สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ถ้าคุณบอกเศรษกิจเพื่อนบ้าน หรือเศรษกิจโลกก็ตก
จริงๆหรือ รอบๆตัวเรามีแต่GDPโตเอาๆทั้งนั้น
การที่คุณเอาประเทศตัวเอง ไปเทียบกับประเทศที่GDPต่ำลง แบบนี้แสดงว่า
คุณไม่อยากเห็นข้อด้อยของตัวเอง เลยเอาไปเทียบกับพวกที่อยู่แบบเดียวกัน
คุณเอาสมคิดมาทำงานทำไม ถ้าไม่อยากให้ให้มาปั๊มGDP
พอGDPตก คุณก็บอกว่าคนอื่นก็เป็น
ถ้างั้นก็แสดงว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นสมคิดใช่ป่ะ ใครมาเป็นก็ได้
ที่อวยๆไว้ ก็แค่ปาหี่
เอาเด็กจบใหม่มาแทนสมคิด ก็ไม่ได้ต่างกัน ถูกป่ะ
จริงๆหรือ รอบๆตัวเรามีแต่GDPโตเอาๆทั้งนั้น
การที่คุณเอาประเทศตัวเอง ไปเทียบกับประเทศที่GDPต่ำลง แบบนี้แสดงว่า
คุณไม่อยากเห็นข้อด้อยของตัวเอง เลยเอาไปเทียบกับพวกที่อยู่แบบเดียวกัน
คุณเอาสมคิดมาทำงานทำไม ถ้าไม่อยากให้ให้มาปั๊มGDP
พอGDPตก คุณก็บอกว่าคนอื่นก็เป็น
ถ้างั้นก็แสดงว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นสมคิดใช่ป่ะ ใครมาเป็นก็ได้
ที่อวยๆไว้ ก็แค่ปาหี่
เอาเด็กจบใหม่มาแทนสมคิด ก็ไม่ได้ต่างกัน ถูกป่ะ
ความคิดเห็นที่ 20
GDP โตค่ะ ไม่ใช่ไม่โต แต่โตช้ากว่าคนอื่น ในอาเซียน GDP Growth เราโตช้ากว่าคนอื่นยกเว้นสิงคโปร์ที่โตช้ากว่าเรานิดหน่อย
ถ้าจะโทษก็ต้องย้อนกลับไปที่การเมืองเราไม่นิ่งรึเปล่าคะ คนอื่นเค้าเลยไม่กล้ามาลงทุน แล้วการที่ GDP มันโตในช่วงห้าหกปีหลังที่ผ่านมา มันโตเพราะแบบปลอมๆเหมือนฟองสบู่ มีแต่การกู้เงินมาบริโภคซื้อบ้านหลังแรก รถคันแรกเอย การลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนมีน้อยมาก นอกจากอุตสาหกรรมรถยนต์ กับการท่องเที่ยว healthcare ยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำมีอะไรที่มีคนมาลงทุนอย่างจริงจัง แล้วทุกวันนี้ 3 ตัวหลักนี้แหล่ะคือส่วนที่ดันให้ GDP เราไปได้
ในขณะที่เรามัวแต่ทะเลากัน เวียดนามเค้าไปเจรจา FTA กับยุโรป เข้าร่วม TPP เอย แล้วยังทุ่มทุนจีบซัมซุงให้ย้ายฐานจากจีนจากไทยไปอยู่เวียดนาม มีแต่เวียดนามเท่านั้นแหล่ะที่เจ๋งสุด ประเทศอื่นๆมันโตเพราะการพึ่งเปิดประเทศ หรือพึ่งผ่านการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองมา
เราว่าคุณสมคิดทำถูกแล้ว ที่ไม่เอาเงินมาแจกเพื่อสร้างการบริโภคปลอมๆ เอาเงินมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างความแข็งแกร่งให้ startup มันคืออนาคต อาจจะเห็นผลช้า แต่มันไม่ได้เป็นการหลอกลวง เวียดนามเค้าทำแบบนี้เมื่อสามปีก่อนพึ่งมาเห็นผลวันนี้ เราพึ่งทำวันนี้ก็ต้องอดทนรอค่ะ
ถ้าจะโทษก็ต้องย้อนกลับไปที่การเมืองเราไม่นิ่งรึเปล่าคะ คนอื่นเค้าเลยไม่กล้ามาลงทุน แล้วการที่ GDP มันโตในช่วงห้าหกปีหลังที่ผ่านมา มันโตเพราะแบบปลอมๆเหมือนฟองสบู่ มีแต่การกู้เงินมาบริโภคซื้อบ้านหลังแรก รถคันแรกเอย การลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนมีน้อยมาก นอกจากอุตสาหกรรมรถยนต์ กับการท่องเที่ยว healthcare ยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำมีอะไรที่มีคนมาลงทุนอย่างจริงจัง แล้วทุกวันนี้ 3 ตัวหลักนี้แหล่ะคือส่วนที่ดันให้ GDP เราไปได้
ในขณะที่เรามัวแต่ทะเลากัน เวียดนามเค้าไปเจรจา FTA กับยุโรป เข้าร่วม TPP เอย แล้วยังทุ่มทุนจีบซัมซุงให้ย้ายฐานจากจีนจากไทยไปอยู่เวียดนาม มีแต่เวียดนามเท่านั้นแหล่ะที่เจ๋งสุด ประเทศอื่นๆมันโตเพราะการพึ่งเปิดประเทศ หรือพึ่งผ่านการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองมา
เราว่าคุณสมคิดทำถูกแล้ว ที่ไม่เอาเงินมาแจกเพื่อสร้างการบริโภคปลอมๆ เอาเงินมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างความแข็งแกร่งให้ startup มันคืออนาคต อาจจะเห็นผลช้า แต่มันไม่ได้เป็นการหลอกลวง เวียดนามเค้าทำแบบนี้เมื่อสามปีก่อนพึ่งมาเห็นผลวันนี้ เราพึ่งทำวันนี้ก็ต้องอดทนรอค่ะ
ความคิดเห็นที่ 30
มือไม่พาย. เอาเท้าราน้ำ
เศรษฐกิจไทยติดเครื่อง เริ่มกระเตื้องและออกสตาร์ตแล้ว
เมื่อจันทร์ที่ผ่านมา หน่วยงานสำคัญภาครัฐ 3 หน่วย ที่ทำหน้าที่ในฐานะเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มานั่งแถลงข่าวร่วมกันเป็นครั้งแรก...ได้แก่ บีโอไอ, ททท. และกระทรวงพาณิชย์
เครื่องยนต์ตัวที่ 1 คือบีโอไอ หรือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแถลงว่า ยอดขอส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรกปีนี้ มีจำนวนถึง 311 โครงการ เพิ่มจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่มูลค่ารวมกันถึง 89,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 234 เปอร์เซ็นต์
สำหรับเครื่องยนต์ที่ 2 หรือการท่องเที่ยวนั้น ตัวแทนของ ททท. ยืนยันว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้ว 9 ล้านคนเศษ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีกลาย สร้างรายได้ประมาณ 455,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์
ในส่วนของการส่งออกหรือเครื่องจักรเครื่องที่ 3 นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นผู้แถลงสรุปว่า เฉพาะเดือนมีนาคม มีมูลค่า 19,124 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 1.3 เปอร์เซ็นต์ จากเดือนเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขยายตัวบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และเมื่อรวม 3 เดือน หรือไตรมาสแรก มูลค่าส่งออกจะเท่ากับ 53,829 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีกลาย
“การส่งออกเริ่มเปลี่ยนจากแดนลบมาเป็นแดนบวก ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีมูลค่าส่งออกเป็นบวก เพราะทั่วโลกยังลบอยู่มาก” ดร.สุวิทย์กล่าวย้ำและฝากความหวังไว้ว่า
“หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเครื่องจักร 3 ตัวของเรา เครื่องติดแล้ว ถ้าขับเคลื่อนไปได้พร้อมกัน รวมกับงบกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ลงไปถึงมือประชาชน เศรษฐกิจไทยจะโตอย่างมีเสถียรภาพแน่นอน
ถ้ามีใครถามว่าอ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? ผมก็คงต้องตอบว่ารู้สึกใจชื้นขึ้นมาพอสมควรที่ได้รับทราบข่าวดีชิ้นนี้ แม้จะเป็นเพียงข่าวดีที่ยังจะต้องตีความและต้องวิเคราะห์ในรายละเอียดอีกมาก แต่อย่างน้อยเมื่อในภาพรวมๆดูดีขึ้น ก็คงต้องทำใจให้ชุ่มชื้นเอาไว้ก่อน
ถ้าเราวิเคราะห์ตัวเลขให้ละเอียดหรือตีความให้ลึกลงไปอีกก็จะพบว่า มีอีกหลายๆประเด็นที่จะต้องติดตามกันต่อไปว่าตัวเลขที่ว่าดีนั้น ดีอย่างไร. เรามาดูกัน
ด้านการลงทุนดูแล้วน่าจะดีจริง เห็นรายชื่อโครงการ เห็นประเภทโครงการที่ขอล้วนสอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาของโลก...เพียงแต่ผลยังไม่เกิด เพราะยังต้องขอการลงทุนจริงๆเสียก่อน ก็ไม่เป็นไรประเด็นนี้รอได้เพราะเมื่อถึงเวลาก็จะมีเงินเข้ามา มีโรงงาน มีการก่อสร้าง มีการจ้างงานตามมาทีหลังเอง ขอให้ใจเย็นๆ
ด้านการท่องเที่ยว น่าดีใจที่ตัวเลขดีมาก ถึงแม้จะเป็นนักท่องเที่ยวจีนเป็นสัดส่วนที่เยอะ. แต่นักท่องเที่ยวจีนในปัจจุบันก็เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสูงขึ้นมาก. อย่างไรก็ดีก็เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านไว้ก่อน.
ในด้านส่งออกนั้น...ถ้าดูรายละเอียดจะเห็นว่าที่ส่งออกได้ดียังคงเป็นรถยนต์ ส่วนประกอบเครื่องจักรกล อัญมณี ฯลฯ และอุตสาหกรรมบางประเภท ถึงแม้ว่าสินค้าเกษตรต่างๆยังคงราคายังไม่ฟื้น เช่น ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นรายได้หลักของเกษตรกรในหลายๆภาค ยังคงลดทั้งราคาและปริมาณ ซึ่งก็สอดคล้องไปกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมัน ที่ราคาตกรูดส่งผลกระทบไปทั่วโลก
อย่าลืมว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นมากนัก นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกยังคงไม่มั่นใจว่าจะมีการฟื้นตัวในปีนี้
เศรษฐกิจของประเทศหลักๆของโลกใบนี้ยังไม่ฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นแม้กระทั่งยักษ์ใหญ่จีน
--ในขณะที่ภาคเอกชนไทย อย่างคุณ บัณฑูร ล่ำซำ ประธานธนาคารกสิกรไทย ท่านก็บอกว่า เศรษฐกิจไทยได้กระเตื้องขึ้นแล้ว. ขอให้ร่วมมือร่วมใจกันต่อไปให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก...จะเห็นได้ว่าหากเราช่วยกันอย่างเต็มที่ทุกๆฝ่าย เศรษฐกิจบ้านเราต้องฟื้นตัวได้แน่นอน
เศรษฐกิจไทยติดเครื่อง เริ่มกระเตื้องและออกสตาร์ตแล้ว
เมื่อจันทร์ที่ผ่านมา หน่วยงานสำคัญภาครัฐ 3 หน่วย ที่ทำหน้าที่ในฐานะเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มานั่งแถลงข่าวร่วมกันเป็นครั้งแรก...ได้แก่ บีโอไอ, ททท. และกระทรวงพาณิชย์
เครื่องยนต์ตัวที่ 1 คือบีโอไอ หรือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแถลงว่า ยอดขอส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรกปีนี้ มีจำนวนถึง 311 โครงการ เพิ่มจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่มูลค่ารวมกันถึง 89,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 234 เปอร์เซ็นต์
สำหรับเครื่องยนต์ที่ 2 หรือการท่องเที่ยวนั้น ตัวแทนของ ททท. ยืนยันว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้ว 9 ล้านคนเศษ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีกลาย สร้างรายได้ประมาณ 455,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์
ในส่วนของการส่งออกหรือเครื่องจักรเครื่องที่ 3 นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นผู้แถลงสรุปว่า เฉพาะเดือนมีนาคม มีมูลค่า 19,124 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 1.3 เปอร์เซ็นต์ จากเดือนเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขยายตัวบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และเมื่อรวม 3 เดือน หรือไตรมาสแรก มูลค่าส่งออกจะเท่ากับ 53,829 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีกลาย
“การส่งออกเริ่มเปลี่ยนจากแดนลบมาเป็นแดนบวก ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีมูลค่าส่งออกเป็นบวก เพราะทั่วโลกยังลบอยู่มาก” ดร.สุวิทย์กล่าวย้ำและฝากความหวังไว้ว่า
“หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเครื่องจักร 3 ตัวของเรา เครื่องติดแล้ว ถ้าขับเคลื่อนไปได้พร้อมกัน รวมกับงบกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ลงไปถึงมือประชาชน เศรษฐกิจไทยจะโตอย่างมีเสถียรภาพแน่นอน
ถ้ามีใครถามว่าอ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? ผมก็คงต้องตอบว่ารู้สึกใจชื้นขึ้นมาพอสมควรที่ได้รับทราบข่าวดีชิ้นนี้ แม้จะเป็นเพียงข่าวดีที่ยังจะต้องตีความและต้องวิเคราะห์ในรายละเอียดอีกมาก แต่อย่างน้อยเมื่อในภาพรวมๆดูดีขึ้น ก็คงต้องทำใจให้ชุ่มชื้นเอาไว้ก่อน
ถ้าเราวิเคราะห์ตัวเลขให้ละเอียดหรือตีความให้ลึกลงไปอีกก็จะพบว่า มีอีกหลายๆประเด็นที่จะต้องติดตามกันต่อไปว่าตัวเลขที่ว่าดีนั้น ดีอย่างไร. เรามาดูกัน
ด้านการลงทุนดูแล้วน่าจะดีจริง เห็นรายชื่อโครงการ เห็นประเภทโครงการที่ขอล้วนสอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาของโลก...เพียงแต่ผลยังไม่เกิด เพราะยังต้องขอการลงทุนจริงๆเสียก่อน ก็ไม่เป็นไรประเด็นนี้รอได้เพราะเมื่อถึงเวลาก็จะมีเงินเข้ามา มีโรงงาน มีการก่อสร้าง มีการจ้างงานตามมาทีหลังเอง ขอให้ใจเย็นๆ
ด้านการท่องเที่ยว น่าดีใจที่ตัวเลขดีมาก ถึงแม้จะเป็นนักท่องเที่ยวจีนเป็นสัดส่วนที่เยอะ. แต่นักท่องเที่ยวจีนในปัจจุบันก็เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสูงขึ้นมาก. อย่างไรก็ดีก็เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านไว้ก่อน.
ในด้านส่งออกนั้น...ถ้าดูรายละเอียดจะเห็นว่าที่ส่งออกได้ดียังคงเป็นรถยนต์ ส่วนประกอบเครื่องจักรกล อัญมณี ฯลฯ และอุตสาหกรรมบางประเภท ถึงแม้ว่าสินค้าเกษตรต่างๆยังคงราคายังไม่ฟื้น เช่น ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นรายได้หลักของเกษตรกรในหลายๆภาค ยังคงลดทั้งราคาและปริมาณ ซึ่งก็สอดคล้องไปกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมัน ที่ราคาตกรูดส่งผลกระทบไปทั่วโลก
อย่าลืมว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นมากนัก นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกยังคงไม่มั่นใจว่าจะมีการฟื้นตัวในปีนี้
เศรษฐกิจของประเทศหลักๆของโลกใบนี้ยังไม่ฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นแม้กระทั่งยักษ์ใหญ่จีน
--ในขณะที่ภาคเอกชนไทย อย่างคุณ บัณฑูร ล่ำซำ ประธานธนาคารกสิกรไทย ท่านก็บอกว่า เศรษฐกิจไทยได้กระเตื้องขึ้นแล้ว. ขอให้ร่วมมือร่วมใจกันต่อไปให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก...จะเห็นได้ว่าหากเราช่วยกันอย่างเต็มที่ทุกๆฝ่าย เศรษฐกิจบ้านเราต้องฟื้นตัวได้แน่นอน
แสดงความคิดเห็น
เศรษกิจดี ทำไมGDPไม่โต ทำไมเก็บภาษีไม่เข้าเป้า
ไอ้นู้นก็โต ไอ้นี่ก็ดี คนเต็มห้าง
ถ้าเศรษกิจดีแล้วทำไม รัฐบาลถังแตก
เศรษกิจทำไมGDPไม่โต แล้วปรับลดGDPทำไมกันทุกเดือน
ถ้าเศรษกิจดี ทำไมรัฐเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า
ถ้าเศรษกิจมันดีจริง GDPมันก็ต้องโต รัฐก็ต้องเก็บภาษีเข้าเป้า รัฐบาลก็ต้องมีรายได้เข้าประเทศ
รัฐบาลดูภาพรวมเศรษกิจ ไม่ดูเฉพาะร้านขนมหม้แกง ไม่ได้ดูแค่ห้างในกทม.
ก็เห็นๆกันอยู่ คณะท่านบอกวันนก่อนว่า ตอนนั้รัฐบาลถังแตก ไม่มีรายได้เข้าประเทศ
ภาพรวมมันเป็นแบบ มันฟ้องตัวมันเอง