Love Between The Lines เรื่องรักระหว่างบรรทัด Ep.2

สวัสดีบ่ายวันอาทิตย์ค่ะ รีบเอาตอนต่อไปมาลงให้ก่อนที่จะถึงสัปดาห์แห่งการทำงานนะคะ T^T ขอบคุณสำหรับคนที่รอติดตามอยู่และยินดีต้อนรับทุกคนที่เพิ่งเข้ามาอ่านด้วยค่ะ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรก แวะตามลิงค์ข้างล่างไปเลยนะคะ หากมีข้อแนะนำติชมอะไรเชิญได้ตามสบายเลยค่า  

             ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/35153883


๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑


              (2)


           “อ้าว พี่หนูลี มาแต่เช้าเลย”
    
              เต๋า เพื่อนรุ่นน้องจอมกวน หนึ่งในทีมงานที่กำลังยืนเฝ้าเครื่องทำกาแฟสดในห้องครัวขนาดเล็กของบริษัท เอ่ยทักเสียงสดใสเมื่อเห็นนลินีเดินเอาขนมและของว่างที่ซื้อมาใส่ไว้ในตู้เย็น

         “มีเผื่อพวกแกอยู่แล้วน่า ไม่ต้องมาทำท่าชะโงกขอส่วนบุญขนาดนั้น”

              “โห พี่ด่าผมตรงๆ เลยยังเจ็บน้อยกว่า!” เต๋าแกล้งทำท่าเจ็บกระดองใจแบบยียวน ก่อนจะยิ้มเผล่เมื่อหญิงสาวโยนข้าวเหนียวหมูปิ้งถุงเล็กที่หอบหิ้วมาเผื่อจากร้านรถเข็นแถวหน้าคอนโดให้แบบเสียมิได้

         “มาทำตลกรับประทานกับฉันทุกวันเนี่ย ระวังตัวให้ดีเถ๊อะ เดี๋ยวแม่จะคิดเงินย้อนหลังคูณดอกเบี้ยรายวัน เอาให้อาบังแถวบ้านแกม้วนเสื่อกลับประเทศไปเลย”

         “โอ้โห กลัวแล้วครับพี่ วันนี้อุตสาห์แต่งตัวมาซะสวย อย่าดุนักสิค้าบ~” เต๋าโยนข้าวเหนียวที่ปั้นเป็นก้อนใส่ปาก ก่อนจะพนมมือไว้เหนือหัวอย่างประชดประชัน “เดี๋ยวลูกค้าก็หางจุกตูดหนีกลับบ้านหมดหรอก”

         นลินีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนรุ่นน้องจะไม่ทันสังเกตอาการสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินเขาพูดถึงคนที่เธอกำลังมองหาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ก่อนจะรีบเปลี่ยนท่าทีด้วยการเดินไปหยิบแก้วประจำตัวมาชงกาแฟต่อจากเต๋า

         “ว่าแต่มากันรึยังล่ะ?” เธอได้ยินเสียงคนบางคนทำเป็นถามแบบไม่ใส่ใจอะไร ทั้งๆ ที่ภายในใจนั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

         “โอ๊ย อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเข้างาน แถมพวกพี่เจนก็ยังไม่เข้ามาเลยด้วยซ้ำ คงมาตามเวลานัดแหละพี่” เจนจบ คือ วิศวกรหนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในทีมโปรเจ็คเมเนเจอร์ประจำบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ แต่ชื่อเสียงโด่งดังแห่งนี้ “ว่าแต่พี่หนูลีเหอะ เจ้านายมารึยังล่ะ?”

         “ไม่ใช่เจ้านายของฉันย่ะ เรียกให้มันถูกๆ หน่อย” นลินีรีบแย้งเสียงหลง เจ้านายที่เต๋าพูดถึงก็คือ คุณอีธาน หนึ่งในหุ้นส่วนบริหารควบตำแหน่งโปรเจ็คไดเร็คเตอร์ชาวอังกฤษที่ขอตัวนลินีมาช่วยเป็นล่ามและตัวกลางในการติดต่อประสานงาน จนกว่าจะได้เซ็นต์สัญญากับโปรเจ็คใหม่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่จริงๆ ก็ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของเธอด้วยซ้ำ

         “ก็แหม คุณอีธาน เขาถูกใจพี่ออกจะตาย ผมว่าอีกหน่อยต้องย้ายตำแหน่งให้พี่ไปเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของแกแหงๆ”

         หญิงสาวทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก อันที่จริงเธอได้รับการทาบทามมาแล้วถึงสองครั้ง แต่เธอก็ปฏิเสธด้วยสารพัดเหตุผลไปอย่างไม่เสียดายเลยสักนิด เพราะเป็นที่รู้กันว่าโปรเจ็คไดเร็คเตอร์ชาวอังกฤษคนนี้ขี้บ่นและจู้จี้จุกจิกเสียยิ่งกว่าผู้หญิงวัยทองจึงไม่เคยมีใครทำงานกับแกได้นานเลยสักคน ได้ข่าวว่าผู้ช่วยคนสุดท้ายเพิ่งลาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง และมันคงจะเป็นเวรเป็นกรรมของเธอที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ยังหาคนมาทำแทนไม่ได้ เลยจับเธอมช่วยงานนี้เป็นการชั่วคราวตามคำสั่งจากเบื้องบนโดยตรง เนื่องจากความสามารถทางด้านภาษาที่ถือว่าเข้าขั้นดี และที่ทำให้นลินีอยากกรีดร้องก็คือนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำ!

         “ฉันล่ะสวดภาวนาวันสามสิบรอบให้แกหาผู้ช่วยคนใหม่ได้ในเร็ววัน ฉันจะได้กลับไปทำงานตัวเองสักที”

         “อย่างน้อยๆ ก็คงต้องพ้นช่วงเซ็นต์สัญญาโปรเจ็คนี้ไปก่อนแหละพี่ ไม่งั้นคุณอีธานจะลากพี่มาเข้าประชุมเมื่อหลายเดือนก่อนด้วยทำไม ในเมื่อผู้ช่วยแกก็นั่งอยู่ทนโท่ จะว่าไปแกก็มองการณ์ไกลดีเหมือนกันนะพี่” เด็กหนุ่มรุ่นน้องหัวเราะลงลูกคออย่างถูกใจพลางจิบกาแฟในแก้ว        

         งานประชุมเมื่อคราวก่อนทื่ทำให้เธอกินไม่ได้ นอนไม่หลับมาหลายเดือนแล้วน่ะสิ จะเรียกว่าเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายของเธอก็ได้กระมัง

         “ว่าแต่แกเหอะ เตรียมพรีเซ็นเทชั่นเสร็จรึยังล่ะ เดี๋ยวลูกค้าก็จะมาแล้วนะ”

         “แล้วที่พี่เจอหน้าผมตั้งแต่เช้าขนาดนี้ คิดว่าผมได้นอนรึยังล่ะพี่ โดนพี่เจนโทรจิกทุกวัน กว่าจะเสร็จผมก็ได้เสียกับเครื่องทำกาแฟสดเครื่องนี้พอดี”

         นลินีหัวเราะคิกกับคำโอดครวญของวิศวะหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินใครบางคนเอ่ยแซวจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มกลั้วหัวเราะ

         “แจกการ์ดเมื่อไหร่บอกด้วยนะเต๋า พี่จะใส่ซองให้สักหมื่น”

         เธอคิดผิดถนัดที่รีบหันหลังกลับไปหาต้นเสียง ซึ่งกำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแบบสบายๆ และส่งยิ้มให้เธอทั้งปากและตา ในขณะที่นลินีหน้าถอดสีอย่างไม่อาจห้ามตนเองได้

         “เฮ้ย พี่ที! มาบุกบริษัทผมตั้งแต่ยังไม่เข้างานเลยนะนี่ ไปไงมาไงเนี่ย”

         หนุ่มรุ่นน้องปรี่เข้าไปกอดคอทักทายอย่างสนิทสนม ด้วยความที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเดียวกันเช่นเดียวกับเจนจบ

         “นัดเวลาถูกแน่นะเต๋า?” ถึงจะยังไม่กล้ามองหน้าคู่กรณี แต่การนัดหมายลูกค้าให้ตรงตามเวลาก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญกว่าอยู่ดี

         “ถูกแล้วครับ ผมมาก่อนเวลาเอง กะว่าจะมาขอกาแฟออฟฟิศนี้ทานสักหน่อย”

         อุปทานหรืออย่างไร กาแฟร้อนที่ถืออยู่ในมือของเธอราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจนหญิงสาวแอบสะดุ้ง จึงแสร้งยกแก้วขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดไปค่อนถ้วยเพื่อปิดบังความผิดปกติ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าชาเล็กๆ เมื่อเขาเสริมต่อว่า “เผอิญพี่นัดพี่เจนเอาไว้ด้วยก่อนเข้าประชุม”

         “พวกพี่เจนยังไม่ ‘เด็จมาเลยพี่ นัดกันยังไงเนี่ย” เด็กหนุ่มรีบฟ้อง

         “แกว่าใครยังไม่เสด็จหะ ไอ้เต๋า!”

         เสียงโหดๆ ตะโกนกลับเข้ามาในห้องครัวขนาดเล็กจนหนุ่มรุ่นน้องถึงกับสะดุ้งโหยงพลางยิ้มเจื่อน “มาพร้อมกันก็ไม่บอกนะ พี่ที จำไว้เลย”

         นลินีแอบชำเลืองมองสองหนุ่มแกล้งกันไปมา อันที่จริงควรจะพูดว่าทิวัตถ์ยืนกอดอกฟังยิ้มๆ ในขณะที่นายเต๋าก็โอดครวญตามประสา ก่อนจะรีบเผ่นออกไปเพื่อแก้ตัวกับพี่เจน    

         หญิงสาวรีบหันหลังกลับไปวุ่นวายกับเครื่องทำกาแฟอีกรอบ เมื่อพบว่าตนเองกำลังยืนอยู่ในห้องครัวแคบๆ กับทิวัตถ์สองต่อสอง ซึ่งดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้คิดที่จะรีบออกไปแต่อย่างใดด้วย หนำซ้ำยังเดินเข้ามายืนข้างเธออย่างเงียบๆ

         “ดูเหมือนหนูลีจะชอบทานกาแฟนะครับ” ทิวัตถ์พูด “แก้วที่สองแล้วนี่”

         นลินีชะงักมือที่กำลังกดกาแฟสดใส่แก้วอีกรอบโดยอัตโนมัติ ชอบบ้าอะไรล่ะ ร้อยวันพันปีจะดื่มกาแฟกับเขาสักที ด้วยความที่เมื่อคืนกว่าจะนอนหลับก็ปาเข้าไปเกือบเช้า แถมต้นตอที่ทำให้ข่มตาไม่ลงก็ดันมายืนพูดยิ้มๆ อยู่ข้างกายแบบนี้ด้วย นลินีเชื่อเป็นหนักหนาว่าต่อให้มีแค่กระปุกครีมเทียมตั้งอยู่ตรงหน้า เธอก็คงรีบคว้ามาชงดื่มอยู่ดี!  

         “เผอิญเมื่อคืนหนูลีนอนดึกน่ะค่ะ” เธอตัดสินใจตอบไปจนได้ เมื่อเห็นเขายังยืนนิ่งรอคำตอบอย่างสุภาพ

         “อันที่จริงผมอยากจะเตือนว่าทานกาแฟมากๆ ไม่ดีต่อสุขภาพนะ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นผมเองก็ยังต้องทานทุกเช้าเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคิดงานไม่ทันพี่เจนกันพอดี”    

         ทิวัตถ์เล่าไปหัวเราะไป พลางเปิดปิดประตูตู้เก็บจานติดผนังตรงหน้าอยู่หลายครั้งเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ จนนลินีสังเกตเห็นจึงรีบเอื้อมมือไปเปิดตู้ที่อยู่เหนือศีรษะเธอในจังหวะเดียวกับที่เขายื่นมือมาจับพอดี หญิงสาวรีบชักมือกลับทันทีราวกับต้องของร้อนก่อนจะก้าวถอยหลังไปชนกับร่างสูงใหญ่ของทิวัตถ์ที่เอื้อมมือมาเปิดตู้เก็บจานจากด้านหลังเธอ และจัดการหยิบแก้วกาแฟพร้อมชุดจานรองออกมาได้ชุดหนึ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

         “ขอโทษนะเมื่อกี้ผมเปิดตู้ชนศีรษะหนูลีรึเปล่า?”

         “คะ??”

         “ผมหาแก้วกาแฟอยู่น่ะ และคิดว่าอาจจะอยู่ในตู้เหนือศีรษะหนูลีพอดีเลยลองเปิดหาดูโดยที่ไม่ได้บอกก่อน ดูเหมือนผมจะทำให้หนูลีตกใจ ขอโทษนะครับ”

         ดูจากรอยยิ้มอ่อนที่เขามอบให้เธอในตอนนี้ นลินีเชื่อหมดใจว่าคำขอโทษของทิวัตถ์นั้นหมายความถึงเหตุบังเอิญเมื่อครู่ที่ทำให้เธอเผลอแสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างลืมตัว เพียงแต่เขาสุภาพเกินกว่าที่จะพูดออกมาตรงๆ ด้วยเหตุนี้เองนลินีจึงยิ้มรับคำขอโทษของเขาอย่างผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย และอาสาชงกาแฟให้เขาเป็นการตอบแทนด้วยเหตุผลสองประการ หนึ่ง คือ มันเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้วในการรับรองลูกค้าของบริษัท และสอง คือ ให้เธอตีลังกาชงกาแฟก็ยังได้หากมันจะทำให้เธอได้อยู่คนเดียวสักครู่หนึ่งเพื่อตั้งสติเสียใหม่ ก่อนที่จะทำอะไรขายขี้หน้าตัวเองไปมากกว่านี้ การอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ไม่ดีต่อหัวใจเธอเลยจริงๆ      


            ‘แล้วยังไงต่อ?’ ข้อความจากตันหยงเด้งขึ้นมาทันทีที่เธอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กลุ่มเพื่อนสาวทั้งสองฟังทางโปรแกรมสนทนาออนไลน์ในช่วงค่ำของวันนั้น

        ‘ก็ไม่แล้วไง หลังจากนั้นก็เข้าประชุม’

          ‘ไม่ใช่สิ แล้วตอนที่แกเอากาแฟไปให้ล่ะ เขาว่ายังไง’ พลอยชมพูยิงคำถามขึ้นมาบ้าง

        ‘เขาก็บอกว่าขอบคุณแล้วก็ชมว่ากาแฟอร่อยมาก’

        ‘นั่นปะไร!’ สองสาวพากันส่งสติกเกอร์รูปหัวใจมาให้เธอโดยทันที ก่อนจะถูกนลินีดับฝันด้วยการเสริมต่อว่าตอนที่คุณป้าแม่บ้านเอาขนมมาเสิร์ฟให้เขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน  

        ‘วุ้ย ผู้ชายแบบนี้ดูยาก’ ตันหยงบ่นอุบ

        ‘แล้วหลังจากนั้นเขาก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับแกเลยเหรอ สบตากันบ้างหรือเปล่า เขาเข้ามาชวนคุยอีกไหม หรือว่าชวนไปกินข้าวบ้างรึยัง?’

        ‘ไม่มีสักอย่างเลยพลอย นอกจากตอนคุยงานกัน ฉันก็เห็นเขาเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์อย่างเดียว คงเพราะปกติเขาก็ดูไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้วด้วยล่ะนะ ถึงจะอัธยาศัยดีก็เถอะ’

        นลินีพิมพ์ตอบกลับไปอย่างเซ็งๆ สุดท้ายแล้วเพื่อนซี้ทั้งสองก็กลับไปนั่งวิเคราะห์ทุกประโยคในคำพูดของเขาเหมือนตลอดครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาอีกรอบ หญิงสาวละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวเก่งที่เพื่อนทั้งสองยังเถียงกันไม่เลิก ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องครัวขนาดกะทัดรัดของคอนโดเพื่อทำอาหารเย็นง่ายๆ ทานด้วยตนเอง ทั้งที่ใจลอยกลับไปอยู่ที่ห้องประชุมเมื่อเช้านี้นานแล้ว ก็เอาเถอะ ถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรคืบหน้ามากมายนัก แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เผลอแสดงออกอะไรน่าอับอายไปมากกว่านี้ก็ถือว่าพอใจมากแล้ว และดูจากผลสรุปในที่ประชุม ต่อจากนี้ไปเธอคงจะได้พบเขาบ่อยขึ้นในฐานะตัวแทนการประสานงาน ซึ่งคงดำเนินต่อเนื่องไปอีกราวๆ 2-3 อาทิตย์กว่าข้อตกลงและเอกสารทั้งหมดจะเรียบร้อยพร้อมจัดงานเซ็นต์สัญญาในราวๆ กลางเดือนหน้าพอดีตามกำหนดการ เมื่อคิดถึงตรงนี้ใจเธอก็เต้นแรงขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ    


       ‘ก็แล้วไม่ดีหรือยังไง ได้พูดคุย ได้เห็นหน้าเขาบ่อยๆ จะได้เลิกทำพฤติกรรมประหลาดแบบเด็กแรกรักให้ขายขี้หน้าเขาเสียที!’ หนูลีตัวเล็กๆ ในใจเธอตะโกนเสียงดัง

          ใช่! นลินีตอบรับอย่างแข็งขัน ต่อไปนี้เธอจะต้องทำตัวสวยน่ารัก ฉลาด มั่นใจ และเป็นธรรมชาติให้เขาเกิดความประทับใจ อย่างที่ลุงกูฯ เคยว่าไว้ในบทความหนึ่ง  

       ‘งั้นหรือ? เธอจะไม่สติแตกเวลาเขาเข้ามาใกล้ๆ ไม่ชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟเวลาได้ยินใครสักคนพูดชื่อเขา แล้วก็ไม่วิ่งไปแอบดูที่หน้าต่างเพื่อที่จะได้เห็นหน้าเขาสักแวบหนึ่ง อย่างที่ทำวันนี้เลยงั้นสิ’ หนูลีอีกคนหนึ่งกระซิบอย่างรู้ดี

       โธ่เอ๊ย! นลินียอมรับโดยดุษฎี นี่เธอกำลังหลอกใครกัน ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลกับเธอมากเกินไปจนหญิงสาวรู้สึกเสียการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หัวใจ


           (มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่