คุตบะห์วันศุกร์โดย: อาจารย์ อาลี กองเป็ง
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
ความรู้สึกที่ดีต่อพี่น้องมุสลิมเป็นปัจจัยหลักของการอีหม่าน มุสลิมที่ทำการสนทนาต่อพี่น้องเขาต้องระวังวาจาที่ส่อไปในทางยุแหย่ใส่ร้ายซึ่งจะนำไปสู่ความแตกแยก ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของศาสนา นับว่าเป็นบาปใหญ่หลวง ในการที่ผู้หนึ่งได้ถ่ายทอดการสนทนาหรือคำพูดไปยังผู้อื่นโดยมีเจตนาให้พี่น้องมุสลิมชังชังกัน เกลียดกัน เมินหน้าหนีกัน เพราะเพียงแต่คำพูดยุแหย่ ใส่ร้ายเท่านั้น ถึงอาจทำให้ทะเลาะวิวาทและตัดญาติ ขาดมิตรไปเลยก็มี นักวิชาการ (บรรดาอุลามาอ์) มีความเห็นตรงกันเรียกว่าอิจมาอ์ ว่าการยุแหย่ให้เกิดความร้าวฉานระหว่างผู้คนเป็นบาปใหญ่
อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า
“ความว่า และเจ้าอย่าปฏิบัติตามทุกคนที่เป็นนักสาบานที่ต่ำช้า ผู้นินทาตระเวนใส่ร้ายผู้อื่น”
เป็นดำรัสที่อัลเลาะห์ทรงสั่งห้ามปฏิบัติกับมัน ถึงกับว่าผู้ที่ประพฤติเยี่ยงนี้จะไม่ได้เข้าสวรรค์ของอัลเลาะห์
รายงานจากท่านฮุซัยฟะห์บุตรของยามาน โดยท่านนบี กล่าวว่า
“ความว่า ผู้ที่ตระเวนใส่ร้ายผู้อื่น(ยุแหย่ให้เกิดการทะเลาะ)จะไม่ได้เข้าสวรรค์
ท่านพี่น้องในโลกที่ขั้นกลางระหว่างดุนยาและอาคีเราะห์ นามชื่ออาลัมบัรซาคียะห์ เป็นสถานที่ลงโทษแก่ผู้ที่ตระเวนยุแหย่ใส่ร้ายที่เรียกว่าอาซาบกุโบร์ ได้มีบันทึกฮาดีสจากนักบันทึกยก เว้นอิบนุคุซัยมะห์ เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล)ได้เดินผ่านยังสองหลุมศพ และท่านก็กล่าวว่า
“แท้จริงทั้งสองกำลังถูกทรมานและไม่ใช้ถูกทรมานในเรื่องใหญ่โตเลยตามที่เขาคิด แต่โปรดทราบว่าแท้จริงมันเป็นโทษหนักมหาศาล”
หนึ่งจากทั้งสองปรากฏว่าเขาปัสสาวะและไม่ทำความสะอาดให้เรียบร้อย
และอีกผู้หนึ่งจากทั้งสองปรากฏว่าเขาเป็นผู้ตระเวนยุแหย่ให้เกิดความแตกแยก
นับว่าเป็นความวิบัติอันยิ่งใหญ่แก่เขาที่ต้องจากโลกดุนยาไปสู่ความโกรธกริ้วของอัลเลาะห์ เพียงแต่การหาความสนุกและสะใจในความเดือดร้อนและวิวาทของผู้อื่นเพียงชั่วครู่ แต่ต้องรับความทุกทรมานอย่างสาหัสในด่านแรกแห่งอาคีเราะห์
มีรายงานจากท่านอบูฮูรอยเราะห์กล่าวว่า ท่านนบี(ซ.ล) กล่าวว่า
“ ความว่า ท่านทั้งหลายจะได้พบมนุษย์ที่สุดแห่งความชั่วมีสองลิ้นนั้นคือผู้ที่ไปหากลุ่มหนึ่งด้วยใบหน้าแบบหนึ่งและไปหาอีกกลุ่มหนึ่งด้วยใบหน้าอีกแบบหนึ่ง(ยุแยงตะแคงรั่ว) และผู้ใดปรากฏว่าเป็นเจ้าของสองลิ้นในโลกดุนยา(ยุแหย่ใส่ร้าย)
แท้จริงอัลเละห์จะทรงให้เขามีสองลิ้นจากไฟนรกในวันกียามะห์
ท่านอีหม่ามอะบูฮามีดอัลฆอซาลี ได้กล่าวว่า ความหมายส่วนใหญ่ของคนนับมามคือผู้ที่ถ่ายทอดคำพูดของผู้หนึ่งสู่อีกผู้หนึ่ง โดยกล่าวว่า (นาย ก. ได้กล่าวว่าท่านอย่างนี้มิใช่ความหมายของนับมามเฉพาะแค่นี้เท่านั้น แต่มันได้ให้ความหมายถึงการเปิดเผยสิ่งที่น่ารังเกียจของผู้อื่นสู่ผู้อื่น กล่าวคือผุ้ถูกถ่ายทอดคำพูดและผู้รับการถ่ายทอดคำพูด และท่านอีหม่ามฆอซาลีได้กล่าวต่ออีกว่า การเปิดเผยความลับด้วยคำพูด เขียน ทำสัญญาณหรือแสดงออกถึงอาการบ่งชี้ บอกถึงตำหนิให้ร้าย ดังนั้นคำว่าنَمِيْمَةْ ที่แท้จริงคือเปิดเผยความลับและทำลายของที่เขาสงวนอันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
ฉะนั้นแล้วถือเป็นการบังควรอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์อย่าพูดในทุก ๆ สิ่งที่ได้ทราบหรือเห็นจากสภาพการของผู้อื่น ยกเว้นในกรณีเล่ากล่าวเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือป้องกันความเลวร้าย เพื่อเป็นอนุสติแก่ท่านพี่น้อง
กล่าวคือถ้าแม้นว่ามีผู้มากล่าวแก่ท่านว่า ชายคนหนึ่งได้กล่าวหาว่าท่านอย่างนั้นอย่างนี้ ท่านจงปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ท่านอย่าได้เชื่อเขาเพราะเขาคือคนยุแหย่ คนฟาซิก ข่าวที่เขาบอกรับฟังไม่ได้
2. ท่านต้องห้ามเขาจากการกระทำดังกล่าวและตักเตือน พร้อมแสดงอาการที่ รังเกียจออกมา
3. ให้ท่านแสดงอาการโกรธเขาเพื่ออัลเลาะห์ เพราะเนื่องจากเขานั้นถูกเกลียดชัง ณ ที่ อัลเลาะห์และการโกรธหรือเกลียดชังเพื่ออัลเลาะห์ เป็นวาญิบ(จำเป็น)
อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า
“ความว่า ท่านทั้งหลายอย่าสอดแนมซึ่งกันและกัน
ชายผู้หนึ่งให้กล่าวแก่อุมัรบินอับดุลอาซีร ถึงเรื่องของชายผู้หนึ่ง อุมัรกล่าวว่าโอ้ชายเอ๋ย ถ้าแม้นท่านปรารถนาให้ฉันจัดการให้ ฉันก็จะพิจารณา หากท่านพูดจริง แท้ที่จริงท่านคือผู้หนึ่งจากกลุ่มชนที่ถูกกล่าวในอายะห์
الحجرات 6
“ความว่า ถ้าแม้นมีคนชั่วนำข่าวมาบอกพวกท่าน ท่านจงแยกแยะให้ชัดเจน”
และหากว่าที่ท่านพูดเป็นการโกหก ท่านคือผู้หนึ่งจากกลุ่มชนที่ถูกกล่าวในอายะห์
“ความว่า ผู้ที่นินทาตระเวนใส่ร้ายผู้อื่น
และหากว่าท่านขอโทษ ฉันจะอภัยให้ชายผู้นี้จึงกล่าวตอบว่า
"โอ้อามีริ้ลมุมินีน ฉันจะไม่ขอพูดจาใส่ร้ายใครต่อไปอีก"
หายนะของผู้ยุแหย่ใส่ร้ายกับมุมมองคำสอนศาสนาอิสลาม
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
ความรู้สึกที่ดีต่อพี่น้องมุสลิมเป็นปัจจัยหลักของการอีหม่าน มุสลิมที่ทำการสนทนาต่อพี่น้องเขาต้องระวังวาจาที่ส่อไปในทางยุแหย่ใส่ร้ายซึ่งจะนำไปสู่ความแตกแยก ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของศาสนา นับว่าเป็นบาปใหญ่หลวง ในการที่ผู้หนึ่งได้ถ่ายทอดการสนทนาหรือคำพูดไปยังผู้อื่นโดยมีเจตนาให้พี่น้องมุสลิมชังชังกัน เกลียดกัน เมินหน้าหนีกัน เพราะเพียงแต่คำพูดยุแหย่ ใส่ร้ายเท่านั้น ถึงอาจทำให้ทะเลาะวิวาทและตัดญาติ ขาดมิตรไปเลยก็มี นักวิชาการ (บรรดาอุลามาอ์) มีความเห็นตรงกันเรียกว่าอิจมาอ์ ว่าการยุแหย่ให้เกิดความร้าวฉานระหว่างผู้คนเป็นบาปใหญ่
อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า
“ความว่า และเจ้าอย่าปฏิบัติตามทุกคนที่เป็นนักสาบานที่ต่ำช้า ผู้นินทาตระเวนใส่ร้ายผู้อื่น”
เป็นดำรัสที่อัลเลาะห์ทรงสั่งห้ามปฏิบัติกับมัน ถึงกับว่าผู้ที่ประพฤติเยี่ยงนี้จะไม่ได้เข้าสวรรค์ของอัลเลาะห์
รายงานจากท่านฮุซัยฟะห์บุตรของยามาน โดยท่านนบี กล่าวว่า
“ความว่า ผู้ที่ตระเวนใส่ร้ายผู้อื่น(ยุแหย่ให้เกิดการทะเลาะ)จะไม่ได้เข้าสวรรค์
ท่านพี่น้องในโลกที่ขั้นกลางระหว่างดุนยาและอาคีเราะห์ นามชื่ออาลัมบัรซาคียะห์ เป็นสถานที่ลงโทษแก่ผู้ที่ตระเวนยุแหย่ใส่ร้ายที่เรียกว่าอาซาบกุโบร์ ได้มีบันทึกฮาดีสจากนักบันทึกยก เว้นอิบนุคุซัยมะห์ เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล)ได้เดินผ่านยังสองหลุมศพ และท่านก็กล่าวว่า
“แท้จริงทั้งสองกำลังถูกทรมานและไม่ใช้ถูกทรมานในเรื่องใหญ่โตเลยตามที่เขาคิด แต่โปรดทราบว่าแท้จริงมันเป็นโทษหนักมหาศาล”
หนึ่งจากทั้งสองปรากฏว่าเขาปัสสาวะและไม่ทำความสะอาดให้เรียบร้อย
และอีกผู้หนึ่งจากทั้งสองปรากฏว่าเขาเป็นผู้ตระเวนยุแหย่ให้เกิดความแตกแยก
นับว่าเป็นความวิบัติอันยิ่งใหญ่แก่เขาที่ต้องจากโลกดุนยาไปสู่ความโกรธกริ้วของอัลเลาะห์ เพียงแต่การหาความสนุกและสะใจในความเดือดร้อนและวิวาทของผู้อื่นเพียงชั่วครู่ แต่ต้องรับความทุกทรมานอย่างสาหัสในด่านแรกแห่งอาคีเราะห์
มีรายงานจากท่านอบูฮูรอยเราะห์กล่าวว่า ท่านนบี(ซ.ล) กล่าวว่า
“ ความว่า ท่านทั้งหลายจะได้พบมนุษย์ที่สุดแห่งความชั่วมีสองลิ้นนั้นคือผู้ที่ไปหากลุ่มหนึ่งด้วยใบหน้าแบบหนึ่งและไปหาอีกกลุ่มหนึ่งด้วยใบหน้าอีกแบบหนึ่ง(ยุแยงตะแคงรั่ว) และผู้ใดปรากฏว่าเป็นเจ้าของสองลิ้นในโลกดุนยา(ยุแหย่ใส่ร้าย)
แท้จริงอัลเละห์จะทรงให้เขามีสองลิ้นจากไฟนรกในวันกียามะห์
ท่านอีหม่ามอะบูฮามีดอัลฆอซาลี ได้กล่าวว่า ความหมายส่วนใหญ่ของคนนับมามคือผู้ที่ถ่ายทอดคำพูดของผู้หนึ่งสู่อีกผู้หนึ่ง โดยกล่าวว่า (นาย ก. ได้กล่าวว่าท่านอย่างนี้มิใช่ความหมายของนับมามเฉพาะแค่นี้เท่านั้น แต่มันได้ให้ความหมายถึงการเปิดเผยสิ่งที่น่ารังเกียจของผู้อื่นสู่ผู้อื่น กล่าวคือผุ้ถูกถ่ายทอดคำพูดและผู้รับการถ่ายทอดคำพูด และท่านอีหม่ามฆอซาลีได้กล่าวต่ออีกว่า การเปิดเผยความลับด้วยคำพูด เขียน ทำสัญญาณหรือแสดงออกถึงอาการบ่งชี้ บอกถึงตำหนิให้ร้าย ดังนั้นคำว่าنَمِيْمَةْ ที่แท้จริงคือเปิดเผยความลับและทำลายของที่เขาสงวนอันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
ฉะนั้นแล้วถือเป็นการบังควรอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์อย่าพูดในทุก ๆ สิ่งที่ได้ทราบหรือเห็นจากสภาพการของผู้อื่น ยกเว้นในกรณีเล่ากล่าวเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือป้องกันความเลวร้าย เพื่อเป็นอนุสติแก่ท่านพี่น้อง
กล่าวคือถ้าแม้นว่ามีผู้มากล่าวแก่ท่านว่า ชายคนหนึ่งได้กล่าวหาว่าท่านอย่างนั้นอย่างนี้ ท่านจงปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ท่านอย่าได้เชื่อเขาเพราะเขาคือคนยุแหย่ คนฟาซิก ข่าวที่เขาบอกรับฟังไม่ได้
2. ท่านต้องห้ามเขาจากการกระทำดังกล่าวและตักเตือน พร้อมแสดงอาการที่ รังเกียจออกมา
3. ให้ท่านแสดงอาการโกรธเขาเพื่ออัลเลาะห์ เพราะเนื่องจากเขานั้นถูกเกลียดชัง ณ ที่ อัลเลาะห์และการโกรธหรือเกลียดชังเพื่ออัลเลาะห์ เป็นวาญิบ(จำเป็น)
อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า
“ความว่า ท่านทั้งหลายอย่าสอดแนมซึ่งกันและกัน
ชายผู้หนึ่งให้กล่าวแก่อุมัรบินอับดุลอาซีร ถึงเรื่องของชายผู้หนึ่ง อุมัรกล่าวว่าโอ้ชายเอ๋ย ถ้าแม้นท่านปรารถนาให้ฉันจัดการให้ ฉันก็จะพิจารณา หากท่านพูดจริง แท้ที่จริงท่านคือผู้หนึ่งจากกลุ่มชนที่ถูกกล่าวในอายะห์
الحجرات 6
“ความว่า ถ้าแม้นมีคนชั่วนำข่าวมาบอกพวกท่าน ท่านจงแยกแยะให้ชัดเจน”
และหากว่าที่ท่านพูดเป็นการโกหก ท่านคือผู้หนึ่งจากกลุ่มชนที่ถูกกล่าวในอายะห์
“ความว่า ผู้ที่นินทาตระเวนใส่ร้ายผู้อื่น
และหากว่าท่านขอโทษ ฉันจะอภัยให้ชายผู้นี้จึงกล่าวตอบว่า
"โอ้อามีริ้ลมุมินีน ฉันจะไม่ขอพูดจาใส่ร้ายใครต่อไปอีก"