คลังจ่อตัดเบี้ยคนชรา600บ. เน้นเป้าเฉพาะ'ผู้สูงวัยไฮโซ' | เดลินิวส์
„เมื่อวันที่ 14 พ.ค. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า วานนี้ (13 พ.ค.) ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่องธุรกิจประกันภัยกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)ว่า กระทรวงการคลังกำลังทบทวนนโยบายการจ่ายสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคนละ 600บาทต่อเดือนใหม่โดยจะมีการยกเลิกจ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินเดือนละ 9,000 บาทหรือมีสินทรัพย์สูงเกิน 3 ล้านบาทและเลือกจ่ายให้เฉพาะผู้สูงวัยที่มีรายได้ต่ำ หรือต้องการได้รับความช่วยเหลือจริงเท่านั้นเพื่อลดภาระงบประมาณด้านสวัสดิการของภาครัฐโดยเฉพาะในอนาคตที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งจะทำให้มีภาระในส่วนนี้เพิ่มขึ้น “เดิมหากใครอายุเกิน60 ปี แล้วมาลงทะเบียนก็จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั้งหมดแต่ต่อไปจะมีการช่วยเหลือบางคนที่มีรายได้ต่ำ เหมือนนโยบายรถไฟรถเมล์ฟรีซึ่งปกติใครก็ขึ้นไปใช้บริการได้ แต่อนาคตจะจำกัดการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มให้เข้าถึงมือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน และจำเป็นจริงๆ ประเมินว่านโยบายจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุใหม่นี้จะช่วยรัฐประหยัดงบได้ปีละ1 หมื่นล้านบาทจากปัจจุบันที่เป็นภาระงบประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาทโดยรัฐจะทำการเก็บข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยและเชื่อมโยงกับนโยบายพัฒนาการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเพย์เมนท์ที่เปิดให้มีการลงทะเบียนตั้งแต่กลางปีนี้”นายวิสุทธิ์เผย รมช.คลัง กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ระบุว่ามีผู้สูงอายุประมาณ 10 ล้านคนแต่ต่อไปประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยมากขึ้น ซึ่งในปี 2573คาดว่าทุกประชากร 5 คน มีผู้สูงอายุ 1 คนและคนในวัยทำงานที่สร้างรายได้จะเหลือน้อยลงที่สำคัญคนไทยยังทำประกันภัยกันน้อยประมาณ 38 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่ทุกคนจะมีการทำประกันอย่างน้อย 1 คนต่อ 1 กรมธรรม์ส่งผลให้ต่อไปภาระงบประมาณในการดูแลผู้สูงวัยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ “
อ่านต่อที่ :
http://www.dailynews.co.th/economic/397382
คลังจ่อตัดเบี้ยคนชรา600บ. เน้นเป้าเฉพาะ'ผู้สูงวัยไฮโซ'
„เมื่อวันที่ 14 พ.ค. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า วานนี้ (13 พ.ค.) ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่องธุรกิจประกันภัยกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)ว่า กระทรวงการคลังกำลังทบทวนนโยบายการจ่ายสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคนละ 600บาทต่อเดือนใหม่โดยจะมีการยกเลิกจ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินเดือนละ 9,000 บาทหรือมีสินทรัพย์สูงเกิน 3 ล้านบาทและเลือกจ่ายให้เฉพาะผู้สูงวัยที่มีรายได้ต่ำ หรือต้องการได้รับความช่วยเหลือจริงเท่านั้นเพื่อลดภาระงบประมาณด้านสวัสดิการของภาครัฐโดยเฉพาะในอนาคตที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งจะทำให้มีภาระในส่วนนี้เพิ่มขึ้น “เดิมหากใครอายุเกิน60 ปี แล้วมาลงทะเบียนก็จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั้งหมดแต่ต่อไปจะมีการช่วยเหลือบางคนที่มีรายได้ต่ำ เหมือนนโยบายรถไฟรถเมล์ฟรีซึ่งปกติใครก็ขึ้นไปใช้บริการได้ แต่อนาคตจะจำกัดการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มให้เข้าถึงมือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน และจำเป็นจริงๆ ประเมินว่านโยบายจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุใหม่นี้จะช่วยรัฐประหยัดงบได้ปีละ1 หมื่นล้านบาทจากปัจจุบันที่เป็นภาระงบประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาทโดยรัฐจะทำการเก็บข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยและเชื่อมโยงกับนโยบายพัฒนาการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเพย์เมนท์ที่เปิดให้มีการลงทะเบียนตั้งแต่กลางปีนี้”นายวิสุทธิ์เผย รมช.คลัง กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ระบุว่ามีผู้สูงอายุประมาณ 10 ล้านคนแต่ต่อไปประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยมากขึ้น ซึ่งในปี 2573คาดว่าทุกประชากร 5 คน มีผู้สูงอายุ 1 คนและคนในวัยทำงานที่สร้างรายได้จะเหลือน้อยลงที่สำคัญคนไทยยังทำประกันภัยกันน้อยประมาณ 38 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่ทุกคนจะมีการทำประกันอย่างน้อย 1 คนต่อ 1 กรมธรรม์ส่งผลให้ต่อไปภาระงบประมาณในการดูแลผู้สูงวัยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ “
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/economic/397382