บอนโจร์โน่ อันดิอาโม อ๊ะ ชิตตา เดล วาติกาโน่วววววว
หลังจากเมื่อวานท่องเที่ยวอย่างเหน็ดเหนื่อยแทบตายแล้ว วันนี้ก็เลยขออนุญาตให้คนอื่นพาเที่ยวแทนครับ โดยวันนี้เราจะไปเที่ยว Vatican City กับ “Dark Rome Tour” ครับ เขาเป็นบริษัททัวร์ที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในการนำเที่ยวไม่ว่าจะเป็นที่ Colosseum, Forum หรือ Vatican city ซึ่งผมได้จองทัวร์นี้มาตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ ราคาอยู่ที่ 70 euros/คน สถานที่เที่ยวที่จะพาไปก็คือ Vatican Museum (รวมถึง Sistine Chapel และ Raphael’s Room) และ St. Peter’s Basilica
เหตุผลที่คราวนี้จะให้ทัวร์พาไปก็เพราะ Vatican Museum และ St. Peter’s Basilica นอกจากจะใหญ่มากกกกกกก แล้วยังต่อแถวรอนานมากด้วย แต่ถ้าเราไปกับทัวร์นี้ เขาจะพาเราเข้าทางพิเศษได้ ไม่ต้องต่อแถว แถมยังมีไกด์คอยบรรยายให้ฟังผ่านหูฟังส่วนตัว จะได้เที่ยวได้อย่างง่ายขึ้นครับ ดีไม่ดี ถูกใจอย่างไรก็ตามมาดูนะครับ
**สปอยล่วงหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ชอบไกด์ที่บรรยายมาก นางมีความรู้ลึกสุดๆ ถามอะไรยากขนาดไหนนางตอบได้เป๊ะหมด และก็ชอบที่พาไป Raphael’s Rooms, Sistine Chapel และวิหาร St.Peter’s อย่างคล่องแคล่ว เดินไปได้แบบ VIP ถ้าใครชอบสถาณที่ที่บอกมา และก็อยากเที่ยวแบบได้ความรู้สนุกๆ ทัวร์นี้ดีมาก
แต่!!!! คุณจะไม่ได้ดูงานศิลปะในตัวพิพิธภัณฑ์เองเท่าไรนัก อย่าง Laocoon, Apollo Belvedere, Augustus Prima Porta หรือ บันไดอลังการตรงทางออก เขาไม่พาไปดูนะ และเราย้อนไปไม่ได้ละ เพราะทัวร์มันจบที่ St. Peter’s Square ไง เดินย้อนศรไม่ได้
ลิงไปเลือกเอาเองครับ มีบริษัททัวร์อีกเยอะแยะเลย ส่วนตัวผมก็พอใจกับ Dark Rome นี่แล้วนะ
ทัวร์เขานัดตอน 8.00 ให้มาเจอกันที่หน้าพิพิธภัณฑ์เลย การเดินทางสู่ Vatican ด้วยรถใต้ดินให้นั่งไปลงสถานี Ottaviano แล้วเดินต่ออีกนิดเดียว ยังไงก็ไม่หลงครับ นักท่องเที่ยวเยอะ เดินตามไปก็เจอ
พอรอคนมาครบแล้ว (20 คน) เขาก็จะพาเราเข้าพิพิธภัณฑ์ทางคล้ายๆกับ VIP
เริ่มต้นด้วยจุดชมวิวจากพิพิธภัณฑ์ เห็นโดมของ St. Peter’s Basilica อยู่ข้างหลัง
ระหว่างเดินไปตามทางเข้า ขอเล่าประวัติของพิพิธภัณฑ์ซักหน่อย
Musei Vaticani มีจุดกำเนิดเมื่อ 600 ปีก่อน เมื่อ Pope Julius II จัดนิทรรศการแสดงรูปปั้น “Laocoon and his Sons” ที่เพิ่งถูกขุดค้นพบ หลังจากนั้นก็เริ่มมีการรวบรวมงานศิลปะที่เหล่าพระสันตะปาปาได้เก็บสะสมมาหลายยุคหลายสมัย รวมไปถึงพื้นที่ส่วนตัวที่ได้รับการตกแต่งโดยศิลปินผู้โด่งดังหลายคนด้วย
ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีคนมาเที่ยวชมมากถึง 6 ล้านคนต่อปี จัดเป็นอันดับ 5 ของโลก และอันดับ 2 ในยุโรป (รองจาก Louvre)
แถมยังมี Promotion! ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของทุกเดือน จะเปิดให้เข้าชมฟรี!!! ต่อคิวยาวหลายชั่วโมงอยู่ ใครที่อยากเที่ยวแบบประหยัดก็ไปต่อแถวเข้าฟรีได้ แต่ใครที่ไม่อยากเจอคนเยอะ อย่าไปครับ
และก็มาถึง Belvedere Courtyard ออกแบบโดย Bramante บริเวณนี้สร้างเป็น “exedra” แบบของวังโรมัน ข้างในเป็น The fountain of pine cone (Fontana della Pigna) น้ำพุของแท้ของโรมันที่ย้ายมาจาก Temple of Isis (ใช่ครับ Isis ที่เป็นเทพีอียิปต์น่ะครับ คนโรมันบางส่วนเขาก็บูชาด้วย)
งานศิลปะสมัยใหม่ชื่อว่า “Sphere within sphere” (ขออภัย แสงแย่เพราะฝนตก + กล้องมือถือ รูปไม่ค่อยสวยเลย)
เดินเข้าอาคารไป เจอห้องอะไรไม่รู้ มีรูปปั้นอียิปต์ด้วย ไม่ได้ดูนานครับ มากับทัวร์ก็เสียตรงเดินตามใจไม่ได้แหละครับ
ระหว่างทาง เจออะไรเนี่ย... หีบสมบัติหรือเปล่า??
ไม่ใช่ละ นี่คือโลงศพหินอ่อน ไกด์บอกว่าผู้ตายเป็นเด็กตัวน้อย ก็เลยมีรูปสลักของเด็กเต็มไปหมด แต่ให้ดูดีๆคือเด็กพวกนี้บางคนก็เล่ยเครื่องดนตรี อ่านเขียนหนังสืออยู่ ที่มีรูปแบบนี้เพราะว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้คงคาดหวังไว้ให้ลูกชายโตขึ้นไปทำสิ่งเหล่านั้น เหมือนเป็นการเอาความฝันฝังไปกับศพของลูกในโลง คิดแล้วก็เศร้าเหมือกันแฮะ -3-
ประตู สุดเว่อ
ห้องแรกที่เรามาดูคือ Hall of Maps ห้องแผนที่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกห่งหนึ่ง เพราะเก็บข้อมูลทางภูมิศาสตร์เอาไว้แทบจะจากทุกมุมโลกเลย #เพดานวิ้งวิ้งแสบตามาก555555
ต่อไปก็จะมาถึงห้องเก็บจิตรกรรมที่ศิลปินหลายหน้าหลายตามาสร้างผลงาน ตกแต่งห้องให้กับพระสันตะปาปาครับ
Room of the Immaculate (Sala dell’Immacolata Concezione) กับภาพเขียนขนาดใหญ่ The Proclamation of the Dogma of the Immaculate Conception เป็นรูปของ Francesco Podesti เกี่ยวกับ Pope Pius IX กำลังประกาศหลักการทางศาสนา (ที่ผมไม่เข้าใจ)
Fresco บนหลังคาก็ผลงานศิลปินคนเดียวกัน
[CR] REVIEW: Italy Sightseeing Trip ,Day10: In The Church’s Embrace
หลังจากเมื่อวานท่องเที่ยวอย่างเหน็ดเหนื่อยแทบตายแล้ว วันนี้ก็เลยขออนุญาตให้คนอื่นพาเที่ยวแทนครับ โดยวันนี้เราจะไปเที่ยว Vatican City กับ “Dark Rome Tour” ครับ เขาเป็นบริษัททัวร์ที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในการนำเที่ยวไม่ว่าจะเป็นที่ Colosseum, Forum หรือ Vatican city ซึ่งผมได้จองทัวร์นี้มาตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ ราคาอยู่ที่ 70 euros/คน สถานที่เที่ยวที่จะพาไปก็คือ Vatican Museum (รวมถึง Sistine Chapel และ Raphael’s Room) และ St. Peter’s Basilica
เหตุผลที่คราวนี้จะให้ทัวร์พาไปก็เพราะ Vatican Museum และ St. Peter’s Basilica นอกจากจะใหญ่มากกกกกกก แล้วยังต่อแถวรอนานมากด้วย แต่ถ้าเราไปกับทัวร์นี้ เขาจะพาเราเข้าทางพิเศษได้ ไม่ต้องต่อแถว แถมยังมีไกด์คอยบรรยายให้ฟังผ่านหูฟังส่วนตัว จะได้เที่ยวได้อย่างง่ายขึ้นครับ ดีไม่ดี ถูกใจอย่างไรก็ตามมาดูนะครับ
**สปอยล่วงหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทัวร์เขานัดตอน 8.00 ให้มาเจอกันที่หน้าพิพิธภัณฑ์เลย การเดินทางสู่ Vatican ด้วยรถใต้ดินให้นั่งไปลงสถานี Ottaviano แล้วเดินต่ออีกนิดเดียว ยังไงก็ไม่หลงครับ นักท่องเที่ยวเยอะ เดินตามไปก็เจอ
พอรอคนมาครบแล้ว (20 คน) เขาก็จะพาเราเข้าพิพิธภัณฑ์ทางคล้ายๆกับ VIP
เริ่มต้นด้วยจุดชมวิวจากพิพิธภัณฑ์ เห็นโดมของ St. Peter’s Basilica อยู่ข้างหลัง
ระหว่างเดินไปตามทางเข้า ขอเล่าประวัติของพิพิธภัณฑ์ซักหน่อย
Musei Vaticani มีจุดกำเนิดเมื่อ 600 ปีก่อน เมื่อ Pope Julius II จัดนิทรรศการแสดงรูปปั้น “Laocoon and his Sons” ที่เพิ่งถูกขุดค้นพบ หลังจากนั้นก็เริ่มมีการรวบรวมงานศิลปะที่เหล่าพระสันตะปาปาได้เก็บสะสมมาหลายยุคหลายสมัย รวมไปถึงพื้นที่ส่วนตัวที่ได้รับการตกแต่งโดยศิลปินผู้โด่งดังหลายคนด้วย
ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีคนมาเที่ยวชมมากถึง 6 ล้านคนต่อปี จัดเป็นอันดับ 5 ของโลก และอันดับ 2 ในยุโรป (รองจาก Louvre)
แถมยังมี Promotion! ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของทุกเดือน จะเปิดให้เข้าชมฟรี!!! ต่อคิวยาวหลายชั่วโมงอยู่ ใครที่อยากเที่ยวแบบประหยัดก็ไปต่อแถวเข้าฟรีได้ แต่ใครที่ไม่อยากเจอคนเยอะ อย่าไปครับ
และก็มาถึง Belvedere Courtyard ออกแบบโดย Bramante บริเวณนี้สร้างเป็น “exedra” แบบของวังโรมัน ข้างในเป็น The fountain of pine cone (Fontana della Pigna) น้ำพุของแท้ของโรมันที่ย้ายมาจาก Temple of Isis (ใช่ครับ Isis ที่เป็นเทพีอียิปต์น่ะครับ คนโรมันบางส่วนเขาก็บูชาด้วย)
งานศิลปะสมัยใหม่ชื่อว่า “Sphere within sphere” (ขออภัย แสงแย่เพราะฝนตก + กล้องมือถือ รูปไม่ค่อยสวยเลย)
เดินเข้าอาคารไป เจอห้องอะไรไม่รู้ มีรูปปั้นอียิปต์ด้วย ไม่ได้ดูนานครับ มากับทัวร์ก็เสียตรงเดินตามใจไม่ได้แหละครับ
ระหว่างทาง เจออะไรเนี่ย... หีบสมบัติหรือเปล่า??
ไม่ใช่ละ นี่คือโลงศพหินอ่อน ไกด์บอกว่าผู้ตายเป็นเด็กตัวน้อย ก็เลยมีรูปสลักของเด็กเต็มไปหมด แต่ให้ดูดีๆคือเด็กพวกนี้บางคนก็เล่ยเครื่องดนตรี อ่านเขียนหนังสืออยู่ ที่มีรูปแบบนี้เพราะว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้คงคาดหวังไว้ให้ลูกชายโตขึ้นไปทำสิ่งเหล่านั้น เหมือนเป็นการเอาความฝันฝังไปกับศพของลูกในโลง คิดแล้วก็เศร้าเหมือกันแฮะ -3-
ประตู สุดเว่อ
ห้องแรกที่เรามาดูคือ Hall of Maps ห้องแผนที่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกห่งหนึ่ง เพราะเก็บข้อมูลทางภูมิศาสตร์เอาไว้แทบจะจากทุกมุมโลกเลย #เพดานวิ้งวิ้งแสบตามาก555555
ต่อไปก็จะมาถึงห้องเก็บจิตรกรรมที่ศิลปินหลายหน้าหลายตามาสร้างผลงาน ตกแต่งห้องให้กับพระสันตะปาปาครับ
Room of the Immaculate (Sala dell’Immacolata Concezione) กับภาพเขียนขนาดใหญ่ The Proclamation of the Dogma of the Immaculate Conception เป็นรูปของ Francesco Podesti เกี่ยวกับ Pope Pius IX กำลังประกาศหลักการทางศาสนา (ที่ผมไม่เข้าใจ)
Fresco บนหลังคาก็ผลงานศิลปินคนเดียวกัน