รวมอมตะธรรมคำสอน เข้าใจง่ายสายหลวงปู่มั่น - พฤษภาคม 2559
ผู้ปิดทองหลังพระ คือผู้ที่หมั่นทำความดีโดยไม่เน้นประโยชน์ส่วนตน #ฟ้าทะลายโจร
ภูมิใจเสนอ รวมอมตะธรรมคำสอน เข้าใจง่ายสายหลวงปู่มั่น พระอรหันต์สายวัดป่า ธรรมยุต ประจำเดือน พฤษภาคม 2559
รายการนี้เป็นรายการที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เหมาะแก่การฟังเพื่ออรรถรสทางปัญญา สมาธิ และการสนทนาธรรม
1.
"การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย
ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่น จนอยู่ไม่เป็นสุขนั้นนักปราชญ์ถือเป็นความผิด และบาปกรรมไม่มีดีเลย
จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนา มาทรมานอย่างไม่คาดฝัน
การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรองเป็นการสั่งสมโทษ และบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์
จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย
ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้น"
คติธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
2.
" เราไม่ควรอ้างกาลเวลา
เราต้องตั้งสติให้มันเคร่งครัดลงไป
ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ทุกอิริยาบถ
ให้มันมีสติอยู่เสมอทุกลมหายใจ
เข้าออก เราแก่อยู่เจ็บอยู่ ตายอยู่ทุกเวลานาที.."
อนึ่ง เมื่อความโกรธเกิดขึ้น
เรากลั้นลมหายใจเสีย ความโกรธนั้นก็หายไป
แล้วจะเหลือแต่ใจเดิม คือความรู้สึกเฉยๆ
อย่าลืม ทำบ่อยๆ ก็เห็นใจเดิม
แล้วความโกรธก็ค่อยๆ หายไป
.....หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
3.
"ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร ไม่มีวันสำเร็จ"
" บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้อง ทำเอาเอง "
"เรื่องราวเต็มโลก เต็มบ้านเต็มเมือง เราก็วางเสีย ละเสีย
การละก็อยู่ที่กาย ที่ใจของตนเองนี่แหละ อย่าไปละที่อื่น
การหอบอดีต และอนาคต มาหมักสมไว้ในใจ ใจก็เป็นทุกข์ ตัดออกให้หมด"
....หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
4.
"ผู้ใดมี "สติ" ... อยู่ทุกเวลา
ผู้นั้นก็จะได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า...อยู่ตลอดเวลา
เพราะว่า เมื่อตามองเห็นรูป...ก็เป็นธรรมะ
หูได้ยินเสียง...ก็เป็นธรรมะ
จมูกได้กลิ่น...ก็เป็นธรรมะ
ลิ้นได้รส...ก็เป็นธรรมะ
ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ นึกขึ้นได้เมื่อใด...เป็นธรรมะเมื่อนั้น
...หลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
5.
กุสลาทำไม !
“ครั้นจะตายแล้วจึงไปนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา กุสลาทำไม ! เวลามีชีวิตอยู่
ไม่สนใจกับ กุสลา ธมฺมา ตายแล้วถึงจะไปนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา ถ้าอย่างนั้นศาสนาก็
ไม่มีความหมายอะไรซี ก็บวชพระหลวงตาไว้ตามบ้านตามเรือนแห่งละองค์ ๆ ไม่ต้องไป
สนใจกับอะไร เอ้า สร้างลงไปบาป อยากสร้างบาปขนาดไหนสร้างลงไป เพราะมีหลวงตา
รับรองอยู่แล้ว พอตายแล้วก็ไปนิมนต์หลวงตามา กุสลา ธมฺมา นาย ก. นี่มันไปไหนนา ๆ มัน
จะไปไหนมันลงนรก ! ตั้งแต่หลวงตาก็ไม่รู้ กุสลา ธมฺมา เกิดผลประโยชน์อะไร ให้สร้างเสีย
เวลานี้ที่มีชีวิตอยู่นี้”
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๔
6.
เรื่องของโลกยิ่งเรียนยิ่งกว้าง
เรื่องของธรรมยิ่งรู้ยิ่งแคบ
และรู้แคบเท่าไรก็ยิ่งดี
ถ้ารู้กว้างออกไปมักฟุ้งซ่าน
เป็นเหตุให้เกิดความไม่สงบ
ผู้ที่ทำจิตให้แคบเข้าละเอียดเข้าก็จะเกิดความวิเวกสงบ
เกิดแสงและวิปัสสนาญาณ
มองเห็น อดีต อนาคต และปัจจุบันได้ทุกอย่าง
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
7.
"เจตนานึกคิดเกิดจากจิตใจของเรา ผลของการกระทำก็จะคืนกลับมาหาเรา ไม่ได้ตกหนีไปทาง
อื่น เพราะว่าต้นเหตุมันอยู่นี้"
"การที่คนเราจะมีบุญวาสนาได้นั้นต้องเป็นผู้ลงมือทำดีเอง การที่เราจะหมดบุญวาสนานั้นเพราะลงมือทำชั่วเอง
ความมีบุญวาสนาหรือความไม่มีบุญวาสนา ใครทำให้ใครไม่ได้ เหมือนดอกและผลของต้นไม้ย่อมเจริญเพราะอาศัยดินดี
บุญกุศลคุณงามความดีย่อมเจริญงอกงามได้ ก็เพราะคบหาคนดีและศรัทธาความดีฉะนั้น
ป่าเปลี่ยวเป็นที่ไปของฝูงเนื้อ กลางหาวเป็นที่ไปของฝูงนก การสิ้นความกำหนัดเป็นเป้าหมายของธรรมะ พระนิพพานเป็นที่ไปของพระอรหันต์"
...หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด
8.
"ผู้เจริญย่อมไม่เบียดเบียนใคร ไม่อาฆาตใคร ไม่พยาบาทใคร ให้อภัยแก่คนทุกจำพวก
ไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรกับใครเลย ต้องพร้อมที่จะให้อภัยอยู่เสมอ อย่างนี้ ใจเราสบาย"
"โกรธเขาเราทุกข์เองนั่นแล ถ้าไม่โกรธก็ไม่ทุกข์ สบาย"
...หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย
9.
"คนเกิดเพราะตัณหา คนตายเพราะอวิชชา ๒ สหายนี้แหละคือผู้บงการใหญ่ในโลก"
เมื่อมีอำนาจอย่าลืมชาติลืมตัว
ถ้ากำลังมัวอย่าลืมตัวลืมตาย
ถ้าสร้างกรรมทำดีจะมีจิตใจบาย
ถ้าสร้างกรรมทำชั่วจะสะดุ้งกลัวจนตาย
ทานแก้ความโลภ
ศีลธรรมแก้โทสะ
ภาวนาแก้ความหลง
...หลวงปู่ขาว อนาลโย
10.
" กายเรานี้เป็นแต่เพียงธาตุสี่ ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่สัตว์ บุคคล เรา เขา ผู้ปฎิบัติยึดหลักอันนี้ภาวนาบ่อยๆ พิจารณาให้มากๆ พิจารณาย้อนกลับไปกลับมา จิตจะค่อยๆ ก้าวเข้าสู่ภูมิรู้ ภูมิธรรม เป็นลำดับๆ ไป "
คำว่า พุทโธๆ ๆ นี้มันไม่ได้ติดตามไปกับสมาธิ
พอจิตสงบเป็นสมาธิแล้วมันทิ้งทันที ทิ้งแล้วมันก็ได้แต่สงบนิ่ง
แต่อนุสติ ๒ คือ กายคตานุสติ อานาปานสติ
ถ้าตามหลักวิชาการท่านว่า ได้ทั้งสมถะทั้งวิปัสสนา
ทีนี้ถ้าเราภาวนาพุทโธ เมื่อจิตสงบนิ่ง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน
ถ้ามันเพ่งออกไปข้างนอก ไปเห็นภาพนิมิต
ถ้าหากว่านิมิตนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นสมถกรรมฐาน
ถ้าหากนิมิตเปลี่ยนแปลงก็เป็นวิปัสสนากรรมฐาน
...เถระธรรมพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล
รวมอมตะธรรมคำสอน เข้าใจง่ายสายหลวงปู่มั่น - พฤษภาคม 2559
ผู้ปิดทองหลังพระ คือผู้ที่หมั่นทำความดีโดยไม่เน้นประโยชน์ส่วนตน #ฟ้าทะลายโจร
ภูมิใจเสนอ รวมอมตะธรรมคำสอน เข้าใจง่ายสายหลวงปู่มั่น พระอรหันต์สายวัดป่า ธรรมยุต ประจำเดือน พฤษภาคม 2559
รายการนี้เป็นรายการที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เหมาะแก่การฟังเพื่ออรรถรสทางปัญญา สมาธิ และการสนทนาธรรม
1.
"การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย
ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่น จนอยู่ไม่เป็นสุขนั้นนักปราชญ์ถือเป็นความผิด และบาปกรรมไม่มีดีเลย
จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนา มาทรมานอย่างไม่คาดฝัน
การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรองเป็นการสั่งสมโทษ และบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์
จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย
ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้น"
คติธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
2.
" เราไม่ควรอ้างกาลเวลา
เราต้องตั้งสติให้มันเคร่งครัดลงไป
ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ทุกอิริยาบถ
ให้มันมีสติอยู่เสมอทุกลมหายใจ
เข้าออก เราแก่อยู่เจ็บอยู่ ตายอยู่ทุกเวลานาที.."
อนึ่ง เมื่อความโกรธเกิดขึ้น
เรากลั้นลมหายใจเสีย ความโกรธนั้นก็หายไป
แล้วจะเหลือแต่ใจเดิม คือความรู้สึกเฉยๆ
อย่าลืม ทำบ่อยๆ ก็เห็นใจเดิม
แล้วความโกรธก็ค่อยๆ หายไป
.....หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
3.
"ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร ไม่มีวันสำเร็จ"
" บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้อง ทำเอาเอง "
"เรื่องราวเต็มโลก เต็มบ้านเต็มเมือง เราก็วางเสีย ละเสีย
การละก็อยู่ที่กาย ที่ใจของตนเองนี่แหละ อย่าไปละที่อื่น
การหอบอดีต และอนาคต มาหมักสมไว้ในใจ ใจก็เป็นทุกข์ ตัดออกให้หมด"
....หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
4.
"ผู้ใดมี "สติ" ... อยู่ทุกเวลา
ผู้นั้นก็จะได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า...อยู่ตลอดเวลา
เพราะว่า เมื่อตามองเห็นรูป...ก็เป็นธรรมะ
หูได้ยินเสียง...ก็เป็นธรรมะ
จมูกได้กลิ่น...ก็เป็นธรรมะ
ลิ้นได้รส...ก็เป็นธรรมะ
ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ นึกขึ้นได้เมื่อใด...เป็นธรรมะเมื่อนั้น
...หลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
5.
กุสลาทำไม !
“ครั้นจะตายแล้วจึงไปนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา กุสลาทำไม ! เวลามีชีวิตอยู่
ไม่สนใจกับ กุสลา ธมฺมา ตายแล้วถึงจะไปนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา ถ้าอย่างนั้นศาสนาก็
ไม่มีความหมายอะไรซี ก็บวชพระหลวงตาไว้ตามบ้านตามเรือนแห่งละองค์ ๆ ไม่ต้องไป
สนใจกับอะไร เอ้า สร้างลงไปบาป อยากสร้างบาปขนาดไหนสร้างลงไป เพราะมีหลวงตา
รับรองอยู่แล้ว พอตายแล้วก็ไปนิมนต์หลวงตามา กุสลา ธมฺมา นาย ก. นี่มันไปไหนนา ๆ มัน
จะไปไหนมันลงนรก ! ตั้งแต่หลวงตาก็ไม่รู้ กุสลา ธมฺมา เกิดผลประโยชน์อะไร ให้สร้างเสีย
เวลานี้ที่มีชีวิตอยู่นี้”
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๔
6.
เรื่องของโลกยิ่งเรียนยิ่งกว้าง
เรื่องของธรรมยิ่งรู้ยิ่งแคบ
และรู้แคบเท่าไรก็ยิ่งดี
ถ้ารู้กว้างออกไปมักฟุ้งซ่าน
เป็นเหตุให้เกิดความไม่สงบ
ผู้ที่ทำจิตให้แคบเข้าละเอียดเข้าก็จะเกิดความวิเวกสงบ
เกิดแสงและวิปัสสนาญาณ
มองเห็น อดีต อนาคต และปัจจุบันได้ทุกอย่าง
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
7.
"เจตนานึกคิดเกิดจากจิตใจของเรา ผลของการกระทำก็จะคืนกลับมาหาเรา ไม่ได้ตกหนีไปทาง
อื่น เพราะว่าต้นเหตุมันอยู่นี้"
"การที่คนเราจะมีบุญวาสนาได้นั้นต้องเป็นผู้ลงมือทำดีเอง การที่เราจะหมดบุญวาสนานั้นเพราะลงมือทำชั่วเอง
ความมีบุญวาสนาหรือความไม่มีบุญวาสนา ใครทำให้ใครไม่ได้ เหมือนดอกและผลของต้นไม้ย่อมเจริญเพราะอาศัยดินดี
บุญกุศลคุณงามความดีย่อมเจริญงอกงามได้ ก็เพราะคบหาคนดีและศรัทธาความดีฉะนั้น
ป่าเปลี่ยวเป็นที่ไปของฝูงเนื้อ กลางหาวเป็นที่ไปของฝูงนก การสิ้นความกำหนัดเป็นเป้าหมายของธรรมะ พระนิพพานเป็นที่ไปของพระอรหันต์"
...หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด
8.
"ผู้เจริญย่อมไม่เบียดเบียนใคร ไม่อาฆาตใคร ไม่พยาบาทใคร ให้อภัยแก่คนทุกจำพวก
ไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรกับใครเลย ต้องพร้อมที่จะให้อภัยอยู่เสมอ อย่างนี้ ใจเราสบาย"
"โกรธเขาเราทุกข์เองนั่นแล ถ้าไม่โกรธก็ไม่ทุกข์ สบาย"
...หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย
9.
"คนเกิดเพราะตัณหา คนตายเพราะอวิชชา ๒ สหายนี้แหละคือผู้บงการใหญ่ในโลก"
เมื่อมีอำนาจอย่าลืมชาติลืมตัว
ถ้ากำลังมัวอย่าลืมตัวลืมตาย
ถ้าสร้างกรรมทำดีจะมีจิตใจบาย
ถ้าสร้างกรรมทำชั่วจะสะดุ้งกลัวจนตาย
ทานแก้ความโลภ
ศีลธรรมแก้โทสะ
ภาวนาแก้ความหลง
...หลวงปู่ขาว อนาลโย
10.
" กายเรานี้เป็นแต่เพียงธาตุสี่ ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่สัตว์ บุคคล เรา เขา ผู้ปฎิบัติยึดหลักอันนี้ภาวนาบ่อยๆ พิจารณาให้มากๆ พิจารณาย้อนกลับไปกลับมา จิตจะค่อยๆ ก้าวเข้าสู่ภูมิรู้ ภูมิธรรม เป็นลำดับๆ ไป "
คำว่า พุทโธๆ ๆ นี้มันไม่ได้ติดตามไปกับสมาธิ
พอจิตสงบเป็นสมาธิแล้วมันทิ้งทันที ทิ้งแล้วมันก็ได้แต่สงบนิ่ง
แต่อนุสติ ๒ คือ กายคตานุสติ อานาปานสติ
ถ้าตามหลักวิชาการท่านว่า ได้ทั้งสมถะทั้งวิปัสสนา
ทีนี้ถ้าเราภาวนาพุทโธ เมื่อจิตสงบนิ่ง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน
ถ้ามันเพ่งออกไปข้างนอก ไปเห็นภาพนิมิต
ถ้าหากว่านิมิตนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นสมถกรรมฐาน
ถ้าหากนิมิตเปลี่ยนแปลงก็เป็นวิปัสสนากรรมฐาน
...เถระธรรมพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล