ชนะน็อคโรคซึมเศร้า

กระทู้สนทนา
เรื่องที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ตรงของฉัน
ผู้ที่เคยต่อสู้กับโรคซึมเศร้าที่แสนจะทุกข์ทรมานทางด้านจิตใจ
อย่างชนิดที่ว่าแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
         
           ฉันหวังว่าสิ่งที่ฉันจะเขียนต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะ
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเท่านั้นแต่ยังรวมถึงผู้ที่เข้าข่ายว่าจะเป็นหรือผู้ที่เป็นโรคนี้แต่ไม่รู้ตัว
ตลอดจนผู้ที่กำลังรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง  ให้กลับมามีพลังจิตพลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป

          ฉันมั่นใจว่าเมื่อคุณได้อ่านมันอย่างเข้าใจท่องแท้จนจบ  และลงมือทำตามขั้นตอนที่ฉันเขียน
คุณจะค่อยๆรู้สึกดีขึ้น ความทุกข์จะลดน้อยลง จิตใจเข้มแข็งขึ้น สงบและมีสมาธิ
ต่อจากนั้นคุณก็จะเริ่มรู้สึกมีความสุข มีชีวิตที่รื่นรมย์ เหมือนกับฉันที่ได้เคยชนะน็อคโรคซึมเศร้าลงแบบ
ล้มคว่ำไม่เป็นท่า

          เชื่อเถอะ  โลกนี้ช่างน่าอยู่เสียนี่กระไร

อาการของคุณเป็นยังไงบ้างคะ

          ส่วนฉันตอนนั้นมันเริ่มจากความรู้สึกท้อแท้ หดหู่  ไม่อยากจะทำอะไร
นิดๆหน่อยๆก็สะเทือนใจ  ร้องไห้ได้กับทุกเรื่อง  ฉันไม่ได้เฉลียวใจว่านี่มันเป็น
อาการเริ่มต้นของโรคซึมเศร้า

          ต่อจากนั้นฉันเริ่มไม่ค่อยอยากจะอาบน้ำ สระผม  แปรงฟัน
และรวมไปถึงไม่อยากเจอหรือพบปะสังสรรค์กับใครๆ

          ฉันก็ยังคงไม่ได้คิดจะแก้ไขอะไรในตอนนั้น  นานวันเข้า
ความกลัว ความหวาดระแวง และอาการย้ำคิดย้ำทำ ก็เริ่มเข้ามาครอบงำ
เวลาจะออกจากบ้านแต่ละทีกว่าจะได้ไปฉันก็เฝ้าวนเวียนดูปลั๊กไฟว่าเสียบค้างไว้มั้ย
ดูแล้วดูอีกสามรอบสี่รอบ  บางครั้งขับรถออกไปแล้วต้องวนเพื่อกลับมาดูใหม่
หนักกว่านั้นยังต้องโทรมาบอกให้คนในบ้านดูว่ายังเสียบปลั๊กค้างไว้รึเปล่า

          ความกลัวของฉันเริ่มควบคุมไม่ได้  เช่น  กลัวการไปห้างสรรพสินค้า
กลัวว่าเมื่ออยู่ในห้างแล้วถ้าเกิดไฟดับจนมองไม่เห็นจะทำยังไง
หรือเกิดไฟไหม้ขณะเดินเล่น  กลัวมากเวลากำลังวนขึ้นไปยังที่จอด
กลัวมันพังทรุดลงมา  แล้วก็กลัวอีกเป็นร้อยแปดอย่าง เช่น  กลัวเด็กที่ช่วยงานบ้านตาย
กลัวว่าเด็กขณะไปยืนรดน้ำต้นไม้แล้วไฟที่สนามจะช็อต  และถ้าตายจะทำยังไง
ต้องตั้งศพที่นี่หรือนำศพกลับบ้านเค้า  ฉันเครียดไปกับเรื่องที่คิดไปเอง
และก็หมกมุ่นอยู่กับมัน  ความกลัวเริ่มไร้สาระขึ้นมาเรื่อยๆ เช่น กลัวเครื่องบินตกใส่หัว 55555
ตอนนี้เมื่อนึกถึงมันกลายเป็นว่ามันช่างไร้สาระสิ้นดีแล้วก็นึกขำตัวเอง ฮา ฮา ฮา

          ยังค่ะ  อาการของโรคยังพัฒนาต่อไป

และอาการของโรคก็พัฒนาไปสู่การเริ่มกลืนน้ำลายติดขัดในลำคอในบางครั้ง
และก็ลามไปถึงอาหารค้างอยู่กลางลำคอ บ้านหมุน  ตอนนั้นฉันคิดว่าฉันคงเป็นโรคทางสมอง      
อาจจะเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งในสมอง  ฉันจึงไปพบแพทย์ด้านอายุรกรรมประสาท
หมอทำการเช็คร่างกายและMRIสมอง  ผลออกมาไม่เป็นอะไรเลย
หมอลงความเห็นว่าน่าจะมาจากอาการเครียดสะสม
และหมอได้สั่งยาคลายเครียดมาให้ทานซึ่งก็ดีขึ้นน้อยมาก

           ฉันคิดว่าฉันเป็นโรคเครียดจึงตัดสินใจไปพบจิตแพทย์เพื่อจะรักษา
แต่จากการไปพบครั้งที่สองจิตแพทย์ลงความเห็นว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าและต้องทานยา  
ฉันทานยาตามหมอสั่งอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
ฉันหวังว่าคุณก็ควรจะทำเช่นนี้เหมือนกัน
    
           ในช่วงแรกที่เริ่มทานยาอาการของฉันก็ยังไม่ดีขึ้น และมือฉันเริ่มสั่น
มีความรู้สึกนิ้วแข็งๆ ทำให้ลายเซ็นสะดุดหงิกงอไม่ลื่นไหลเหมือนคนปกติ
จนธนาคารยกเลิกบ่อยครั้ง  ทำให้ต้องไปแสดงตัวพร้อมบัตรประชาชน
    
           นับวันอาการของฉันก็หนักขึ้น  ในแต่ละครั้งที่ฉันไปหาจิตแพทย์ฉันร้องขอยาเพิ่มขึ้น
เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ทุกครั้งที่ไปพบ  จนจิตแพทย์ที่รักษาบอกกับฉันว่าฉันควรจะต้องลองทนดูบ้างสักระยะ
เพราะต่อไปจะค่อยๆดีขึ้น  เพราะยาที่ให้นั้นก็มีปริมาณฤทธิ์ยาที่ค่อนข้างสูงพอสมควรแล้ว  
ไปลองดูก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆจะให้ยาเพิ่มหรือจะมารักษาอยู่ในโรงพยาบาลก็ได้

          อาการฉันจะดีเป็นพักๆพอหมดฤทธิ์ยาอาการก็กลับมาอีกสลับไปสลับมา
และมีความรู้สึกใหม่เกิดขึ้น คือ ความรู้สึกอยากตาย  ในสมองเต็มไปด้วยกรรมวิธี
ที่จะตายในรูปแบบต่างๆ
    
           จากที่เล่าๆมาอาการของฉันเป็นไม่มากใช่มั้ยคะ  นี้ดดดเดียวเอง 555

ในเวลาต่อมา  ฉันคิดว่าฉันควรจะต้องทำอะไรสักอย่างควบคู่ไปกับการกินยา
เพื่อไม่ให้อาการลุกลามไปมากกว่านี้  ฉันจึงค้นคว้าอย่างหนักจากแหล่งต่างๆ
รวมทั้งหนังสือเท่าที่จะหาได้เกี่ยวกับโรคนี้ และพบว่ามีวิธีรักษาบอกไว้มากมายหลายวิธี  
และฉันตกลงใจเลือกศาสนา
    
            สรุป ตอนนี้ฉันมีตัวช่วยคือ หนึ่ง ยา  สอง ศาสนา

          ฉันเลือกสวดมนต์บท กัณฑ์พระไตรปิฎก พร้อมกับแผ่เมตตา  อาการก็เริ่มดีขึ้น  
ฉันสวดต่อไปประมาณเจ็ดวัน อาการก็ดีขึ้นมาก ฉันเริ่มมีความหวังแล้ว  
         
            ต่อจากนั้นประมาณสามถึงสี่วันก็ถึงงานพิธีเทศกาลประจำปีของพระแม่ศรีมหาอุมาเทวี ณ วัดแขก สีลม
ฉันเข้าไปเป็นเจ้าภาพร่วมในพิธีคืนหนึ่งซึ่งวันนั้นเป็นคืนบูชาพระแม่มหารัศมี
ฉันได้อธิฐานขณะอยู่ในพิธี  ขอให้ฉันหายป่วยจากโรคซึมเศร้า คืนนั้นฉันกลับมาด้วยความสุข
ตื่นเช้าวันรุ่งขึ้น มหัศจรรย์มากกก ฉันไม่รู้สึกมีอาการของโรคซึมเศร้าเลย  หายป่วย เป็นไปได้ยังไง
แล้วฉันก็รู้สึกสดชื่น มีความสุข นั่งดูทีวีอย่างเพลิดเพลิน   บังเอิญเปิดไปเจอช่องรายการท่องเที่ยวของทรู
ฉันชอบมากนั่งดูทั้งวัน เป็นรายการนำเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ  ดูไปกินขนมไป  
เฮ้อ..มีความสุขจริงๆ  ฉันหายป่วยแล้วววว เย้ !!!!

           ยังค่ะ........เรื่องยังไม่จบแค่นี้ค่ะ

          ต่อจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์  ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มีความคิดแว๊บ!!เข้ามาในหัวของฉัน
                           
"ไปไหว้พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี ที่วัดแขกแล้วหายป่วย คิดไปเองรึเปล่า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงมั๊ยนี่  เพ้อรึเปล่า  รึว่าหายเพราะยา ตกลงหายจริงรึเปล่า"

           ความคิดนี้เข้ามาในหัวใช้เวลาสิบกว่าวินาทีแค่นั้น
แต่ผลมันยิ่งใหญ่มากฉันกลับมาป่วยทันที สภาพจิตใจแย่ลงทันทีทันใด

ความคิดประเภทแว๊บขึ้นมานี้มันอะไรนะ  แค่มันแว๊บมาแป๊บเดียวเท่านั้น  
ทำไมมันถึงได้มีอานุภาพรุนแรงยิ่งใหญ่ขนาดนี้ที่ทำให้ฉันกลับมาป่วยอีกทันที

เจ้าความคิดที่แว๊บเข้ามา  และทำให้ฉันกลับมาป่วยอีกครั้งแถมยังหนักขึ้นกว่าเดิม มันมาได้ยังไงนะ


แล้วฉันจะไขปริศนาเรื่องเจ้าความคิดนี้ให้คุณได้รู้

สรุปตอนนี้  ฉันมี 1 พบแพทย์ กินยา
                      2 ศาสนา และ
                      3 เจ้าตัวดี เจ้าความคิดที่แว๊บเข้ามา

ช่วงนี้ขอคั่นเวลาด้วยหนังสือที่ดีซึ่งคุณควรจะได้อ่าน  
แต่คุณไม่จำเป็นต้องออกไปซื้อหาให้เปลืองเงินและเสียเวลา
search ใน Google Facebook และใน YouTube ได้เลยค่ะ  
มันจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ และทำให้คุณเข้าใจเรื่องที่ฉันเขียนได้ง่ายขึ้น  

How to Stop Worrying and Start Living  by Dale Carnegie
วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข  แปลโดย อาษา  ขอจิตต์เมตต์
TheNapoleonHill’s  LAWS of SUCCESS by Napoleon Hill
ปรัชญาชีวิต ศาสตร์แห่งความสำเร็จ  แปลโดย ปสงค์อาสา
ตัวกู  ของกู  และอิทัปปัจจยตา   โดยท่านพุทธทาส
งานของครูอ้อย  ฐิตินาถ
งานของทันตแพทย์สม  สุจีรา
ท่านเหล่านี้ใจดี มีเมตตา ได้เผยแพร่ความรู้ไว้ให้โดยไม่คิดมูลค่า  
มีทั้งภาษาอังกฤษและแปลเป็นภาษาไทย
แถมในยูทูบยังมีคนมาอ่านให้ฟัง  แค่คุณปล่อยใจให้สบายก่อนนอนลองเปิดฟังดู

          ฉันรับรองว่าวิธีน็อคโรคซึมเศร้าและอาการท้อแท้ของฉันจะไม่ทำให้คุณเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
หรือจะต้องเหนื่อยยากออกไปเสาะแสวงหา  ทุกอย่างคุณมีอยู่แล้วใกล้ๆตัว ย้ำใกล้ๆตัวคุณ

         ฉันอธิฐานขอให้มีใครสักคนได้อ่านเรื่องของฉันไม่ว่าเค้าคนนั้นจะกำลังป่วยหรือเป็นคนปกติ
เพราะมันจะทำให้เค้าคนนั้นค่อยๆหายป่วยและผลพรอยได้อันยิ่งใหญ่ที่จะได้รับก็คือเค้าจะเป็นคนใหม่  
ที่มีจิตใจเข้มแข็งมีพลัง  ก้าวไปสู่ความหวังอย่างมั่นใจ

แต่ตอนต่อไปยังเศร้าอยู่น้าาา     แล้วจะค่อยๆดีขึ้นรับรอง  ขอให้อ่านต่อไปนะจร้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่