Love Between The Lines เรื่องรักระหว่างบรรทัด Ep.3




       สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน ตามลิงค์ตอนที่ 1 และ 2 ด้านล่างนี้ไปเลยค่ะ  

           ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/35153883

           ตอนที่ 2 : http://ppantip.com/topic/35159907


           ...


            (3)


            นลินีคิดว่าตนเองกำลังจะเป็นโรคประสาท

            ถึงแม้เธอเองจะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางโผล่หน้าเข้ามาในบริษัทนี้จนกว่าจะถึงวันจันทร์หน้าตามหมายกำหนดการในการประชุมร่างสัญญาฉบับแรก แต่หัวใจตัวดีกลับไม่รักดีเลยสักนิด แค่ได้เห็นเงาคนตัวสูงๆ ใส่แว่นตาเดินเฉียดไปเฉียดมาในออฟฟิศ ใจเธอก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเมื่อได้เห็นชัดๆ ว่าไม่ใช่คนที่เธอหวังเอาไว้ หัวใจเจ้ากรรมกลับหนักอึ้งและอึดอัดราวกับขาดอากาศหายใจ จนเธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นกำลังเล่นกลอะไรกับหัวใจเธออยู่กันแน่  

               “พี่หนูลี!” นลินีสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินใครบางคนเรียกชื่อเธอพร้อมกับปรบมือเสียงดัง มือบางรีบกดปุ่มลัดบนแป้นคีย์บอร์ดที่อยู่ใต้มือโดยอัตโนมัติ ก่อนจะรีบหมุนเก้าอี้กลับไปหาต้นเสียงซึ่งกำลังยืนหัวเราะชอบใจอยู่ด้านหลังที่ทำเธอตกใจได้สำเร็จ

               “เล่นบ้าอะไรเนี่ยเต๋า!?” หญิงสาวถลึงตาใส่

               “ก็แหม ผมเห็นพี่เล่นชักกระตุกอยู่ทั้งวัน เดี๋ยวผุดลุกเดี๋ยวผุดนั่ง ตลกดี เลยลองเรียกขวัญดูสักหน่อย ไม่นึกว่าจะขวัญอ่อนไปด้วย” เด็กหนุ่มยิ้มขำอย่างไม่สำนึกเลยสักนิด “ทำท่ายังกับรอใครอยู่อย่างนั้นแหละพี่ รอใครอ่ะ แฟนเหรอ?”
    
                ไม่ทันที่นลินีจะแก้ตัว เก้าอี้ทำงานที่อยู่ข้างๆ โต๊ะเธอก็ถูกไถลมาชนคนปากมากเต็มแรง จนเด็กหนุ่มผู้ถูกฤทธิ์เก้าอี้มหาภัยกระแทกเต็มสะโพกจนตัวปลิวถึงกับร้องสบถโวยวายเสียงดังอย่างโมโห ในขณะที่เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักซึ่งนั่งไขว่ห้างเรียบร้อยอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นกลับส่งเสียงหัวเราะเยาะแจ่มใส ซ้ำยังไม่วายส่งเสียงทักอย่างอ่อนหวาน

                “อ้าว นายเต๋า มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ เป็นอะไรรึเปล่า?” น้ำเสียงนั้นฟังดูเป็นห่วงอย่างจริงใจทีเดียวเชียวล่ะ หากไม่ติดที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าสวยใสราวเด็กน้อยไร้เดียงสา  

                “ไอ้เพลง แก เล่นบ้าอะไร มันเจ็บรู้ไหมเนี่ย!!?” เด็กหนุ่มยังคงไม่หยุดโวยวาย ก่อนทำท่าจะเดินเข้าไปผลักเก้าอี้เด็กสาวคืนเพื่อเป็นการแก้แค้น  

                “พอได้แล้ว ทั้งสองคนนั่นแหละ!”
    
                นลินีรีบพาตัวเองเข้าไปห้ามทัพก่อนจะลุกลามไปมากกว่านี้ แล้วจึงจับแยกมวยถูกคู่ทั้งสองไปยืนอยู่กันคนละฟากโต๊ะทำงาน

               “พี่หนูลี อย่าไปให้ท้ายมันสิ เด็กอะไรนิสัยเสีย!” เต๋าโวยวาย

               “เด็กอะไร! นายอายุมากกว่าฉันกี่ปีกันเชียว” ดารกา หรือ เพลง รีบเถียงกลับโดยไม่รักษาภาพสาวน้อยแสนไร้เดียงสาอีกต่อไป “ฉันเป็นผู้ช่วยพี่หนูลี ยังไงพี่หนูลีก็ต้องเข้าข้างฉันอยู่วันยังค่ำ นายต่างหาก แผนกเดียวกันรึก็ไม่ใช่ มีธุระอะไรมายุ่งวุ่นวายกับพี่หนูลีของฉันหะ!?”

              “ธุระของฉันกับพี่หนูลี เธอเกี่ยวอะไรด้วยฮึ!”

              “ธุระของพี่หนูลีก็คือธุระของฉัน มีอะไรก็ว่ามา นายภาสกร!”
    
              นลินีไม่รู้จะหัวเราะหรือกุมขมับกับหนุ่มสาวคู่กัดคู่นี้กันแน่ เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องมีเรื่องทุกทีจนทุกคนในออฟฟิศพากันเอือมระอา และกรรมการกิตติมศักดิ์ที่ทุกคนพากันยกหน้าที่ให้จะเป็นใครไปได้อีกล่ะถ้าไม่ใช่เธอ อนึ่งเพราะดารกาคือเด็กที่พี่นาง หัวหน้าโดยตรงของนลินีขอให้ช่วยสอนงานโดยการทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเธอชั่วคราว และนายเต๋าก็คือนายเต๋าที่คอยแกล้งคนนู้นแหย่คนนี้ไปเรื่อยโดยไม่มีใครถือสาหาความให้มากมาย ยกเว้นแม่สาวน้อยซื่อแต่หน้าคนนี้นี่แหละ นลินียังเคยแอบคิดในใจว่าถ้าหากวันใดสองคนนี้เกิดชอบกันขึ้นมาคงสนุกพิลึก!

              “อยากให้พี่ฟ้องพี่เจนกับพี่นางรึไง?”
    
              ประโยคเรียบๆ ยิ้มๆ นี้ทำให้คู่หูคู่กัดพากันหน้าเสียไปในทันใด แต่ก็ยังไม่วายเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่กันลับหลังเธอ

              “เอ้า นายเต๋า เดินมาหาพี่ถึงนี่ มีอะไรก็ว่ามา?” นลินีตัดปัญหาด้วยการถามตัวต้นเหตุ ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูและพบว่าใกล้เวลาเลิกงานแล้ว

              “ผมจะเดินมาบอกพี่ว่า ทางบริษัทพี่ทีให้เราเตรียมเอกสารสำคัญของบริษัทตามรายชื่อที่เขาแนบมาให้ในอีเมล์กลุ่มฉบับล่าสุดน่ะ พี่เห็นรึยัง?” ภาสกรที่ยังดูหงุดหงิดนิดหน่อย หันมาพูดกับนลินีอย่างเป็นการเป็นงานขึ้นเล็กน้อย

             “เห็นนานแล้ว พี่หนูลีให้ฉันจัดการส่งไปตั้งแต่เช้าแล้วด้วย ไม่ต้องรอให้คนหน้าที่ไม่ใช่มาเตือนหรอกย่ะ!”

             “แน๊ะ โง่แล้วอวดฉลาดอีก!” นายเต๋าได้ทีรีบเยาะเย้ย ก่อนจะรีบเปลี่ยนท่าทีเมื่อเห็นสายตานิ่งๆ ของนลินีที่รอฟังอยู่อย่างเงียบๆ “คือเมื่อกี้พี่เจนเรียกผมไปด่า บอกว่าเอกสารรับรองตัวนึงที่ทางเราส่งไปให้มันหมดอายุไปนานแล้ว เลยให้ผมมาบอกพี่ให้ส่งอันใหม่ไปแทนน่ะ”
    
             หญิงสาวเหลือบตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนเองที่ยังเปิดค้างไว้ที่หน้าอินบ็อกซ์อยู่อย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าสิ่งที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอในขณะนี้คืออีเมล์กลุ่มยาวเหยียดที่เต๋ากำลังพูดถึงอยู่จึงแอบโล่งใจเล็กน้อย

             “อืม พี่รู้แล้วล่ะ” นลินีตอบเรียบๆ “พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว ฝากบอกพี่เจนให้ด้วยนะ”

             “อ้าวเหรอคะ เพลงไม่เห็นรู้เรื่องเลย ส่งไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย!”      
    
             นลินีเลือกที่จะไม่ตอบคำถามโดยการยิ้มรับ ก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนผนังอีกรอบนึงเพื่อเป็นการเช็คเวลาซึ่งใกล้เข้ามาทุกที

             “ว่าแต่วันนี้ดูนาฬิกาบ่อยจังเลยน้าพี่หนูลี นัดหนุ่มไว้เหรอคะ?” ดารกายิ้มตาใส ไม่ต่างอะไรกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งทะเลาะกันจะเป็นจะตายเมื่อครู่นี้เลยสักนิด

             “นั่นสิ ผมสังเกตมาทั้งวันแล้ว วันนี้พี่หนูลีใจลอยแปลกๆ มีเดทแน่เลยใช่ไหมพี่!” ทันใดนั้นศัตรูคู่อาฆาตก็หันมาร่วมมือกันซะงั้น
    
             เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมาระหว่างบทสนทนาทำให้นลินีถอนหายใจอย่างโล่งอกเป็นที่สุด หญิงสาวคว้าโทรศัพท์คู่ใจมาโชว์ภาพ ‘คู่เดท’ ในวันนี้ที่กำลังกระหน่ำโทรเข้ามาไม่หยุดให้หนุ่มสาวทั้งสองได้ดูตามความพอใจ ก่อนจะแยกย้ายกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนเองด้วยสีหน้าผิดหวัง       
    
           
             “กว่าจะรับได้นะยะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ลานจอดรถใต้ตึกแล้วนะแก ลงมาเร็วๆ”  ตันหยงตะโกนใส่โทรศัพท์ทันทีที่เธอกดรับสาย

        
                นลินีขอเวลาสิบห้านาทีในการจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เธอยิ้มให้ดารกาที่โบกมือลาอย่างน่ารัก รวมไปถึงพยักหน้าให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่ทะยอยกันเลิกงานตรงเวลาตามสโลแกน Work Smart, Not Hard ของคุณอีธานเจ้าเก่า นลินีเก็บเอกสารที่วางกองอยู่เต็มโต๊ะอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดับไปแล้วขึ้นมาอีกรอบ มีอีเมล์ใหม่เข้ามาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วจากผู้ร่วมงานคนหนึ่งของทางฝั่งลูกค้า เป็นการรายงานความคืบหน้าของร่างสัญญาที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของฝ่ายกฏหมาย และแจ้งถึงการได้รับเอกสารสำคัญของบริษัททั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูลโดยทั่วถึงกัน

             นลินีพิมพ์ข้อความเล็กๆ ส่งกลับไปเพื่อแสดงการรับรู้และขอบคุณตามมารยาททางธุรกิจเช่นเดียวกับอีกหลายคนในกลุ่ม ยกเว้นแค่ทิวัตถ์ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่าเขายุ่งเกินกว่าที่จะสนใจเรื่องอะไรเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ในฐานะหัวเรือใหญ่ของฝั่ง Change Development อันมีชื่อเสียง และปล่อยให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นรับผิดชอบรายละเอียดต่างๆ ไป โดยที่ตนเองนั้นขลุกตัวอยู่กับฝ่ายกฏหมายของบริษัทเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดตามคำบอกเล่าของภาสกร

             ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ หัวใจของนลินีเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ เมื่อเธอดึงข้อมูลจากอีเมล์ฉบับเล็กๆ ซึ่งถูกซ่อนเอาไว้อย่างทันท่วงทีขึ้นมาดูอีกรอบ เธอตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมจึงต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ เช่นนี้กับอีเมล์สั้นๆ ซึ่งมีคำพูดอยู่แค่ไม่กี่ประโยคที่ถูกส่งมาให้เธอเพียงคนเดียวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา จากคนที่บอกว่าไม่เคยว่างพอจะตอบอีเมล์ของใคร

                 แน่ล่ะ ข้อความสั้นๆ ที่ส่งมาให้นั้นไม่มีอะไรพิเศษสักนิด ทั้งยังเป็นการชี้แจงเรื่องข้อผิดพลาดทางเอกสารซึ่งเธอก็รีบจัดการให้ในทันที แต่คำขอบคุณแสนสุภาพเพียงไม่กี่คำพร้อมเครื่องหมายอีโมติคอนรูปรอยยิ้มเล็กๆ ที่เขาส่งกลับมาให้ทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิดต่างหาก ที่ทำให้เธออดไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึกอะไรบางอย่างซึ่งไม่สมควรเลย นี่ถ้าเขาคิดจะทำให้เธอเป็นบ้าแล้วล่ะก้อ เขาทำได้สำเร็จอย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว!


                (มีต่อ)


                ...


                สวัสดีบ่ายวันอังคารค่ะ วันนี้รีบนำตอนต่อไปมาลงให้ก่อนที่จะงานยุ่งจนไม่มีเวลา T^T ไปๆ มาๆ เริ่มรู้สึกว่าการนำเรื่องสั้นมาขยายความนี่เป็นอะไรที่ยากพอดู (ฮา) เพราะมันไม่มีพล็อตที่ซับซ้อนอะไรมากมาย และตัวละครหลักก็มีไม่มาก เลยไม่ค่อยมีปมอะไรให้ลุ้นระทึกหรือตื่นเต้นมากมายเหมือนนิยายเรื่องยาวแบบปกติ แต่ถึงยังไงก็จะพยายามลากจนจบให้ได้ค่ะ 55

                ขอบคุณทุกท่านทั้งนักอ่านที่แสดงตัวและนักอ่านเงาทั้งหลายสำหรับกำลังใจที่มีค่านะคะ หากมีข้อแนะนำติชมเชิญได้ตามสะดวกเลยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่