คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ในมุมมองของเราที่เห็นข่าวครั้งแรก
ปัจจัยที่ทำให้เราเข้าข้างน้องเต้าหู้ตั้งแต่วินาทีแรกคือ
1. ภาพลักษณ์แท็กซี่ grab bolt ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในสายตาเรา ถ้ามีช่องทางเอาเปรียบ เค้าก็จะใช้โอกาสนั้น/ จากประสบการณ์ของเราคนเดียวที่เจอ มันคือการสร้างกำแพง การมี awareness เกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับคนทำอาชีพนี้
2. ไม่รู้ราคาซ่อมรถ
แต่พอหลังจากที่อ่านคอมเม้นต์ในตอนนั้น ทำให้เข้าใจแบบที่เจ้าของกระทู้บอกเลยค่ะ ถ้าทำสีหรืออะไหล่รถค่อนข้างมีราคา เวลาเปลี่ยนก็เปลี่ยนทั้งชิ้น เลยทำให้เราเข้าใจคนขับมากขึ้น
อย่างน้องเต้าหู้ก็น่าจะเจอประสบการณ์ไม่ดี หรือ เรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นมา เหมือนเค้าก็เสนอทางเลือกอื่นด้วยนะว่า เค้าขอไปด้วยได้ไหมเดี๋ยวเค้าจ่ายให้ แต่ก็เข้าใจว่าร้านมันก็ปิดหมดแล้ว เต้าหู้เองก็ไม่ไว้ใจ กลัวจะโดนโกง เลยอาจจะต้องพึ่ง บุคคลที่3 4 เข้ามา แค่นั้นแหละค่ะ
ปัจจัยที่ทำให้เราเข้าข้างน้องเต้าหู้ตั้งแต่วินาทีแรกคือ
1. ภาพลักษณ์แท็กซี่ grab bolt ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในสายตาเรา ถ้ามีช่องทางเอาเปรียบ เค้าก็จะใช้โอกาสนั้น/ จากประสบการณ์ของเราคนเดียวที่เจอ มันคือการสร้างกำแพง การมี awareness เกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับคนทำอาชีพนี้
2. ไม่รู้ราคาซ่อมรถ
แต่พอหลังจากที่อ่านคอมเม้นต์ในตอนนั้น ทำให้เข้าใจแบบที่เจ้าของกระทู้บอกเลยค่ะ ถ้าทำสีหรืออะไหล่รถค่อนข้างมีราคา เวลาเปลี่ยนก็เปลี่ยนทั้งชิ้น เลยทำให้เราเข้าใจคนขับมากขึ้น
อย่างน้องเต้าหู้ก็น่าจะเจอประสบการณ์ไม่ดี หรือ เรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นมา เหมือนเค้าก็เสนอทางเลือกอื่นด้วยนะว่า เค้าขอไปด้วยได้ไหมเดี๋ยวเค้าจ่ายให้ แต่ก็เข้าใจว่าร้านมันก็ปิดหมดแล้ว เต้าหู้เองก็ไม่ไว้ใจ กลัวจะโดนโกง เลยอาจจะต้องพึ่ง บุคคลที่3 4 เข้ามา แค่นั้นแหละค่ะ
แสดงความคิดเห็น
กรณีที่น้องเต้าหู้ทำรถคนขับ GrabCar เป็นรอยแล้วโดนเรียกเงิน ทำไมโซเชียลถึงเข้าข้างน้องเต้าหู้แบบเป็นเอกฉันท์ ?
เหตุการณ์ที่ผมเข้าใจจากคลิปที่ออกข่าวคือแบบนี้ครับ
น้องเต้าหู้ใช้บริการ Bolt พอจะลงรถน้องมีการยกกระเป๋าสัมภาระของตัวเองลงจากท้ายรถ แต่เกิดเหตุการณ์ว่ากระเป๋าดันไปขูดกับบริเวณกันชนรถ ทำให้รถเป็นรอย เจ้าของรถเลยอยากเรียกเงินจากน้องเต้าหู้เป็นจำนวนครึ่งนึงของค่าทำสี (ค่าทำสี 4,000 บาท คนขับขอเรียกครึ่งนึงซึ่งก็คือ 2,000 บาท) แต่น้องเต้าหู้เข้าใจผิดคิดว่าเรียก 4,000 บาท คิดว่าแพงเลยจะขอติดรถไปซ่อมด้วยเพื่อจะได้รู้ราคาซ่อมจริง ๆ แต่คนขับบอกหลังหกโมงร้านปิดหมดแล้ว น้องเต้าหู้ไม่สะดวกใจที่จะจ่าย 4,000 สุดท้ายเรื่องถึงตำรวจ ผลสรุปคือน้องเต้าหู้ยอมจ่ายไป 2,000 บาท และแยกย้ายกัน จากนั้นน้องเต้าหู้ก็เอาคลิปเหตุการณ์มาโพสต์ลงโซเชียล
**ในข่าวที่ออกอยู่ตอนนี้ต่างพาดหัวว่าคนขับเรียก 4,000 ซึ่งไม่ใช่นะครับ ถ้าฟังจากที่เขาพูดในคลิปดี ๆ คือเขาเรียกครึ่งนึงของ 4,000 ซึ่งก็คือ 2,000 บาท**
ความเห็นโซเชียลเท่าที่ผมอ่านดูคือเข้าข้างน้องเต้าหู้แทบจะ 100% และมีการต่อว่าคนขับหลาย ๆ เรื่อง เช่น
- คนขับเป็นมิจฉาชีพแน่ ๆ หลอกเงินคน
- รถเป็นรอยอยู่แล้วหรือเปล่า
- รักรถมากนักก็ไม่ต้องเอามาขับบริการ
- ทำไมไม่ยกกระเป๋าให้ผู้โดยสารล่ะ ไม่มีใจบริการเลย
(มีคนถึงขั้นจดเลขทะเบียนรถมาโพสต์ประจาณในคอมเม้นต์ให้คนอื่นเห็นเลย)
คือโซเชียลอยากเหยียบคนขับให้จมดิน ให้ไม่มีที่ยืนในสังคมไปเลย
ผมค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมไม่มีคนพูดถึงประเด็นที่เข้าข้างคนขับเลย เช่น
- ตอนยกกระเป๋าทำไมไม่ระวัง ประมาท แบบนี้มันทำให้ทรัพย์สินเสียหาย
- ค่าทำสี 4,000 มันคือเรทราคาปกติ (มันต้องเปลี่ยนทั้งชิ้นครับ) คนขับเขายังเกรงใจเรียกแค่ครึ่งนึง 2,000 เอง และเรียกแค่ค่าทำสีด้วยนะ ไม่คิดค่าของ ไม่คิดค่าแรงที่อาจจะต้องเสียด้วย
- แอร์โฮสเตส หรือ สจ๊วต สังคมยังเห็นใจเลยว่าไม่ได้มีหน้าที่ยกกระเป๋าให้ผู้โดยสาร แต่ทำไมเวลาคนขับ Bolt ไม่ยก ถึงว่าเขาไม่มีใจบริการ ?
- ในเมื่อของมันเสียหาย ก็ต้องมีคนเสียตังค์เวลาซ่อม คำถามคือ คนขับต้องเสียตังค์เหรอในเมื่อความเสียหายมันเกิดจากน้องเต้าหู้เป็นคนทำ ?
- คนขับเอารถมาบริการ หมายความว่าคนขับต้องพร้อมรับจบในทุก ๆ ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของผู้โดยสารเหรอ ?
- คนขับเขาก็ทำงานหาเงินของเขาปกติ ผู้โดยสารต่างหากที่เอาปัญหาไปใส่เขา แถมยังเป็นฝ่ายเอาเรื่องนี้มาลงโซเชียลทำให้คนขับเสียหายอีก (ทำงานอยู่ดี ๆ มีคนมาทำรถเป็นรอย พอเรียกเงินค่าเสียหายในเรทราคาปกติ ดันกลายเป็นถูกประณามจากสังคมเฉยเลย)
ส่วนตัวแล้วผมมองว่าเรายังไม่รู้รายละเอียดของเหตุการณ์ดีพอ ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง และคงไม่มีการสืบสวนอะไรเพิ่มเพราะน้องเต้าหู้ยอมจ่าย 2,000 เรื่องก็เลยจบแล้ว แต่ผมอยากลองถามทุกคนให้ลองแชร์ความเห็นเกี่ยวกับปรากฎการณ์นี้ดูครับ
- ทำไมโซเชียลถึงมีแต่ความเห็นที่เข้าข้างน้องเต้าหู้
- ทำไมโซเชียลถึงไม่มีความเห็นที่เข้าข้างคนขับเลย