หามาให้อ่านดูนะครับ



                 วิธีการเริ่มต้นบทสนทนา


ผู้คนจำนวนมากถูกกางกั้นขัดขวาง เพราะพวกเขาไม่ทราบวิธีการเริ่มต้นสนทนาที่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนแปลกหน้า  พวกเขามีสินทรัพย์แห่งแนวความคิดอันน่าสนใจ

อยู่ภายใน  ถ้าเพียงรู้วิธีเปิดเผยมันออกมาเท่านั้น  แต่พวกเขาลังเลรีรอก็เพราะมันจะดูโง่เขลา

ในการเริ่มต้นโดยฉับพลันกับข้อสังเกตอันลึกล้ำเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์หรือจักรวาล

และพวกเขาหวาดกลัวว่าตัวเองจะูถูกคิดว่าโง่  หรือเป็นที่แจ้งชัดว่าพวกเขาพูดออกมา

อย่างไม่ได้ตั้งใจในบางสิ่งซ้ำซากจำเจน่าเบื่อหน่าย เช่น " มองดูเหมือนฝนอาจจะตกนะครับ "

อะไรทำนองนี้  


         วิลเลียม เจมส์  กล่าวไว้อย่างถูกต้องแม่นยำว่า  เหตุผลที่ผู้คนส่วนใหญ่พบว่าเป็นการยาก

ในการเป็นนักสนทนาที่ดี   ก็เพราะว่าพวกเขา  " กลัวว่าจะพูดบางสิ่งบางอย่างที่ธรรมดาเกินไป

และโจ่งแจ้งเกินไป  หรือบางสิ่งที่ไม่มีความจริงใจ  หรือบางสิ่งที่ไร้คุณค่าสำหรับคู่สนทนา

หรือบางสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับกาลเทศะ "


วิธีแก้ไขของเขาก็คือ "  การสนทนาเป็นไปอย่างรื่นเริง  และสังคมจะถูกกระตุ้น ให้กระปรี้กระเปร่าขึ้น....

เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนหยุดสกัดกั้นจิตใจของตัวเอง  แล้วปล่อยให้ลิ้นทำงาน  ไปเองโดยอัติโนมัติ

และไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่พูดนั้น  ๆ อย่างที่มันปรารถนา "


หยุดความพยายามเป็นบุคคลสมบูรณ์แบบ  จอห์น ดี. เมอร์ฟี เขียนไว้ในบทความชื่อ

" จงหยุดความพยายามเป็นบุคคลสมบูรณ์แบบ" ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร ยัว ไลฟ์ ตอนหนึ่งว่า

" ไม่มีใครสามารถแสดงความหลักแหลมได้ทุกนาที  เรามิได้บีบคั้นคำพูดหลักแหลมคมคายออกมา

จากสมองโดยวิธีกดดันกระบวนการคิด  แต่พวกมันปรากฏออกมาอย่างมิได้คาดหมาย

และเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ  เมื่อเราผ่อนคลายและหยุดหวาดกลัวการเป็นตัวของตัวเอง...

ครั้งหนึ่ง  รัสคิด กล่าวไว้ว่า เขาเขียนหนังสือได้ดีเฉพาะเวลาที่เขาไม่พยายามเขียนให้ดีเท่านั้น
  
การคุยเล่นที่มิได้คาดหวังว่าจะเป็นความหลักแหลม  ทุก ๆ คนล้วนมีพูดซ้ำซากจำเจและดึงดูดความสนใจด้วย

" การพูดคุยสัพเพเหระ " โดยมิได้กล่าวสิ่งใดที่เฉลียวฉลาดหรือมีความสำคัญ  การคุยเ่ล่นเช่นนี้

มีความจำเป็นในการขับวงล้อแห่งการสนทนาให้เคลื่อนที่  ขณะที่คุณตระหนักสิ่งนี้และหยุดหวาดกลัว

ที่จะถูกหาว่าพูดอะไรโง่ ๆ  คุณก็จะพบว่าตัวเองสามารถเริ่มต้นการสนทนาได้อย่างราบรื่น

แม้แต่กับคนแปลกหน้าอย่างแท้จริง  และคุณอาจประหลาดใจที่ได้พบว่าในหลาย ๆ กรณีนั้น

คุณกล่าวถ้อยคำชาญฉลาดและน่าสนใจออกมาก็ต่อเมื่อมิได้ตั้งใจเท่านั้น


วิธีการอุ่นเครื่องหัวข้อเรื่องของคุณ  จงเต็มใจในการผ่านขั้นตอน " อุ่นเครื่อง" สำหรับการสนทนาหนึ่ง

อย่าคาดหมายว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะ ร้อนแรง ตั้งแต่เริ่ม...ลองฟังผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านตาบนจอ ทีวี.

พวกเขารู้ว่าการคุยเล่นไม่เพียงสามารถใช้ในการเริ่มต้นสนทนาได้อย่างราบรื่นเท่านั้น

แต่มันสามารถใช้อุ่นเครื่องและเตรียมพร้อมสำหรับผู้อื่นด้วย  พวกเขาไม่พยายามที่จะดึงเอาแนวคิด

ที่น่าสนใจจากบุคคลอื่นออกมา  จนกว่าพวกเขาจะทำการอุ่นเครื่องบุคคลดังกลาวเสียก่อน

" โอ...คุณชื่อะไรนะครับ ?  คุณมาจากไหน ? สามีของคุณทำอะไร ? คุณมีลูกี่คน ?

ท่านผู้อ่านอาจจะถามไถ่อยู่ในใจว่า ใครจะไปสนใจ ? จริง ๆ แล้วมิได้มีความฉลาดหลักแหลม

ในคำถามทั้งหลายเหล่านั้นเลย  อย่างไรก็ตาม  มันสามารถทำให้การสนทนาดำเนินต่อไป

และคำถามที่ว่านี้มีแนวโน้มในการเชิญชวนผู้อื่นให้พูดคุยด้วย


ปล่อยให้พูดถึงตัวเอง  ครั้งต่อไปที่คุณถูกแนะนำให้รู้จักกับใครบางคน และ " คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร"

ละก็  จงเรียนรู้จากผู้เชียวชาญที่ผ่านหูผ่านตาทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์ พยายามอุ่นเครื่อง

ผู้อื่นด้วยคำถามดังต่อไปนี้
" คุณมาจากไหนครับ มร.โจนส์ ?"
" คุณมีแผนการณ์พำนักอยู่ในเมืองของเรานานแค่ไหน "
" คุณคิดว่าสภาพดินฟ้าอากาศของเราเป็นอย่างไร ?"
" คุณมีครอบครัวแล้วใช่ไหม ? "
" คุณอยู่ในธุรกิจประเภทใด ?"


คำถามทั้งหลายเหล่านี้ก่อให้เกิดความอบอุ่นขึ้นได้อย่างแน่นอน  ก็เพราะ มันทำให้บุคคลอื่น

พูดเกี่ยวกับตัวเอง  คำถามดังกล่าวกระเทาะและละลายความเย็นชาของผู้อื่น  เพราะมันแสดงให้เห็นว่า

คุณสนใจในตัวเขา   คุณไม่ต้องค้นหาหัวข้อที่เขาสามารถพูดคุย  แต่เริ่มต้นด้วยหัวข้อหนึ่งซึ่งเขามีความเชียวชาญ นั่นคือเรื่องของตัวเอง

ถ้อยคำืั้ที่ใช้ เริ่มต้น  การสนทนาอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง

เพี่ยงคุณ เร่ิ่มต้น  กานสนทนาหนึ่งให้เหมือนกับการ เริ่มต้น สุมกองไฟ  กล่าวคือ คุณมิได้คาดหมาย

ว่าไฟจะคุโพลงร้อนแรงแต่แรกเริ่ม   คุณเพียงแค่เริ่มต้นด้วยการจุดไม้ขีดก้านหนึ่งเท่านั้น

การที่เราพูดคุย เพื่อ ผูกมิตร หรือ สร้างความเป็นกันเอง  ในตัวบุคคลอื่นเสียก่อนนั้น

แสดงให้เห็นว่า  จิตใต้สำนึกของเราตระหนักข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้วว่า

การสนทนาที่ดีต้องการระยะเวลาหนึ่งสำหรับการ อุ่นเครื่อง


วิธีการผูกมิตรกับคนแปลกหน้า คุณจะพบว่าตัวเองสามารถใช้วิธีการเดียวกันนี้

เพื่อเริ่มต้นสนทนากับคนแปลกหน้าบนเครื่องบิน  รถประจำทาง และรถไฟได้เป็นอย่างดี

คุณจะทำให้การเดินทางมีความน่าอภิรมย์ยิ่งขึ้น  และเป็นไปได้ที่อาจพบใครบางคน

ผู้ซึ่งจะกลายเป็นเพื่อนที่ยั่งยืนถาวรตลอดไป  จงอย่าพยายามคิดค้นถ้อยคำบางสิ่งที่ลึกซึ้ง

หรือหลักแหลมมากล่าว  กระทำเพียงแค่ให้ขอสังเกตบางประการ

สอดแทรกคำถามบางอย่าง  หรือแสดงความคิดเห็นกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว

" ในนี้ร้อนจัง... ผู้คนแถวหน้าเหล่านั้นต้องการให้เปิดหน้าต่างออกไปบ้าง "

อีกวิธีหนึ่งก็คือการตั้งคำถาม  เพราะการถามไถ่เพื่อขอความรู้นั้น ไม่เพียง

ทำให้ผู้อื่นบังเกิดความอบอุ่นและเปิดเผยมากขึ้นเท่านั้น  แต่ยังทำให้ผู้อื่นบังเกิด

ความรู้สึกที่ดี  เพราะว่าเขาอยู่ในสถานะที่กระทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุฯพึงพอใจ


" ขอโทษครับ ตอนนี้กี่โมงแล้ว
" เครื่องบินลำนี้จะถึง แคนซัส ซิตี้ กี่โมง
" รถเมล์ริเวอร์ไซด์ผ่านทางนี้หรือไม่ ?"


เป็นคำถามธรรมดา ๆ ? ง่าย ๆ ? .... ไม่ต้องสงสัยในข้อนี้ แต่นี้เป็นวิถีทางที่การสนทนา

เริ่มต้น   เหตุผลที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเริ่มต้นพูดคุยได้อย่างลื่นไหล

เป็นเพราะพวกเขาทุ่มเทความพยายามมากเกินไป  และพยายามทำให้บางสิ่ง

บางอย่างกลายเป็นเรื่องยาก


วิธีการตั้งคำถามให้ผู้อื่นสนใจ  จงรักษาแนวทางการสนทนาให้การพูดคุย ดำเนินไปใน

ทิศทางที่ผู้อื่นมีความสนใจ  โดยตั้งคำถาม เช่น ทำไม ? ที่ไหน ? และอย่างไร ?

เมื่อเขากล่าวว่า  " ผมมีที่แปลงเล็ก ๆ ราว 25 เอเคอร์  อยู่ที่บ้านเกิดในอินเดียนา "

ละก็  อย่าจู่โจมเข้าใส่ด้วยการพูดว่า " ผมสิมีที่ดิน 500 เอเคอร์ในเท็กซัส

แถมในที่ดังกล่าวมีบ่อน้ำมันอ 50 บ่อ "  แทนการกล่าวเช่นนั้น  จงใช้ประโยคที่ว่า

" อยู่ส่วนไหนของอินเดียนา ? แล้วคุณทำประโยชน์กับที่ิดินดังกล่าวอย่างไร ?"

ถ้าเขาพูดว่ามีเรือตกปลา  อย่ากล่าวว่า " เดี๋ยวก่อน.. ขอให้ผมเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเครื่องบิน

ส่วนตัวสักหน่อย " ในทางกลับกัน ควรตั้งคำถามว่า " เรือยาวเท่าไหร ?

เครื่องยนต์ขนาดไหน ?  คุณมีเรือลำนี้นานเท่าใด ? "


" ทำไมคุณจึงทำอย่างนั้น ? "
" คุณจัดการสิ่งนั้นได้อย่างไร ? "
" แล้วคุณพูดว่าอย่างไร ? "


คำถามเหล่านี้  รวมทั้งที่ละม้ายคล้ายกันทั้งหลาย  จะทำให้คุณได้รับสมญานามว่า

เป็นเพื่อนสนทนาที่น่าสนใจที่สุดคนหนึ่ง ที่เพื่อนพ้องของคุณเคยพานพบประสบมาเลยทีเดียว


ที่มา : พลังมนุษยสัมพันธ์