ผมเห็นคนบางคนเขาเข้าสังคมเก๊งเก่ง เจอกัน5นาทีคุยกันยังกะรู้จักกันมา5ปี อะไรแบบเนี้ย เขาทำได้ยังไง

ผมรู้จักคนแบบนี้ก็4-5คน
ขอยกตัวอย่างสัก2คน

คนแรก พี่ผมเอง แก่กว่ผมา5-6ปี
เจอใครก็แบบเหมือนคุยถูกคอทุกคน ใครๆก็มาหา ใครก็มาคุย
ผมสังเกตนะ ว่าทำไมเขาถึงมีแต่คนอยากคุย

-เขาเป็นคนไม่ขัดใคร ใครพูดอะไรตามน้ำอย่างเดียว ผมว่าคนทุกคนชอบพูดเรื่องตัวเองมากกว่าฟังแต่เรื่องคนอื่น เขาจะฟังเรื่องของคนอื่น แล้วเสริมเรื่องตัวเองไปบ้าง สังเกตมั้ยคนที่ชอบพูดขัดคนคนอื่น หรือ แย้งคนอื่น เพื่อนก็จะน้อยตาม ซึ่งก็คือตัวผมนั่นแหละ(รู้ตัวนะแต่อดที่จะขัดคนที่ความคิดไม่เข้าท่าไม่ได้)
-เขาเหมือนไม่มีกำแพง หรือสร้างระยะห่างกับใครเลย ไม่ว่าจะลุง ป้า เด็กแว้น วัยรุ่น คนรวยคนจน ผู้ใหญ่มียศถาบันดาศักดิ์ยังไง เข้าหาเขาได้หมด คือ แค่เข้ามาคุยก็สนิทกับเขาหมด
-และข้อนี้สำคัญ ผมสังเกตนะ ไม่ว่าเจอใคร เขาจะชมคนเป็นหลัก

คนที่2 รุ่นน้องผมเป็นผู้หญิง

-ชอบไปทักทายคนนู้นคนนี้ก่อน แม้จะไม่รู้จักกัน เออ ผมก็ไม่รู้ว่าทำได้ไงนะ
-เหมือนกันกับคนข้างบน เข้ากับคนง่ายไม่ว่าจะรวยหรือจน จะหนุ่มสาวจะแก่
-สังเกตว่าเขามีใจรักบริการนะ เช่น ไปนั่งกินกันหลายคนเขาตักน้ำ น้ำแข็งเสริฟให้ทุกคน เป็นต้น ผิดกับผม อยากกินมีมือก็ตักเอง555+
-รู้จักคน และ เข้ากับคนง่ายมากกก รู้จักการพูด การชมคน

และ ที่ผมสังเกต หลายคนที่เข้าสังคมเก่ง จะเป็นประมาณนี้
จริงๆแล้วจากการวิเคราะห์นิสัยคนเหล่านี้ ตัวผมเองก็เข้าใจหมดนะว่าต้องทำยังไง
แต่ทำไมมันทำไม่ได้ก็ไม่รู้ เช่น
ไปทักทายคนนู้นคนนี้ก่อน เอ่อ จะไปทักอะไรเขา จะพูดอะไร จะคุยอะไรล่ะ
พูดตามน้ำ พอได้ แต่ชมคนทุกคน บางทีมันก็ชมไม่ไหวนะ ถ้ามันฝืนกับความจริง
จิตบริการ พูดตรงๆผมสอบตกตรงนี้ และ ที่สำคัญการอยู่กับงานเลี้ยง ปาร์ตี้ คนเยอะๆ ผมไม่เชิงอึดอัดหรอก แต่อยู่นานๆมักจะเบื่อ
ถ้าไม่ใช่เพื่อนสมัยเรียน หรือ คนที่สนิทนานๆ แบบนี้คุยทั้งคืนก็ได้ แต่แบบที่เพิ่งเจอแป๊บๆ ผมก็แบบก็ไม่รู้จะคุยอะไร
อย่างเรื่องระยะห่าง การสร้างกำแพงความเป็นส่วนตัว ถ้าไม่สนิทกันมานาน ผมจะเว้นระยะห่างก่อนเลยนะ ถ้ามาแบบเจอครั้ง2ครั้ง มากอดคอ มาสนิทสนม เรียกผมว่า"เพื่อน" ผมรู้สึกเฮ้ย ไม่ ไม่ ไม่ใช่ ยังไม่ใช่เพื่อน(ผมรู้สึกไม่ชอบ)

แต่คนพวกนี้ โห คุยกันเหมือนรู้จักกันมานานนม ทั้งที่เจอกันเมื่อตะเกี้ย แบบเขาไม่มีระยะห่าง มีกำแพงอะไรเลย แปลกมาก

เหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย ทำไมคนเหล่านี้เขาทำเป็นธรรมชาติมาก
ผมก็ไม่ได้ใช่พวกเก็บตัว ไม่เข้าสังคมนะ เข้า ไม่กลัวคนด้วย
แต่ผมสงสัยว่าพวกนี้มันทำเป็นธรรมชาติขนาดนั้นได้ยังไง สงสัยจริงๆ

ปล.บุคลิคผมน่าจะเหมือนบอสฮอร์โมนน่ะ แต่ไม่แรงขนาดนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ในกระทู้ที่คุณ จขกท ตั้งประเด็นถาม ผมขอเสริมคห. 1,4,5  ลักษณะหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จในการเข้าสังคมหรือสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น คือเป็นผู้ฟังที่ดีครับ ถ้าชอบอ่านหนังสืออยากแนะนำเรื่อง Just listen ของ ดร.มาร์ค มีแปลเป็นไทยแล้วด้วย

ข้อสรุปหลักๆ จากหนังสือผสมกับประสบการณ์ตัวผมเองก็คือ สัญชาตญาณมนุษย์เรานึกถึงตนเองและอยากได้รับการยอมรับครับ ทักษะในการสวมความคิดผู้อื่น เป็นผู้ฟังที่ดี พยายามทำความเข้าใจอีกฝ่ายจากมุมมองของเขา ไม่ตัดสินคนจากมุมมองของตัวเอง ไม่ผูกขาดการสนทนา เป็นคุณสมบัติที่ทำให้คนอยากพูดคุยอยากสนทนาด้วยครับ

ตัวอย่างจากบริษัทที่ผมทำงาน เซลล์คนที่เก่งที่สุดระดับตำนานยังไม่เคยมีใครโค่นสถิติยอดขายได้ ไม่ใช่คนพูดเก่งพูดจ้อเลยครับ แต่เป็นคนที่จับประเด็นเป็น เข้าใจปัญหาของลูกค้า พยายามเข้าไปนั่งในใจลูกค้า เข้าใจว่าลูกค้ามีปัญหาอะไรและพยายามแก้ให้ ฟังลูกค้าเยอะ เป็นคนพูดน้อยมากแต่ครองใจลูกค้าได้ดีจนมีลูกค้าประจำถามหาเสมอ ผมสังเกตประโยคที่เขาใช้บ่อยๆ เวลาดีลงานเช่น

"ผมเข้าใจความรู้สึกพี่ ถ้าเป็นผมก็คงไม่พอใจเหมือนกัน"

"ลองเล่าปัญหาของคุณให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหมครับ ระบายกับผมก็ได้ เผื่อผมจะนำไปเสนอผู้บริหารเพื่อนำไปแก้ไข"

(ลูกค้าอวดรูปไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว) "ดีจังเลยนะครับได้ไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งบ้านเลย แล้วนี่ไปแวะที่ไหนกันบ้างครับ คนไหนคนเล็กคนโตครับเนี่ย เล่าให้ผมฟังบ้างสิครับ"

ส่วนคำถามของคุณที่เจาะลึกว่าคนกลุ่มนี้ทำได้ยังไง มันมีทั้งคนที่เป็นด้วยนิสัย open minded เปิดกว้างกับคนอื่นในกมลสัน-ดาน กับคนที่ได้เรียนหรือฝึกวิธีการพูดการวางตัวเพื่อเข้าสังคม แต่จะแบบไหนก็เป็นลักษณะที่ให้คุณประโยชน์ทั้งนั้นครับ คนพวกนี้จะมีทักษะสังคมติดตัว ไม่ว่าจะเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใด ไม่นานก็จะหาพื้นที่ของตัวเอง มีพวกพรรคสนับสนุนได้ไม่ยากเลย
ความคิดเห็นที่ 35
จริงๆพวกนี้โลกส่วนตัวสูงนะ เวลาเข้าสังคมคือโปร แต่ถ้าอยู่ด้วยนานๆ เขาจะมีอีกมุมที่ไม่อยากยุ่งกะใคร แต่ที่เราเจอคือ คนไม่ค่อยเข้าสังคม แต่ถ้าสนิทด้วยจะสนิทกันนานเลย มันดีคนละแบบนะเราว่า
ความคิดเห็นที่ 13
เราเคยเป็นคนแบบที่คุณพูดนะ และแนวคิดเราก็ตาม #1
ฟังได้ตลอด ชวนคุยได้ตลอด ทุกอย่างเป็นข้อมูลที่เราอยากรู้เราก็ถาม ชวนคุย คือมันเป็นไปเองโดยธรรมชาติ
มันไม่ใช่ว่าเราชอบชมคน เพียงแค่เราไม่ได้เอ่ยในเรื่องที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกไม่ดีเท่านั้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องจำเป็นต้องพูดนี่นา
เรื่องจำพวก สิวขึ้น หน้าโทรม อ้วนขึ้น แต่งตัวเชย ต่างๆนานาเราจะไม่พูดเรื่องพวกนี้นะ ไม่ใช่เรื่องจำเป็นต้องไปทักอีกฝ่ายให้ขาดความมั่นใจ
แต่ถ้า สวยขึ้น แต่งตัวสวย ดูดีขึ้น อะำรแบบนีเราจะพูด เพราะพูดแล้วอีกฝ่ายดีใจ
เราชอบพูดแล้วอีกฝ่ายยิ้มมากกว่าจะพูดแล้วอีกฝ่ายทำหน้าสลดและไม่อยากจะพูดกับเราต่อ
ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องพูด เขาทำไม่ถูก อันนั้นเราถึงจะพูดบอกให้เขาเข้าใจนะ แต่อยู่จะไปพูดเรื่องส่วนตัวของเขาให้เขาขาดความมั่นใจ อันนี้จะไม่ทำ

ตอนเรียนเข้าไปใหม่ๆยังไม่รู้จักใครสักคน แต่เราสามารถพูดได้จนเพื่อนอึ้ง
มีเพื่อนคนนึงบอกว่าตอนเจอเรานี่แปลกใจมาก อะไรจะร่าเริงขนาดนั้น ทำไมกล้าชวนคนอื่นคุยได้แบบนั้น
นั่งพูดกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักได้เป็นชั่วโมงโดยที่เราเป็นคนชวนคุยตลอด
เพื่อนบอกว่านึกว่าเป็นรุ่นพี่ปลอมตัวมา เห็นพูดเก่งขนาดนั้น เด็กปีหนึ่งเข้าใหม่ยังไม่มีเพื่อนมันต้องอายไม่ใช่เหรอ

แต่เดี๋ยวนี้เราไม่เป็นแบบนั้นแล้วนะ เพราะเราขี้เกียจ โลกส่วนตัวสูงขึ้นกว่าเดิมด้วย
แต่จะมีบางครั้งที่เป็น เวลาสนใจอยากรู้ก็จะเข้าไปทำความรู้จักตรงๆเลย

ตอนเรียนมัยม เราโดนอาจารย์ บ่น ตำหนิ บางครั้งทำโทษเราก็ยิ้มได้ตลอดนะ จนอาจารย์เองก็ยังโกรธจริงๆจังๆไม่ลง อาจารย์หลายท่านด้วยนะ
ประจบไหม ไม่ได้ประจบ แต่บุคลิคของเราไม่ได้แข็งใส่
บ่นมาเราก็ฟัง ถ้าเราผิดเราขอโทษและแก้ไข ทำโทษเรา ถ้าเราผิดเราก็ยอมรับการทำโทษนั้น ถ้าเราไม่ผิดเราก็บอกดีๆ
ต่อให้เราโดนทำโทษไม่ขึ้นเสียง ไม่ชักสีหน้า
วิ่งรอบสนามเอย นั่งยืนเอย โดนตีหน้าเสาธง ยืนหน้าห้องเอย โดนมาหมด ไม่เคยโกรธหรือชักสีหน้าใส่อาจารย์เลย
มันไม่ใช่ว่าเราอดทนถึก แค่เรื่องมันไม่ได้ใหญ่โตขนาดต้องเอามาเป็นอารมณ์จนหน้าตาหรือจิตใจเราขุ่นมัว

หลายๆคนที่ปิดตัวเองมากๆ เวลาจะทำความรู้จักกับใครกลัวไปหมด
เพราะบางเรื่องที่คุณไม่ควรต้องคิดคุณก็เอามาคิด ส่วนเรื่องที่คุณควรจะคิดคุณกลับไม่ได้คิดไม่ได้สนใจ
ความคิดเห็นที่ 32
ผมก็เคยมีช่วงเวลาคุยกับคนเก่งนะ
แบบคนที่จขกท.เล่ามาเลย คุยแป๊ปเดียวยังกับรู้จักกันมานาน

- เริ่มมาจากตอนเด็กๆขี้อาย ไม่ค่อยกล้าคุยกับคนแปลกหน้า แต่ถ้ารู้จักกันแล้วก็คุยปกติ

- มหาลัยอยากเปลี่ยนตัวเอง เริ่มหัดคุยกับคนแปลกหน้า โดยฝึกจากพี่แท๊กซี่
ช่วงนั้นการเมืองกำลังร้อนแรง เจอแท๊กซี่ที่มีความเห็นต่างๆกัน ผมก็สามารถคุยกับเค้าได้หมด
ง่ายๆ คือ เออออห่อหมกไปกะเค้า คนเราชอบพูดเรื่องตัวเองให้คนอื่นฟัง เราก็คอยฟังละเสริมไอที่เราเห็นด้วย
ที่ไม่เห็นด้วย ยิ้มๆ แล้วตอบว่า "งั้นเหรอครับ" ไม่ก็ "อ่อ งี้นี่เอง" ไปเรื่อยๆ
คุยไปคุยมาแท๊กซี่มาถึงบ้านละ เค้าลืมกดมิเตอร์ คุยเพลิน

- สเตปฝึกต่อไป คุยกับผู้หญิงแปลกหน้าครับ ผู้ชายจะคุยกับผู้หญิงนี่โจทย์ค่อนข้างยากกว่าคุยกับผู้ชายด้วยกัน
แล้วก็ไม่ใช่คุยไปทั่ว มั่วไปเรื่อยนะ เพราะมันต้องดูจังหวะด้วย
จังหวะไม่ได้ก็ไม่ต้องไปคุยกับเค้า แต่ถ้าบังเอิญมีจังหวะเกิดขึ้นมาให้เริ่มคุยทันที
เช่นว่า ตอนห้าทุ่ม ที่ป้ายรถเมล์ที่ค่อนข้างมืด ผมรอรถสายนึงอยู่ มีผู้หญิงคนนึงเค้าก็ยืนรอพร้อมๆผมมาครึ่งชม.ละ
ก็เดาๆ เอาว่าน่าจะรอรถสายเดียวกับผม
สุดท้ายผมเปิดประเด็นเลย โทษนะครับ รถสาย xxx มันหมดกี่โมงหรอครับ (ยืนไกลๆนะ ไม่ใช่ไปยืนคุยใกล้ๆให้เค้ากลัว)
เค้าก็ตอบมาปกติ ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ รออยู่เหมือนกัน (อย่างที่คิดเป๊ะ)
คุยไปคุยมา พอรู้ว่าที่พักอยู่ใกล้ๆกันคนละฝั่งถนน ก็เลยได้นั่งแท๊กซี่กลับบ้านด้วยกัน หารกันคนละครึ่ง
ไม่จีบ ไม่หม้อ ฝึกคุยเฉยๆ ลดความประหม่า
(ถ้าเรายิ่งประหม่าเวลาคุยกับคนแปลกหน้า มันยิ่งทำให้เค้าระแวง ไม่อยากคุยกับเรา)

- ฝึกคุยกับคนต่างชาติ ผมภาษาอังกฤษไม่ได้ดีนะครับ อาศัยความเกรียนเอา
ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวบ่อยๆ คิดซะว่าถ้าคุยอะไรพลาดไปก็ช่างมัน เจอกันครั้งเดียว อยู่คนละประเทศ
หรือไปเที่ยวต่างประเทศ ก็เคยชวนสาวจีนที่นั่งข้างๆบนเครื่องคุยเรื่อยๆ เค้าก็สนุก ฟินไป

- พอมาถึงจุดๆนึง การฝึกคุยบ่อยๆ ก็ทำให้รู้จักคนเยอะ
แม่คงแม่ค้า คนนั้นคนนี้ มากคนมากความ เริ่มปวดหัว บางคนคุยแป๊ปๆ เริ่มทำตัวไม่มีมารยาทใส่เรา
สุดท้ายพาลไม่อยากคุยกับคนแปลกหน้าไปเลย เลิกฝึกครับ ไม่อยากรู้จักใคร ไม่สนุกแล้ว 555
แต่ทักษะที่ฝึกมานั้นก็ยังมีประโยชน์อยู่

ทุกวันนี้ ถ้าจำเป็นต้องคุยกับคนแปลกหน้า สบายๆครับ
แต่ไม่สานสัมพันธ์ต่อแล้ว บางทีอีกฝ่ายเค้าเห็นเราคุยสนุก อยากเป็นเพื่อนด้วย
เค้าขอเฟสขออะไรไปก็ให้ไปนะครับ
แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย ไม่อยากสนิทกับใครเพิ่ม
เพื่อนเท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็โอเคแล้ว

-----------------------------------

เพิ่มเติม - กลับมาอ่านอีกทีเห็นหลายความเห็นบอกว่าส่วนใหญ่คนพวกนี้ ชอบหาอะไรอ่านเก็บข้อมูล
เห็นด้วยมากครับ ผมก็เป็นหนึ่งในคนประเภทนั้น ตามที่หลายคนวิเคราะห์เลย คือรู้หลายเรื่อง ลึกบ้างตื้นบ้างสลับกันไป
คุยไปได้เรื่อย ข่าวประจำวัน ประวัติศาสตร์ ดาราศาสตร์(ตื้นๆ) เรื่องลึกลับ ละครไทย ดาราเกาหลี เจป๊อบ เคป๊อบ หนัง การ์ตูน
ฟุตบอลนอก ฟุตบอลใน วอลเลย์บอล กีฬาอื่นๆ การถ่ายภาพ ซุบซิบดาราไทย การเมือง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ภาษา ทหาร เกม
อันไหนรู้เยอะก็คุยมันส์ อันไหนรู้น้อยก็คอยฟังเค้า ยิงคำถามไป
เช่นตอนคุยกับน้องคนจีน ผมนึกอะไรไม่ออก ผมก็ให้น้องสอนภาษาจีนให้ เพราะผมรู้จักแต่หนี่เห่ากับหว่ออ้ายหนี่
น้องสอนมา 4-5 คำ จำได้แม่นคำนึง เข่ออ้าย (น่ารัก) 555 ประมาณนั้นครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ลด อัตตา ตัวเองลงบ้าง
(พูดง่าย ทำยาก)

ขัดคอคน คือ ขัดใจ
ขัดหม้อขัดไห ยังเงางาม

จากประสบการณ์หลายสิบปี
สิ่งที่ได้จากการฟัง เอามาใช้ประโยชน์ในชีวิตเราได้มากมายไม่สิ้นสุด
ต่อให้ในใจเราคิดว่า ที่ไอ้บ้านี่พูด มันห่วยแตกนรก
มันก็สอนเราว่า พูดยังไง คนฟังเขาถึง คันไม้คันมือคันปาก
จะได้ไม่พูดแบบนั้นน่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่