกง่วง   เลยปิดไฟเข้านอน  
และขณะที่ฉันนอนหลับตาได้ไม่ถึงห้านาทีในความมืดความคิดก็ไหลเข้ามา

          “เปิดหนังสือดูสิ เล่มที่ไม่คิดว่าจะซื้อ ไปหยิบมาอ่านสิ มันบอกอะไร
ฉันหายง่วงเป็นปลิดทิ้งพร้อมกับรีบลุกขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มนี้ที่วางไว้ล่างสุด ฉันเปิดอ่าน
และทันทีที่เปิดอ่าน ฉันวางมันไม่ลง  ฉันอ่านจนถึงตีสี่  และถ้าว่างเมื่อไหร่ฉันจะรีบมาอ่านทันที
อย่างใจจดใจจ่ออยู่กับหนังสือเล่มนี้ เพราะในบางช่วงบางตอนของหนังสือมันได้ตอบคำถาม
ที่ฉันสงสัยได้อย่างละเอียดลออเข้าใจลึกซึ้ง ฉันอ่านมันจนจบ  และแล้วความคิดแว้บได้เข้ามาในหัวอีกครั้ง

มีหนังสืออีกเล่มนึงที่ซื้อมายังไม่ได้เปิดอ่าน มันยังอยู่ที่ชั้นวางหนังสือหน้าห้องพระ
ฉันวิ่งขึ้นไปยังชั้นสามไปหน้าห้องพระ และพบหนังสือเล่มนึงที่ฉันไม่เคยเปิดมันอ่านเลยจริงๆ
เพราะตอนซื้อกลับมา ฉันมานั่งงงอยู่ที่บ้าน ฉันซื้อมาทำไม บ้าแล้ว “อัตชีวประวัติของโยคี ปรมหังสา โยคานันทะ”
ตอนนั้นฉันหัวเราะ ฉันไม่ได้อยากเป็นโยคี ความคิดเรื่องโยคีเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในสมองของฉัน
มันดูจะขบขันเสียด้วยซ้ำในตอนนั้น  ขำตัวเองมากหยิบมาทำไมแล้วก็วางมันทิ้งไว้ไม่สนใจ
แต่วันที่ฉันมีความคิดแว้บเข้ามาบอกเรื่องหนังสือเล่มนี้ซึ่งบอกตำแหน่งอย่างชัดเจนว่าอยู่ที่ไหน
ถ้าไม่บอกไม่มีทางหาเจอแน่นอนเพราะมันมีหนังสือในบ้านเกือบพันเล่มได้    วางอยู่ทั่วบ้าน ทั้งห้องรับแขก
ทั้งตู้ในห้องอาหาร ห้องหนังสือ ตู้หน้าห้องนอนลูก ในห้องนอนลูกและหน้าห้องพระ ในห้องนอนฉันมีทั้งในตู้และชั้นวาง
บ้านฉันไม่มีสมบัติมีค่าอะไรเพราะเงินมันลงไปในการซื้อหนังสือ

ฉันได้นำมันลงมา “อัตชีวประวัติ ของ โยคี” ฝุ่นจับเลย   โอ๊ย ตายแล้ว 656 หน้าแล้วฉันจะหาเจอไม๊เรื่องที่ฉันอยากรู้
อ่านจบแล้วจะเป็นโยคีไม๊นี่ ฉันเลยอธิฐาน  ถ้าอยากให้ฉันรู้อะไรในเล่มนี้ให้เปิดเจอ เมื่อฉันแหวกเปิดไปกลางๆเล่มและอ่าน
ฉันพบคำตอบที่ยืนยันความเชื่อที่ไหลเข้ามาในความคิดฉัน บางช่วงบางตอนของหนังสือเล่มนี้ได้ตอบคำถามที่ฉันสงสัย
ได้อย่างเข้าใจเหมือนกัน  ทำให้ฉันคิดได้ว่า อาจมีบางสิ่งบางอย่างอยากจะให้ฉันรู้ถึงพลังจักรวาล   แต่ฉันปิดกั้น
ทำให้ฉันไม่ยอมอ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อหลายปีก่อน  

เมื่อฉันได้อ่านหนังสือสองเล่มนี้แล้ว  ฉันแปลกใจว่าทำไมฉันถึงได้รู้ไปก่อน ก่อนที่จะได้เอาหนังสือสองเล่มนี้มาอ่าน
และรวมถึงเรื่อง the Secret หนังสือที่ฉันซื้อมาในวันหลัง ความประหลาดใจนี้ทำให้เป็นการย้ำฉันให้มั่นใจว่า
เรื่องที่เข้ามาในสมองฉันก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องจริงและถูกต้องแล้ว นำมาซึ่งความเชื่อสุดจิตสุดใจเต็มไปด้วยศรัทธาแรงกล้า
และนำมาสู่เรื่องที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่