บทความนี้...
มีผู้มาปรึกษาพี่ลูกโป่งหลายคนถามว่า จะทำยังไงให้ตัวเองมีความจำดี จะทำยังไงให้ตัวเองมีสมองดี จะทำยังไงให้ตัวเองเก่งขึ้น พี่ลูกโป่งขอตอบเลยว่าของแบบนี้ไม่ใช่ทำไม่ได้ เพียงแต่เราต้องฝึก ถ้าลงมือฝึกลงมือทำแล้วนอกเหนือจากที่เราจะเป็นคนเก่งแล้ว เราจะได้มากกว่าที่คิด เพราะเราจะเป็นทั้งคนเก่งและดีด้วย ที่สำคัญจะทำให้เราเป็นคนที่มีความสุขที่สุด มีคนรักและอยากอยู่ด้วยมากที่สุด ถ้าพร้อมแล้วลองฝึกกันค่ะ
1. จิบน้ำบ่อย ๆ
การจิบน้ำบ่อยบ่อยจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากน้ำอย่างเต็มที่และได้รับความสดชื่น สมองแจ่มใส มองภาพง่ายๆ เช่น ต้นไม้ ดอกไม้ ถ้าขาดน้ำก็เหี่ยว ผิวหน้า ผิวกาย ของเราก็เช่นกัน ถ้าขาดน้ำก็แห้ง เป็นขุย เหี่ยว ดังนั้นถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้เรากลายเป็นคนคิดช้า คิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ
2.สวดมนต์นั่งสมาธิวันละ 5-10นาที
เมื่อเราตื่นนอนให้ดื่มน้ำทันทีก่อนแปรงฟัน หลังจากนั้นให้ตั้งสติสวดมนต์และนั่งสมาธิทุกเช้า อย่างน้อยวันละ 5-10นาที เพื่อให้สมองโล่งจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายสุด ๆ เราจะรู้สึกสดชื่น คิดอะไรก็ออก แก้ปัญหาได้ มีจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์
3.ใส่ความมุ่งมั่นตั้งใจ
การตั้งใจมุ่งมั่นในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองเรา ว่านี่คือ สิ่งที่ต้องเกิด สมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริง กับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน มันจึงทำให้เราทำอะไรก็สำเร็จ คนที่ทำอะไรสำเร็จส่วนใหญ่จะมีวิธีคิดแบบนี้และทำแบบนี้ เหมือนกันอธิฐานขอพรและมุ่งหวังให้ได้ดังประสงค์ให้สมหวังสมองก็จะทำการปรับให้เราทำดังสิ่งที่เราหวังแล้วมันจึงสำเร็จ
4.หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ ร่างกายเราจะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรัก และหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย ๆ ทำให้เราเป็นคนอารมณ์ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีดึงดูดให้ใครใครก็อยากเข้าใกล้ อยากเป็นมิตร
5.เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขาเป็นต้น การเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้ มีความตื่นเต้นท้าทาย กระตุ้นให้เราอยากรู้อยากลองรู้สึกมีความสุข เมื่อมีความสุข ก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
6.ให้อภัยตัวเองทุกวัน
การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้รกสมองและเปลืองพลังงานสมอง ดังนั้นการให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง สมองจะเบาโล่งไม่เครียดไม่คิดมาก ไม่ปวดหัว ไม่ไมเกรน
7.เขียนบันทึก
เราต้องเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีพ่อแม่ดี ขอบคุณที่มีลูกดี ขอบคุณที่มีครอบครัวดี ขอบคุณที่มีเพื่อนดี ขอบคุณที่มีสุขภาพดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
8.หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาวๆ
การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ เป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรง เพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ ควรลุกขึ้นยืนหรือเดินยืดเส้นยืดสาย เพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอด ได้มากขึ้น จะได้ผ่อนคลายและสดชื่น การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เราสามารถเรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของเรา ถ้าเราดูแลและฝึกสมองให้ดีอยู่บ่อยๆประจำประจำ คุณภาพชีวิตเราก็จะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์เกินความคาดฝันค่ะ
ดร.ลูกโป่ง ตีสิบ
(อ้างอิง จาก บทความ 9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์ ของหนูดี วนิสา เรซ)
13/05/2559
#ธนาคารแห่งความลับ
"8 วิธี เพิ่มไอคิวและอีคิวให้เป็นคนเก่งและดี"
มีผู้มาปรึกษาพี่ลูกโป่งหลายคนถามว่า จะทำยังไงให้ตัวเองมีความจำดี จะทำยังไงให้ตัวเองมีสมองดี จะทำยังไงให้ตัวเองเก่งขึ้น พี่ลูกโป่งขอตอบเลยว่าของแบบนี้ไม่ใช่ทำไม่ได้ เพียงแต่เราต้องฝึก ถ้าลงมือฝึกลงมือทำแล้วนอกเหนือจากที่เราจะเป็นคนเก่งแล้ว เราจะได้มากกว่าที่คิด เพราะเราจะเป็นทั้งคนเก่งและดีด้วย ที่สำคัญจะทำให้เราเป็นคนที่มีความสุขที่สุด มีคนรักและอยากอยู่ด้วยมากที่สุด ถ้าพร้อมแล้วลองฝึกกันค่ะ
1. จิบน้ำบ่อย ๆ
การจิบน้ำบ่อยบ่อยจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากน้ำอย่างเต็มที่และได้รับความสดชื่น สมองแจ่มใส มองภาพง่ายๆ เช่น ต้นไม้ ดอกไม้ ถ้าขาดน้ำก็เหี่ยว ผิวหน้า ผิวกาย ของเราก็เช่นกัน ถ้าขาดน้ำก็แห้ง เป็นขุย เหี่ยว ดังนั้นถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้เรากลายเป็นคนคิดช้า คิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ
2.สวดมนต์นั่งสมาธิวันละ 5-10นาที
เมื่อเราตื่นนอนให้ดื่มน้ำทันทีก่อนแปรงฟัน หลังจากนั้นให้ตั้งสติสวดมนต์และนั่งสมาธิทุกเช้า อย่างน้อยวันละ 5-10นาที เพื่อให้สมองโล่งจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายสุด ๆ เราจะรู้สึกสดชื่น คิดอะไรก็ออก แก้ปัญหาได้ มีจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์
3.ใส่ความมุ่งมั่นตั้งใจ
การตั้งใจมุ่งมั่นในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองเรา ว่านี่คือ สิ่งที่ต้องเกิด สมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริง กับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน มันจึงทำให้เราทำอะไรก็สำเร็จ คนที่ทำอะไรสำเร็จส่วนใหญ่จะมีวิธีคิดแบบนี้และทำแบบนี้ เหมือนกันอธิฐานขอพรและมุ่งหวังให้ได้ดังประสงค์ให้สมหวังสมองก็จะทำการปรับให้เราทำดังสิ่งที่เราหวังแล้วมันจึงสำเร็จ
4.หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ ร่างกายเราจะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรัก และหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย ๆ ทำให้เราเป็นคนอารมณ์ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีดึงดูดให้ใครใครก็อยากเข้าใกล้ อยากเป็นมิตร
5.เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขาเป็นต้น การเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้ มีความตื่นเต้นท้าทาย กระตุ้นให้เราอยากรู้อยากลองรู้สึกมีความสุข เมื่อมีความสุข ก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
6.ให้อภัยตัวเองทุกวัน
การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้รกสมองและเปลืองพลังงานสมอง ดังนั้นการให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง สมองจะเบาโล่งไม่เครียดไม่คิดมาก ไม่ปวดหัว ไม่ไมเกรน
7.เขียนบันทึก
เราต้องเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีพ่อแม่ดี ขอบคุณที่มีลูกดี ขอบคุณที่มีครอบครัวดี ขอบคุณที่มีเพื่อนดี ขอบคุณที่มีสุขภาพดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
8.หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาวๆ
การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ เป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรง เพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ ควรลุกขึ้นยืนหรือเดินยืดเส้นยืดสาย เพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอด ได้มากขึ้น จะได้ผ่อนคลายและสดชื่น การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เราสามารถเรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของเรา ถ้าเราดูแลและฝึกสมองให้ดีอยู่บ่อยๆประจำประจำ คุณภาพชีวิตเราก็จะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์เกินความคาดฝันค่ะ
ดร.ลูกโป่ง ตีสิบ
(อ้างอิง จาก บทความ 9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์ ของหนูดี วนิสา เรซ)
13/05/2559
#ธนาคารแห่งความลับ