ถูกรถโดยสารขนส่งมวลชนเรียกร้องค่าเสียหาย (กระจกข้างร้าว) อยากได้รับความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ตอนค่ำ ขณะโดยสาร รถได้เบรคกระทันหัน จนทำให้หลังของผมเหวี่ยงไปโดยกระจกข้างของรถโดยสารจนเกิดรอยร้าว ขณะนี้ทางบริษัทรถโดยสารดังกล่าวเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมดจากผม ผมอยากได้รับความเป็นธรรมต้องดำเนินการอย่างไรครับ ขอบคุณครับ



เมื่อวันที่ 27 เมษายน เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ผมได้โดยสารรถรับส่งระหว่างบีทีเอสหมอชิต-สนามบินดอนเมือง
เพื่อเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ตอนที่ขึ้นรถพบว่ามีผู้โดยสารเป็นจำนวนมากอยู่ภายในรถ
ผมมีกระเป๋าทางใบใหญ่ 1 ใบ กระเป๋าเป้ 1 ใบ แต่ผมต้องจำใจขึ้นเพราะนัดกับทัวร์ไว้ 2 ทุ่มตรง
ขณะที่โดยสารผู้ต่างเบียดเสียดยัดเยียดกัน คนเก็บเงินก็พยายามบอกให้ผู้โดยสารเดินชิดเข้าไปด้านในรถ
ผมก็พยายามดันกระเป๋าเข้าไปข้างใน และแน่นอนครับผมไม่ได้ที่นั่ง
ผมใช้ขาทั้งสองข้างเพื่อหนีบกระเป๋าเดินทางไว้เพื่อไม่ให้มันเลื่อนไปมาโดนคนอื่น มืออีกข้างหนึ่งก็จับห่วง
ภายนอกรถก็ติดครับ ติดก่อนขึ้นทางด่วน รถก็โยกไปโยกมาตามจังหวะของการขับ
แย่ไปกว่านั้นคือตอนที่คนเก็บเงินเดินมาเก็บค่าโดยสาร กระเป๋าของผมก็ค่อนข้างใบใหญ่ก็พยายามดันให้คนเก็บเงินมีทางเดิน
และตอนที่ถึงคิวผมจ่ายเงิน ผมก็ต้องปล่อยมือที่จับห่วงมาล้วงกระเป๋าเงินอย่างทุลักทุเล
พอจ่ายเสร็จกำลังจะเก็บเงิน รถก็เบรกกระทันหัน นั้นเป็นครั้งที่ 1 ที่ผมล้ม
ล้มจนตัวผมดันกระเป๋าเดินทางเลื่อนไปกระแทกกับคนที่ยืนข้างหน้า ดีนะครับที่คนที่โดนกระเป๋าผมกระแทกไม่ถือสาอะไรผม
เขากลับมีน้ำใจช่วยประคองประเป๋าผมระหว่างที่ผมลุกขึ้น
ขณะนั้นผมไม่แน่ใจว่ารถขึ้นทางด่วนหรือว่าถึงตรงไหนแล้ว

หลังจากลงทางด่วนก็มาเจอรถติดอีกครั้ง
ผู้โดยสารก็ทยอยลงตามป้ายจนมีที่นั่งว่าง ผมมากับเพื่อนอีก 1 คน ผมเลยให้เพื่อนผมนั่ง
ที่นั่งผู้โดยสารเป็นที่นั่งข้างกระจก จำนวน 1 แถว ระที่นั่งก็จะช่องว่างระหว่างขากับที่นั่งคนข้างหน้าอยู่
ผมจึงฝากกระเป๋าเดินทางไว้ตรง และให้เพื่อนจับไว้ส่วนเป้ก็ฝากวางบนตักเพื่อน ส่วนผมก็ยืนต่อ
ก่อนเกินเหตุมือขวาผมจับรวมผ้าม่าน มือซ้ายจับเบาะคนที่นั่งข้างหน้าเพื่อน ไม่มีการเล่นมือถือหรือฟังเพลงใดๆ ทั้งสิ้น
ตอนนั้นผมก็ยืนคุยกับเพื่อน อยู่ดีๆ รถก็เบรกครับ คราวนี้ตัวผมเหวี่ยง 90 องศาจนไปโดนคนที่นั่งข้างหน้า
ส่วนหลังผมก็โดนกับกระจกข้างจนเกิดรอยร้าว ผมก็ไม่คิดหนีไปไหนครับ พอคนที่นั่งข้างหน้าลง ผมจึงไปนั่งแทน
นั่งเฝ้ากระจกที่แตกนั่นแหละครับ จนรถขับมาส่งผู้โดยสารที่สนามบินดอนเมือง คนเก็บเงินก็เห็นรอยกระจกแตกดังกล่าว
และผมรับว่าเกิดจากหลังผมไปกระแทกโดน เจ้าหน้าที่ในรถจึงกักตัวผมไปที่ลานรถโดยสาร
ตอนนั้นก็ประมาณ  1 ทุ่มครึ่งแล้วครับ ผมกังวลมากจะไปไม่ทันที่นัดกับทัวร์ไว้ตอน 2 ทุ่ม เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ

ต่อมาที่ลานรถโดยสารซึ่งอยู่บริเวณในสนามบิน คนขับรถและคนเก็บเงินก็พยายามติดต่อหัวหน้าเพื่อถามว่าจะทำอย่างไรดี ก็เสียเวลารอนานอยู่ครับ สุดท้ายก็ติดต่อหัวหน้าไม่ได้ คนขับรถเลยเปลี่ยนไปโทรหาประกัน แต่คนขับบอกว่าเงินในโทรศัพท์หมดอีก พนักงานคนอื่นที่มีโทรศัพท์แบตก็ดันหมด
ผมเลยให้คนขับยืมโทรศัพท์ของผมโทร ตอนที่คนขับคุยกับประกันผมก็ยืนอยู่ตรงนั้นกับเพื่อนและพนักงานคนอื่นๆ
โดยคนขับพยายามบอกว่า "ผู้โดยยืนพิงจนกระจกรถแตก ขับรถมาดีๆ ก็ไม่ได้เบรคอะไรแรง"
ผมได้ยินอย่างนั้นก็เลยตัดพูดให้เสียงเข้าโทรศัพท์ว่า "ไม่ใช่นะครับ รถเบรค แล้วผมเสียหลักล้มเอาหลังไปโดนกระจกแตก ได้รับบาดเจ็ดด้วย" ขณะนั้นผมได้ถ่ายรูปแผลที่นิ้วมือข้างที่จับกับราวผ้าม่านไว้เป็นหลักฐานด้วย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ส่วนคนขับก็ยังพยายามให้ผมจ่ายเงินค่าเสียหายทันที เป็นค่ากระจกประมาณ 4,400 บาท แต่ผมได้ปฏิเสธไปเพราะไม่มีเงินสด
สุดท้ายคนขับรถได้ถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชนชนผมไปและให้ผมจดที่อยู่, เบอร์โทรไว้เป็นหลักฐานเช่นกัน
แล้วพี่ที่เป็นคนเก็นเงินอีกคนก็พาผมไปส่งที่อาคารผู้โดยสารทันเวลาอย่างหวุดหวิด
ตอนนั้นด้วยความรีบผมไม่ได้จดชื่อคนขับและเลขทะเบียนรถมาด้วยครับ


ผมได้ไปเที่ยว 5 วัน กลับมาถึงไทยวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันแรงงาน
ผมก็ได้รับการติดต่อจากบริษัทรถโดยสารดังกล่าว สรุปให้ผมจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดเป็นเงิน 4,400 บาท
ทางบริษัทให้ผมเดินทางเข้าไปจ่ายเงินที่สำนักงาน แต่ผมได้ปฏิเสธไปเพราะไม่สะดวก
จึงให้บริษัทแจ้งเลขบัญชีธนาคารมาทางอีเมล์ กระนั้นผมก็ขอให้ทางบริษัทออกเอกสารการเรียกเก็บเงิน
และรายละเอียดถึงสาเหตุที่ทำให้ผมต้องจ่ายเงินค่าเสียหายทั้งหมด เพราะผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมครับ

ถ้าการเขียนผิดพลาดประการใดก็กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่