[SR] ทัวร์ดูบอล UEFA CHAMPION LEAGUE รอบ Semi-Final กับ NISSAN

จขกท เป็น 1 ใน 8 ผู้โชคดีได้รับรางวัลแพ็ตเกจทัวร์ดูบอล UEFA CHAMPION LEAGUE รอบ Semi-Final จาก NISSAN มูลค่า 160,000 บาท (จขกท ต้องจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายจำนวน 8,000.- บาท) รายละเอียดตามนี้ครับ https://www.facebook.com/NissanThailand/photos/pcb.10153487061387703/10153487061037703/?type=3

เนื่องจากผู้โชคดีอีกกลุ่มหนึ่งกำลังจะได้ไปดู UEFA CHAMPION LEAGUE รอบ Final ที่ Milan จึงอยากให้เห็นว่า NISSAN จัดทัวร์ให้ประมาณไหนนะครับ และเผื่อผู้โชคดีท่านอื่นๆในปีต่อๆไป เนื่องจาก NISSAN เป็น Partner กับ UEFA อีก 2 ปี จึงจะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวอีก (อยากไปด้วยอีกรอบจริงๆ ครับ)

หลังจากที่ประกาศรายชื่อผู้โชคดีแล้ว ทาง NISSAN ให้เตรียมทำ วีซ่าในทันที (จขกท. เริ่มเตรียมเอกสารวันที่ 12 เม.ย.59 โดยนัดสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานฑูตเยอรมนี ในวันที่ 22 เม.ย.59 และรับผลวีซ่าในวันที่ 29 เม.ย.59 เพื่อเดินทางในวันที่ 1 พ.ค.59 ระยะเวลาค่อนข้างกระชั้นเนื่องจากติดช่วงวันหยุดสงกรานต์

ทาง NISSAN ให้ผู้โชคดีโหวดว่าจะดูบอลคู่ไหน ซึ่งผลโหวดส่วนใหญ่เลือก ดูคู่ Real Madrid – Manchester City ที่สนาม Estadio Santiago Bernabeu โปรแกรมของเราจึงเป็นดังนี้



เดินทาง 1-6 พ.ค.59

ประเทศ : เยอรมนี – สเปน

การเดินทาง ระหว่างประเทศ : เดินทางโดยเครื่องบินสายการบินไทย และ Air Europa

1 พ.ค.59  TG920 BKK – FRA 23.45 – 6.00
3 พ.ค. 59 UX1502 FRA – MAD 10.55 – 13.40
5 พ.ค.59 UX1503 MAD – FRA 7.20 – 9.55
5 พ.ค.59 TG921 FRA – BKK 14.45 – 6.25

การเดินทางภายในประเทศ : รถบัส

แพ็คเกจทัวร์ ข้างต้นรวมอาหาร, ตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ, ประกันการเดินทาง, และคชจ. ในการทำวีซ่าแล้ว เตรียมเงินไปแค่ Shopping เท่านั้นครับ

วันที่ 1 พ.ค.59

ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินTG920 ถึงสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี วันที่ 2 พ.ค.59 เวลา 6.00 น. (รวมเวลาเดินทาง 11 ชม. 15 นาที)

วันที่ 2 พ.ค.59

เริ่มต้นด้วยการเดินทางไปยังเมืองบาด ฮอมบวร์ก (Bad Homburg) เพื่อเข้าชมศาลาไทย แห่งแรกในทวีปยุโรป และสักการะรูปปั้นรัชการที่ 5 เพื่อความเป็นสิริมงคล









ข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/yongchan/2009/10/23/entry-1

บาด ฮอมบวร์ก (Bad Homburg)  เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก มีชื่อเสียงด้านสปาน้ำแร่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเทือกเขาเทานุส ทางเหนือของนครแฟรงก์เฟิร์ต ศูนย์กลางทางด้านการเงิน  การบิน และมหกรรมการจัดแสดงสินค้าสารพัดชนิด  เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองคนรวย เนื่องจากนายธนาคารจำนวนมาก เลือกเป็นที่พักพิง แล้วขับรถไปทำงานที่แฟรงก์เฟิร์ตทุกเช้า

ฟังแล้วไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคนไทยได้เลยใช่ไหมคะ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกแต่จริง เพราะว่า บาด ฮอมบวร์ก เป็นเมืองที่มีศาลาไทยเป็นแห่งแรกในทวีปยุโรป และปัจจุบันก็มีศาลาไทยตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ถึง ๒ หลัง ! ชาวเมืองบาดฮอมบวร์กทุกคนรู้จักศาลาไทย และบอกทางให้เราได้ในกรณีที่เราหลงทาง !

ทำไมศาลาไทยจึงมาอยู่ที่นี่ได้ถึง ๒ หลัง และทำไมเมืองนี้ถึงเกี่ยวข้องกับคนไทยมากขนาดนี้ ต้องไปสำรวจเสียแล้วค่ะ

การเดินทางไปนั้นแสนจะง่าย จากสถานีรถไฟใหญ่ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Hauptbahnhof) นั่งรถ S Bahn สาย S5 ลงป้าย Bad Homburg จะใช้เวลา ๒๐ นาที ราคาตั๋ว ๓.๗๐ ยูโร ไปกลับก็คูณสองเข้าไป ถ้าไปกันหลายคน แนะนำให้ซื้อตั๋ววันแบบกลุ่ม (ไม่เกิน ๕ คน) ราคา ๑๔ ยูโร ประหยัดคุ้มค่า
จากสถานีรถไฟ เดินตรงข้ามสะพานไปเลยค่ะ ตรงอย่างเดียว จนเห็นสวนสวยสีเขียวขจี ก็จะถึง Kurpark (คัวร์พาร์ค)  สวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมือง ครอบคลุมพื้นที่ ๔๔ เฮคตาร์ มองหาถนน Brunnenallee จากป้ายบอกทางแล้วมุ่งหน้าเข้าสวน  จะผ่านสนามกอล์ฟแห่งแรกของเยอรมนี ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ๑๘๘๙ เห็นได้ชัดว่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อนนั้น บาด ฮอมบวร์ก ไฮโซไม่แพ้ใครเลย

เดินบนถนน Brunnenallee ใน Kurpark แล้วจะรู้สึกคล้ายๆ กำลังเดินอยู่ใน Central Park ของนิวยอร์ค  แต่ที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร คือ สถาปัตยกรรมครอบบ่อน้ำของเชื้อพระวงศ์ต่างๆ ที่ มีให้เดินชมเกือบ ๑๐ แห่งรอบๆ ถนนเส้นนี้

บาด ฮอมบวร์ก นั้นมีชื่อว่าเป็นเมืองน้ำแร่ มีตาน้ำใต้บาดาลมากมาย สมัยก่อนเชื่อกันว่าใช้รักษาโรคสารพัดชนิด มีเชื้อพระวงศ์จากหลายประเทศเสด็จฯมายังเมืองนี้เพื่อพักรักษาพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิไคเซอร์ วิลเฮล์มสที่ ๒ ของเยอรมนี, เจ้าชายแห่งเวลส์ ซึ่งภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ ๗ รวมถึงพระมหากษัตริย์ไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ด้วย และเป็นธรรมเนียมของเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ในการสร้างสถาปัตยกรรมครอบบ่อน้ำในชื่อของแต่ละพระองค์ น้ำของบางบ่อยังเปิดให้เราได้ลองชิมด้วย
แต่เตือนกันก่อนว่า รสชาติปะแล่ม ไม่เหมือนน้ำแร่บรรจุขวดนะคะ

เมื่อเราเดินผ่านสนามเทนนิส ตรงตามทางต่อไปเรื่อย จะเห็นป้ายบอกชื่อถนน “จุฬาลงกรณ์” และศาลาไทยส่งประกายระยิบระยับโดดเด่นเป็นสง่า ท่ามกลางพันธุ์ไม้นานาชนิดแต่ไกล

ที่มาของศาลาไทยแห่งนี้เนื่องมาจากว่า ในการเสด็จฯประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๐ รัชกาลที่ ๕ เสด็จฯมาประทับรักษาพระองค์ที่เมืองนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน และเพื่อถวายพระเกียรติ ทางเมืองได้ขุดเจอบ่อน้ำแห่งใหม่และตั้งชื่อว่าเป็น “บ่อน้ำจุฬาลงกรณ์” โดยพระองค์ได้เสด็จฯมาทรงเป็นประธานในพิธีเปิดด้วย

รัชกาลที่ ๕ จึงมีพระราชดำริสร้างศาลาครอบบ่อน้ำมอบให้เป็นที่ระลึกแก่เมือง ดังเช่นกษัตริย์และราชนิกูลชาติอื่นๆ ก็ได้จัดสร้างขึ้นเช่นเดียวกัน
แต่การออกแบบก่อสร้างจนกว่าจะให้เป็นที่พอพระราชหฤทัยก็เป็นไปอย่างล่าช้า จนกระทั่งสวรรคตแล้วก็ยังไม่แล้วเสร็จ แต่เมื่อศาลาเดินทางมาถึงยังเยอรมนี ไคเซอร์ วิลเฮล์มสที่ ๒ ได้มีดำริให้นำศาลาไทยนี้มาตั้งไว้ในบริเวณที่ใกล้กับบ่อน้ำของพระองค์ เพื่อให้เป็นที่เห็นเด่นชัดมากกว่าบริเวณบ่อน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งออกจะเป็นรกชัฎ (อยู่ในบริเวณของถนน Brunnenallee ห่างจากที่ตั้งศาลาประมาณ ๕๐๐ เมตร)

พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งเสด็จฯไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดบ่อน้ำจุฬาลงกรณ์ ที่เมืองบาด ฮอมบวร์ก
ศาลาไทยหลังแรกจึงตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ทางตะวันตกของสวน ตามคำบอกเล่าของผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ของเมือง คุณอัวซูล่า สตีห์เลอร์ “ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ เดินไปเที่ยวที่คัวร์พาร์ค แล้วเห็นศาลาไทยส่งประกายสีทองระยิบระยับแต่ไกล ซึ่งเป็นภาพที่สวยมาก ประทับใจไม่รู้ลืม”

หากมาเยือนเมืองบาด ฮอมบวร์กในฤดูหนาว จะได้เห็นภาพสถาปัตยกรรมไทย ส่งประกายงดงามท่ามกลางหิมะขาว สวยงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนทีเดียวค่ะ นอกจากนั้น ศาลาไทยแห่งนี้ยังเป็นเหมือนกับศูนย์รวมจิตใจของคนไทย และมีพระบรมรูปปั้นนูนต่ำของรัชกาลที่ ๕ ประดิษฐานไว้ด้วย ทุกวันที่ ๒๓ ตุลาคมของทุกปี หน่วยงานราชการและเอกชนไทยต่างๆ จะมาถวายสักการะที่นี่

ศาลาไทยตั้งเด่นเป็นสง่า เป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยและชาวบาด ฮอมบวร์ก มาเกือบครบศตวรรษ แต่พระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๕ ที่จะให้มีศาลาไทยตั้งครอบบ่อน้ำของพระองค์กลับยังไม่เป็นความจริง ดังนั้น ในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปี การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ ของรัชกาลที่ ๕ หน่วยงานภาครัฐของไทยและเมืองบาด ฮอมบวร์ก จึงได้ร่วมกันสร้างศาลาไทยหลังใหม่  ตั้งไว้ ณ บ่อน้ำจุฬาลงกรณ์  มีพิธีเปิดไปเมื่อวันที่ ๒๐ ก.ย. ๒๕๕๐
และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมบาด ฮอมบวร์กจึงมีศาลาไทยถึง ๒ หลัง เมืองเดียวในโลก (ยกเว้นประเทศไทย)

หลังจากใช้เวลาเดินชมสถานที่ต่าง รวมถึงรับประทารอาหารเช้า (ข้าวเหนียวหมูทอด) รวมระยะเวลา 2 ชม. ครึ่ง ก็เดินทางเข้าเมือง Frankfurt ระหว่างทางผ่านสถานีรถไฟ ซึ่งคาดว่าจะเป็นต้นแบบของหัวลำโพนั้นเอง



จุดหมายต่อไปของเราคือ จัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg Square) จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดจุดหนึ่งในแฟรงก์เฟิร์ต มีอาคาร 9 อาคาร ที่สร้างเป็น Frankfurt City Hall ซึ่งได้รับมาจากครอบครัวพ่อค้าครอบครัวหนึ่ง โดยอาคารตรงกลางกลายเป็น City Hall และถูกเชื่อมกับอาคารรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของรัฐบาลท้องถิ่นมามากกว่า 600 ปี โดยทั้งภายนอกและภายในมีการตกแต่งด้วยสไตล์โกธิคสมัยใหม่ ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก



จัตุรัสโรเมอร์ เป็นหัวใจของเมืองเก่าเล็ก ๆ ของแฟรงก์เฟิร์ต เป็นสิ่งก่อสร้างประวัติศาสตร์ที่ยังคงหลงเหลือภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่บริเวณนี้ถูกทิ้งระเบิดจากฝ่ายพันธมิตรเมื่อคืนวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ.1944

ตรงกลางจัตุรัสมีงานประติมากรรมงดงามนี้ชื่อ Gerechtigkeitsbrunnen หรือ น้ำพุแห่งความยุติธรรม(Fountain of Justice) เป็นเทพธิดาแห่งความยุติธรรมชื่อจัสทิเตีย (Goddess Justitia) มือซ้ายถือตราชั่งแต่มือขวาถือดาบ

จากนั้นคณะทัวร์เดินทางไปยังร้านขายของที่ระลึกทีมฟุตบอล ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ( Eintracht Frankfurt ) ทีมฟุตบอลประจำเมือง

ชื่อสินค้า:   ทัวร์ดูบอลกับ NISSAN
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่